กรุงเทพฯ 26 ธ.ค.- รมว.พลังงาน ยืนยันมุ่งทำงาน แก้วิกฤติพลังงาน ไม่ขอแสดงความเห็นฉายา Power blank รู้ยังปี65 ช่วยเหลือเหลืองด้านพลังงานกว่า 232,800 ล้านบาท ลงทุนกว่า 260,000 ล้านบาท
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ไม่ขอแสดงความคิดเห็นที่สื่อมวลชน สายทำเนียบรัฐบาลตั้งฉายาปี 2565 ว่า “พาวเวอร์ แบลงค์( Power blank)” โดยปี2564 ตนก็ได้ฉายา มหาเฉื่อย 4 D เรื่องการตั้งฉายา ส่วนหนึ่งก็มาจากอารมณ์ความเห็น ความรู้สึกส่วนตัว ก็ขอให้ทุกฝ่ายมองที่ข้อเท็จจริงมากกว่า ว่าที่ผ่านมากระทรวงพลังงานและตน ร่วมประชุมหาทางแก้ปัญหาวิกฤตพลังงานมาอย่างต่อเนื่อง เรื่องนี้ผลกระทบมาจากวิกฤติพลังงานโลก ที่แพงขึ้นจาก สงคราม รัสเซีย-ยูเครน และผลกระทบจากการผลิตจากแหล่งก๊าซเอราวัณผลิตได้ต่ำกว่าแผน ช่วงการเปลี่ยนผ่านจากสัมปทานและเป็นระบบแบ่งปันผลผลิต (PSC ) รวมทั้งเกิดปัญหาโควิด สำรองไฟฟ้าล้น ซึ่งเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกิดจากรัฐบาลชุดนี้ และไม่ขอโทษรัฐบาลที่ผ่านๆมา
“อยากให้มองว่า BLANK หรือไม่ก็ขอให้มองภาพรวม เราร่วมกันแก้ปัญหาวิกฤติพลังงาน เมื่อก๊าซไม่พอ ต้องพึ่งพาแอลเอ็นจีนำเข้า เมื่อแอลเอ็นจีแพงก็ต้องใช้น้มันทดแทน รวมทั้งดูเรื่องการช่วยเหลือประชาชน และขอความร่วมมือจากแหล่งต่างๆให้ร่วมมือผลิตเพิ่มมากที่สุด ทาง ปตท.สผ. ก็เร่งขุดเจาะเพื่อเพิ่มกำลังผลิต วิกฤตพลังงานเป็นปัญหาที่หนักหนาสาหัส ก็ขอให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันฝ่าวิกฤติทั้งประหยัดพลังงาน หรือดูส่วนไหน ช่วยลดการใช้ไฟฟ้าลดการพึ่งพาแอลเอ็นจีได้ ก็ขอให้ร่วมมือกัน”นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว
ทั้งนี้ นายสุพัฒนพงษ์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารสังกัดกระทรวงพลังงานแถลงผลการดำเนินงานของกระทรวงพลังงาน ปี2565 ของขวัญปีใหม่สำหรับประชาชน และแผนการดำเนินงานของกระทรวงพลังงาน ปี 2566 โดยคาดว่าปี 2566 คาดว่าสถานการณ์ความผันผวนด้านพลังงานจะยังคงอยู่ และเพื่อให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศซึ่งมีสัญญาณที่ดีของการฟื้นตัวเดินหน้าไปได้ต่อเนื่อง กระทรวงพลังงานจึงดำเนินโครงการสำหรับช่วยเหลือประชาชนสำหรับก๊าซหุงต้ม (LPG) เพื่อลดต้นทุนค่าครองชีพต่อเนื่องจากปี 2565 โดยตรึงราคาขายปลีก LPG อยู่ที่ 408 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม จนถึงวันที่ 31 มกราคม 2566 และช่วยส่วนลดค่าก๊าซหุงต้ม (LPG) แก่ผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 100 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2566 นอกจากนี้ปตท.ยังคงให้ส่วนลดแก่ร้านค้าหาบเร่ แผงลอยอาหารที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 100 บาทต่อคนต่อเดือน เพื่อเป็นการลดต้นทุนค่าครองชีพ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2566
กลุ่ม ปตท. จะตรึงราคาน้ำมันทุกชนิดระหว่างวันที่ 24 ธันวาคม 2565 – 3 มกราคม 2566 และประชาชนสามารถนำรถยนต์เข้าตรวจสภาพก่อนการเดินทางกลับภูมิลำเนาหรือการท่องเที่ยว โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายที่ศูนย์บริการ FIT Auto นอกจากนั้น ยังมีการแจกคูปองส่วนลดครึ่งราคาที่พักที่เขื่อน กฟผ. การส่งเสริมสินค้าชุมชนผ่านโครงการเอนจี้ มีดี และแจกผลิตภัณฑ์ชุมชนเป็น Box Set ให้ผู้เดินทางที่กลับจากต่างจังหวัดโดยรถไฟอีกด้วย
สำหรับแผนงานสำคัญของกระทรวงพลังงานในปี 2566 จึงมุ่งสู่พลังงานสะอาดเพื่อตอบโจทย์สังคมยุคไร้คาร์บอนโดยได้วางแผนงานและโครงการแบ่งเป็น 4 มิติ ประกอบด้วย
