กรุงเทพฯ 11 ต.ค.- กสทช. นำร่องร่วมมือกับ 3 องค์กรวิชาชีพสื่อ ส่งเสริมกลไกการกำกับดูแลกันเอง เกี่ยวกับเรื่องร้องเรียนด้านจริยธรรม การนำเสนอเนื้อหาของสื่อมวลชน เพิ่มช่องทางการร้องเรียนให้กับประชาชน
ศาสตราจารย์ ดร. พิรงรอง รามสูต กสทช. เปิดเผยว่า กสทช. ร่วมส่งเสริมสนับสนุนกลไกการกำกับดูแลกันเองของสื่อ โดยผลักดันให้องค์กรวิชาชีพทำหน้าที่กำกับดูแลกันเองภายใต้มาตรฐานจริยธรรม ตามมาตรา 28 (18)แห่ง พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ และ มาตรา 39, 40 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์พ.ศ. 2551 ซึ่งเป็นการเพิ่มช่องทางการร้องเรียนให้กับประชาชน ให้สามารถร้องเรียนเนื้อหารายการที่เข้าข่ายละเมิดจริยธรรมหรือกรณีที่ได้รับผลกระทบจากการนำเสนอข่าวหรือเนื้อหารายการหรือเห็นพฤติกรรมของสื่อที่ไม่เหมาะสม ขัดต่อจริยธรรมวิชาชีพได้
ทั้งนี้ ประชาชนสามารถร้องเรียนผ่าน 3 องค์กรวิชาชีพสื่อที่เข้าร่วม ได้แก่ สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ สมาคมสภาวิชาชีพกิจการแพร่ภาพและกระจายเสียง (ประเทศไทย) และสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ซึ่งจะมีคณะกรรมการประสานงานรับและติดตามเรื่องร้องเรียน นอกเหนือไปจากการร้องทุกข์ไปที่สถานีโทรทัศน์โดยตรง หรือการแจ้งมาที่ กสทช. เพื่อการดูแลแก้ไขปัญหาอย่างทันท่วงที และมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยจะมีการระบุขั้นตอนและระยะเวลาในการดำเนินการเพื่อให้ผู้ร้องเรียนได้รับทราบด้วย
ศาสตราจารย์ ดร. พิรงรอง กล่าวว่า การดำเนินการครั้งนี้ เป็นการทํางานร่วมกันระหว่างองค์กรวิชาชีพสื่อกับกสทช. อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งนับเป็นมิติใหม่ในการกำกับดูแลภายใต้เสรีภาพและความรับผิดชอบร่วมกันของผู้ประกอบการ องค์กรวิชาชีพ และองค์กรกำกับดูแล หลังจากนี้ กสทช. จะขยายความร่วมมือไปยังองค์กรวิชาชีพสื่อองค์กรอื่นๆ ที่มีความพร้อมต่อไปด้วย
ทั้งนี้แนวทางในต่างประเทศการกำกับดูแลกันเอง หรือ Self-regulation และการกำกับดูแลร่วมกัน หรือ Co-regulation เป็นวิธีการสากลที่หลายประเทศใช้ในการกำกับดูแลสื่อร่วมไปกับการใช้อำนาจทางกฎหมาย สำหรับประเทศไทย กสทช. ชุดปัจจุบันมีนโยบายส่งเสริมให้มีกลไกการกำกับดูแลกันเองและการกำกับดูแลร่วมกันให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม โดยจะมีการทำงานและกำหนดเป้าหมายร่วมกันระหว่าง กสทช. ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแล องค์กรวิชาชีพ และผู้ประกอบกิจการ เพื่อเสริมสร้างระบบนิเวศสื่อที่ดี ด้วยการทำงานแบบเป็นหุ้นส่วนที่เท่าเทียมกัน (Equal Partnership) เพื่อจัดวางระบบการกำกับดูแลและส่งเสริมจริยธรรมสื่อ
โดย กสทช. หวังว่ากลไกการกำกับดูแลกันเองและการกำกับดูแลร่วมกันจะเห็นผลในทางปฏิบัติทั้งในระยะสั้นคือ การแก้ไขปัญหาของผู้บริโภคสื่อที่ได้รับผลกระทบจากการออกอากาศเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพและในระยะยาวคือ การร่วมมือกันตรวจสอบ เฝ้าระวัง และพัฒนาไปสู่การยกระดับมาตรฐานจริยธรรมแห่งวิชาชีพ สร้างศักยภาพสื่อที่มีคุณภาพอย่างเป็นระบบและมีความยั่งยืนด้วยความร่วมมือร่วมกัน
“เมื่อมีเหตุการณ์อ่อนไหวต่างๆ ขึ้นในสังคม เราต้องไม่เห็นเพียงการออกแถลงการณ์ขององค์กรสื่อเพื่อขอความร่วมมือหรือเตือนผู้ประกอบการสื่อมวลชนให้ใช้ความระมัดระวัง ทำหน้าที่บนพื้นฐานจริยธรรมและจรรยาบรรณเท่านั้น แต่ต้องเห็นความคืบหน้าด้วยว่า ในกรณีที่มีการละเมิดจริยธรรม จรรยาบรรณแล้วนั้น ได้มีการดำเนินการอย่างไร มีการแก้ไขและป้องกันไม่ให้เกิดการละเมิดอีก” ศาสตราจารย์ ดร. พิรงรอง
นายชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี ประธาน สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ และนายกสมาคมสภาวิชาชีพกิจการแพร่ภาพและกระจายเสียง (ประเทศไทย) กล่าวว่า กรณีที่เห็นได้ชัดเจน คือกรณี คดีกราดยิงที่ จ.หนองบัวลำภู ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่สุ่มเสี่ยงและเกิดการละเมิด ยังไงก็ตามความผิดพลาดที่เกิดขึ้นเมื่อมีการแจ้งสื่อที่เผยแพร่ ก็ได้รับความร่วมมือในการแก้ไขโดยเร็ว มีการถอดคลิปดังกล่าวออกจากระบบ ถือเป็นการตื่นตัว และ ให้ความร่วมมือขององค์กรวิชาชีพสื่อที่เป็นสมาชิก
ส่วนขั้นตอนในอนาคต ทั้ง 3 สภาวิชาชีพ จะมีการตั้งคณะทำงานร่วมกัน กรณี มีผู้ร้องเรียนการกระทำผิดจริยธรรมเข้ามา เบื้องต้น จะพิจารณาว่า สื่อที่โดนร้องเรียน สังกัดสภาวิชาชีพใด ใน 3 สภาวิชาชีพ โดยหลังรับเรื่องก็จะมีกระบวนการสอบสวน ตรวจสอบของสื่อดังกล่าว และขอให้มีการรายงานผลสอบภายใน 30 วัน เพื่อแจ้งผลการสอบสวน ให้ผู้ร้องเรียนทราบ .- สำนักข่าวไทย