“ภูมิธรรม” ส่งกำลังใจ จนท.สู้ภัยออนไลน์ สั่งทหาร-ตร.คุมเข้มชายแดน

สระแก้ว 12 ก.พ.-“ภูมิธรรม” ส่งกำลังใจ จนท. สู้ภัยออนไลน์-ภัยจากมนุษย์ หากพบใครพัวพันทำผิดดึงพ้นพื้นที่ก่อน สั่งทหาร-ตร.คุมเข้มชายแดน ด้าน กสทช.ใช้มาตรการ “ซิม สาย เสา” ตัดวงจรคอลเซ็นเตอร์ รับข้อเสนอผู้ว่าฯ สระแก้ว “กำหนดความสูงเสาสัญญาณ-ทำรั้วชายแดน-ตั้งสถานกงสุล”

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานประชุมติดตามการปฏิบัติงานและมอบนโยบายแก่ผู้ปฏิบัติงาน พร้อมรับฟังความคืบหน้าการดำเนินงานภาพรวมของพื้นที่ จ.สระแก้ว รวมถึงปัญหาการปราบปรามยาเสพติด แก๊งคอล การค้ามนุษย์ อาชญากรรมไซเบอร์ การเปิดบัญชีม้า จากนายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพ ภาคที่ 1 พล.ต.ต.ฐิตวัฒน์ สุริยฉาย รอง ผบช.ภ.2 พ.ต.อ.ถาวร ดุลยวิทย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว พ.ต.เทพพิทักษ์ นิมิต ผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รองผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทาง เทคโนโลยี นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ผู้แทนการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) จังหวัดสระแก้ว ประธานสมาคมธนาคารไทยจังหวัดสระแก้ว


โดยนายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว กล่าวว่าสถานการณ์ภาพรวมในพื้นที่ จ.สระแก้ว ในเรื่องเศรษฐกิจ เรามีปริมาณการส่งออกมากกว่าและนำเข้า สร้างมูลค่าการค้าชายแดนประมาณ 1 แสนล้านบาท ขณะที่การข้ามแดนตามข้อตกลงไทยกัมพูชา กำหนดใช้พาสปอร์ตและหนังสือผ่านแดนชั่วคราว และการเดินทางเข้าออกได้ติดตามตรวจสอบอย่างเข้มข้น โดยมีรายงานว่าขณะนี้คนไทย อยู่ในพื้นที่ปอยเปต กว่า 3 หมื่นคน แต่จากปัญหาที่เกิดขึ้นจังหวัด ขอเสนอรัฐบาล 3 เรื่อง คือ เรื่องเสาสัญญาณบริเวณชายแดน ขอให้ กสทช.และหน่วยงานความมั่นคง แจ้งทางจังหวัดสระแก้ว ให้ทราบถึงระยะห่างจากชายแดน เพื่อกำหนดระยะความสูงของเสาในการอนุญาตให้ก่อสร้างได้ และไม่เกินความสูงที่กำหนด เรื่องการนอกทำรั้วแนวชายแดนที่มีระยะทางติด ที่กับ จ.สระแก้ว ระยะทาง 55 กิโลเมตร งบประมาณ 385 ล้านบาท พร้อมกล้องซีซีทีวี เพื่อป้องกันการลักลอบข้ามแดน เนื่องจากยังมีปัญหาพื้นที่ทับซ้อนและพื้นที่ปนเปื้อนทุ่นระเบิด จึงอยากให้ออกแบบรั้วเพื่อป้องกันการข้ามแดนโดยผิดกฎหมาย และขอให้ติดตามความคืบหน้าการตั้งสถานกงสุล ที่มีแนวคิด ตั้งแต่รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน เพื่อดูแลช่วยเหลือคนไทยใน 8 จังหวัดของกัมพูชา เพื่อให้การดำเนินการช่วยเหลือและแก้ปัญหาเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว

นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการฯ กสทช. กล่าวว่า กสทช.จะประสานให้ลดความสูง และกำหนดระยะห่างของเสาที่ระยะห่างไม่ถึงหนึ่งกิโลเมตรให้ล้มหมด และจะกำหนดกำลังส่ง และกำหนดสายส่งที่จะเข้าไปดำเนินการใหม่ และหันเสาและตัดกำลังส่งลง จะทำให้ลดสัญญาณที่ไปทางกัมพูชา และจะตั้งกำลังส่งต่ำกว่ามาตรฐาน ขณะที่ซิมที่ใช้กับโทรศัพท์และเอสเอ็มเอส จะกำหนดให้จดเลขหมายประจำเครื่อง ทั้งการส่งเอสเอ็มเอสและที่ส่งจากซิมบ็อกซ์ รวมถึงกำหนดให้ลงทะเบียนอีซิม จากเดิมสามารถลงทะเบียนด้วยตัวเองได้ ให้ไปลงทะเบียนที่ตั้ง และกำหนดให้ส่งได้แค่ภายในประเทศไทย