มิติที่ 1 พลังงานสร้างความมั่นคงสู่สังคมคาร์บอนต่ำ โดยแผนพลังงานชาติและแผนพลังงานรายสาขาใหม่เน้นการส่งเสริมพลังงานสะอาด ตามเป้าหมายสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี ค.ศ. 2050 และเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี ค.ศ. 2065 มีแผนการลงทุน Grid Modernization ศึกษาศักยภาพ กำหนดหลักเกณฑ์และแนวทางการพัฒนาเทคโนโลยีการดักจับ การใช้ประโยชน์และการกักเก็บคาร์บอน (CCUS)
มิติที่ 2 พลังงานเสริมสร้างเศรษฐกิจ ด้วยการจัดหาก๊าซธรรมชาติจากแหล่งในประเทศ และประเทศเพื่อนบ้านซึ่งมีต้นทุนการผลิตต่ำกว่าการนำเข้า Spot LNG เร่งพัฒนาเครื่องมือทางการเงินเพื่อส่งเสริมพลังงานทดแทน และการอนุรักษ์พลังงาน คาดการลงทุนทางด้านพลังงานในประเทศในปี 2566 คาดว่าจะเกิดเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจในมิตินี้กว่า 230,000 ล้านบาท
มิติที่ 3 พลังงานลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยส่งเสริมการลงทุนโรงไฟฟ้า ชีวมวล/ก๊าซชีวภาพจากพืชพลังงานเพื่อชุมชนและเศรษฐกิจฐานราก โดยเร่งการลงทุน 200 เมกะวัตต์ คาดว่าจะมีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจรวม 20 ปีประมาณ 37,700 ล้านบาท และยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 630,737 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ต่อปี
มิติที่ 4 การพัฒนาองค์กรเพื่อให้บริการ โดยเผยแพร่ข้อมูลด้านพลังงานรูปแบบ Interactive Dashboard แสดงข้อมูลเชิงลึกด้านพลังงานผ่านการประมวลผลรูปแบบที่เข้าใจง่าย เพื่อใช้สื่อสารให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลได้อย่างสะดวก รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพด้านดิจิทัลในการดำเนินงานด้านพลังงาน
ด้านลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน ในปี 2565 ได้ดำเนินการลดภาระค่า Ft ให้แก่ผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 500 หน่วยรักษาระดับราคาขายปลีกดีเซล และยังคงตรึงราคาขายก๊าซ LPG ไว้ภายหลังจากทยอยปรับขึ้นให้ใกล้เคียงราคาตลาดที่แท้จริง โดยมีการช่วยเหลือผ่านกลุ่มร้านค้า หาบเร่ แผงลอยอาหาร และผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยมูลค่าการช่วยเหลือทางด้านพลังงานในปี 2565 รวมทั้งสิ้นกว่า 232,800 ล้านบาท
ด้านส่งเสริมการลงทุนและกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยส่งเสริมทั้งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติไฟฟ้า โครงการพลังงานทดแทนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก และโครงการอื่นๆ รวมมูลค่าการลงทุนกว่า 260,000 ล้านบาท ส่งเสริมพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน การส่งเสริมสนับสนุนสถานีอัดประจุไฟฟ้าเพื่อรองรับยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ปัจจุบันมี 869 สถานีทั่วประเทศ การประหยัดพลังงานหน่วยงานรัฐ และเตรียมร่างแผนบูรณาการการลงทุน Grid Modernization ของประเทศฉบับแรก เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานไฟฟ้าระยะ 5 ปี (ปี2565 – 2570) เป็นการบูรณาการการลงทุนและจัดลำดับความสำคัญของโครงการของ 3 การไฟฟ้าทั้งในส่วนระบบผลิต ระบบส่ง และระบบจำหน่าย
กรมธุรกิจพลังงานยังปรับบทบาทองรับนโยบายส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า โดยสร้างความร่วมมือกับกลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นปิโตรเลียมสนับสนุนการลงทุนต่อยอดในธุรกิจใหม่ ได้แก่ ปิโตรเคมีขั้นสูง Bio-refinery และพลังงานหมุนเวียน ซึ่งคาดว่าจะมีการลงทุนไม่น้อยกว่า 17 โครงการ มูลค่าประมาณ 109,100 ล้านบาท .-สำนักข่าวไทย