กรุงเทพฯ 15 พ.ย.-อีอีซี เชื่อม สมาคมธุรกิจแห่งเยอรมนีฯ (OAV) ดึงทุนบริษัทชั้นนำจากยุโรป ร่วมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเป้าหมายภายใต้เศรษฐกิจ BCG ที่เป็นมิตรสิ่งแวดล้อม พร้อมพัฒนาบุคลากรแลกเปลี่ยนองค์ความรู้สร้างโอกาสลงทุนพื้นที่อีอีซีได้ตามเป้า 2.2 ล้านล้านในปี 2570
นายคณิศ แสงสุพรรณ ประธานที่ปรึกษาพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(สกพอ.) หรือ อีอีซี พร้อมด้วยนางนงนุช เพ็ชรรัตน์ ที่ปรึกษาพิเศษด้านการต่างประเทศ ให้การต้อนรับและกล่าวเปิดการประชุมร่วมกับ สมาคมธุรกิจแห่งเยอรมนีและเอเชียตะวันออกและอาเซียน (OAV) ซึ่งได้เชิญนักธุรกิจจากบริษัทชั้นนำในประเทศเยอรมนีเดินทางมาประเทศไทย และจะเข้าเยี่ยมชมพื้นที่ อีอีซี ระหว่างวันที่ 15 -16 พ.ย.นี้ โดยคณะนักธุรกิจฯ ได้รับฟังบรรยายสรุปจาก นาย Georg Schmidt เอกอัครราชทูตสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีประจำประเทศไทย และร่วมรับฟังการเสวนาในหัวข้อ “Business Opportunities in Thailand and EEC” โดยมีผู้บริหารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมบรรยาย อาทิ นายวิรัตน์ ธัชศฤงคารสกุล รองเลขาธิการ บีโอไอ
นางสาวพริ้วแพร ชุมรุม ผู้อำนวยการสำนักเจรจาการค้าบริการและการลงทุน กระทรวงพาณิชย์ นางลัษมณ อรรถาพิช
ที่ปรึกษาผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) นายชาลี ขันศิริ นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการพิเศษ สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมกันนำเสนอข้อมูลโอกาสทางธุรกิจในประเทศไทยและ อีอีซี ความก้าวหน้าโครงการสำคัญในพื้นที่อีอีซี สิทธิประโยชน์แนวทางส่งเสริมการลงทุน เพื่อจูงใจและเป็นข้อมูลสำคัญให้นักธุรกิจจากเยอรมนีที่สนใจการลงทุนในไทย
การจัดประชุมฯ ครั้งนี้ นับเป็นการต่อยอดความสำเร็จ การจัดเวทีต้อนรับกระทรวงการลงทุน และการจับคู่นักลงทุนซาอุดีฯ เมื่อวันที่ 7 พ.ย.2565 ที่ผ่านมา และสานต่อการเยือนประเทศเยอรมนีของคณะเลขาธิการ สกพอ. เมื่อช่วงเดือนพฤษภาคมปี 2565 ที่ได้มีการพบปะนักลงทุนเยอรมนีเพื่อสร้างโอกาสการลงทุนในไทย และได้ร่วมกับสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเบอร์ลิน จัดเวทีเสวนาให้นักธุรกิจและนักลงทุนเยอรมัน ได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับโอกาสและสิทธิประโยชน์ การลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายในอีอีซี โดยเฉพาะด้าน ยานยนต์แห่งอนาคต การขนส่งโลจิสติกส์ดิจิทัล ที่สอดคล้องกับการลงทุนเศรษฐกิจสีเขียว BCG อันเป็นนโยบายสำคัญของประเทศไทยในการส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ
นอกจากนี้ คณะนักธุรกิจเยอรมนี จะเข้าเยี่ยมชมโครงการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบังเฟส 3 เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล (EECd) EEC Automation Park และ ศูนย์จีโนมิกส์ ในมหาวิทยาลัยบูรพา และโรงงานพลังงานบริสุทธิ์ ( EA) โดยจะมีการพบปะกับผู้บริหารของบริษัทเยอรมนีที่มีการลงทุนในพื้นที่ อีอีซี เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และมุมมองด้านการลงทุนที่โรงแรมเซ็นทารา มิราจ บีช รีสอร์ท พัทยา และ สกพอ. จะจัดการบรรยายสรุปที่อมตะซิตี้ จังหวัดชลบุรี เกี่ยวกับโอกาสการลงทุนในอุตสาหกรรมดิจิทัล และความร่วมมือเพื่อพัฒนาบุคลากรป้อนภาคอุตสาหกรรมเป้าหมาย อีกด้วย
สำหรับประเทศเยอรมนี นับเป็นคู่ค้าสำคัญและลงทุนในไทยมากเป็นอันดับที่ 4 ในกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป ปัจจุบันมีบริษัทเยอรมันมากกว่า 600 บริษัทเข้ามาลงทุนในไทยโดยเฉพาะนักลงทุนรายใหญ่ชื่อเสียงระดับโลกเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง อาทิ บริษัท Siemen บริษัท Mercedes Benzบริษัท BMW บริษัท Schaeffler บริษัท Robert Bosch และบริษัท Continental เป็นต้น โดยภาคเอกชนเยอรมันได้แสดงความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในพื้นที่อีอีซีมากขึ้น ด้วยเชื่อมั่นในศักยภาพของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการลงทุนที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจและส่งผลให้ไทยเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางบก เรือ อากาศ ของภูมิภาคในอนาคตอันใกล้การเดินทางมาไทยและเยี่ยมชมพื้นที่อีอีซีของคณะนักธุรกิจเยอรมนีครั้งนี้ จะช่วยสร้างโอกาสการลงทุนระยะ 2 ตามเป้าหมายของอีอีซี ให้เกิดการลงทุน 2.2 ล้านล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะมีเงินลงทุนประมาณปีละ 400,000 – 500,000 ล้านบาท (ปี 2566 – 70) รวมทั้งย้ำความมุ่งมั่นที่จะทำให้พื้นที่อีอีซี เป็นพื้นที่การลงทุนอุตสาหกรรม BCG ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่จะเป็นเทรนด์สำคัญของโลกเพิ่มแรงจูงใจและรองรับนักธุรกิจจากทั่วโลกให้เข้ามาลงทุนได้ต่อเนื่อง .-สำนักข่าวไทย