นายภูมิธรรม กล่าวมอบนโยบายและข้อสั่งการ ว่า รัฐบาล คิกออฟเรื่องซีลชายแดน หวังว่าจะใช้เวลา 6 เดือน จะเห็นผลในการดำเนินการ และได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทหาร ตำรวจและผู้เกี่ยวข้อง และจะเป็นมาตรการที่เริ่มต้นสกัดกั้นยาเสพติด ป้องกันการค้ามนุษย์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยมีสภาความมั่นคงแห่งชาติเป็นผู้ประสานงาน

และจากการลงพื้นที่แม่สอด จ.ตาก เราทราบมีกระบวนการจัดการของชนกลุ่มน้อยที่มีทุกปัญหา เมื่อถูกปราบ จึงลงมาที่ภาคกลางและกระจายไปหลายเส้นทาง ซึ่งเจ้าหน้าที่ของเราทำงานมีประสิทธิภาพ ส่วนพื้นที่ จ.สระแก้ว ขอชื่นชมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ในการทำงาน ที่มีความพร้อมและตั้งใจปฏิบัติงาน ส่วนข้อเสนอของจังหวัดทั้งเรื่องการทำรั้วชายแดน และงบประมาณ จะนำกลับไปหารือ ทั้งนี้มาตรการทางการเงินสำคัญที่สุด ที่จะช่วยและอยากให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐใช้มาตรการยึดทรัพย์

“นายกฯ สั่งการเรื่องนี้ว่า 6 เดือน ต้องเห็นผล มีข้อสรุปอะไรที่เฉยชา หรือไม่ปฏิบัติตามอย่างแข็งขัน มีจุดโหว่ที่เกิดขึ้น ได้มีมาตรการตกลงกับผู้บังคับบัญชาระดับสูงของทุกหน่วย หากเพิกเฉยต้องดึงออกมาก่อน เข้าใจว่าเป็นเรื่องที่ลำบากเพราะชายแดนกว้าง ช่องทางธรรมชาติมาก มีความยากลำบากในการทำงาน จึงตัดสินใจเพิ่มกำลังพลให้เป็นการชั่วคราวให้ทำงาน หากใช้ข้อมูลและการข่าว เทคโนโลยีบูรณาการร่วมกัน ถ้าทำได้การทำหน้าที่ตามแนวชายแดนจะประสบความสำเร็จ และรัฐบาลพร้อมสนับสนุนเทคโนโลยีให้ใช้เพื่อแก้ปัญหา ที่สำคัญคือต้องร่วมมือกัน และทำทันที หากทำแล้วมีข้อติดขัดให้รายงานกลับมา เพื่อหาทางแก้ไข รวมถึงเรื่องของ
ซิมการ์ด ถ้าสกัดตรงนี้ได้จะแก้ไขปัญหาตรงนี้ได้ ขอฝากทุกหน่วยไปดู ส่วนมาตรการชายแดน เช่น ตัดไฟและอินเตอร์เน็ต เป็นเรื่องเฉพาะหน้า เพื่อให้หน่วยงานและประชาชนรู้สึกว่ารัฐบาลเอาจริง


รองนายกฯ ยังกล่าวว่า วันนี้โลกเปลี่ยนมีทั้งภัยธรรมชาติ และภัยจากมนุษย์ทำขึ้น ทั้งยาเสพติด คอลเซ็นเตอร์ ค้ามนุษย์ ที่เป็นเรื่องใหม่และใหญ่ ที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรงอย่างที่ไม่เคย และกระทบไปทั่วโลก โดยเฉพาะเรื่องคอลเซ็นเตอร์ นานาชาติให้ความสนใจ แต่บางส่วนไม่สามารถเข้าไปดำเนินการในเมียนมาได้ จึงอยากให้ทุกหน่วยงานตั้งใจและเชื่อว่าหากร่วมมือกัน จะรับมือและแก้ไขได้ จึงขอสั่งการให้หน่วยงานในพื้นที่ ดังนี้กองทัพภาคที่ 1 ให้เพิ่มความเข้มข้น ลาดตระเวนและเสริมกำลังป้องกันชายแดน คุมพื้นที่อย่างเข้มงวด โดยเพิ่มกำลังพลให้มากขึ้น เพื่อทำงานให้ครอบคลุม หากใครที่มีส่วนทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้นให้ปัญหาบานปลาย ถือว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดด้วย และขอให้ตำรวจ ตำรวจภูธรภาค 2 บูรณาการทำงานรับมือกับขบวนการป้องกันลักลอบข้ามแดน ลักลอบลำเลียงคน สิ่งของ และปัจจัยอื่น ที่จะถูกนำไปสนับสนุนอาชญากรรมข้ามชาติ

ส่วนและกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) ให้เน้นการปฏิบัติภาคสนาม เฝ้าระวัง กวดขันและตรวจการใช้พื้นที่ชายแดนลักลอบขนส่งสินค้า และปัจจัยอื่นไปสนับสนุนอาชญากรรมข้ามชาติ ควบคุมจุดผ่านแดน สืบสวนเครือข่ายในพื้นที่ ปฏิบัติการกวาดล้างเครือข่ายผู้มีอิทธิพลที่สนับสนุนการทำงานของแก๊งคอลเซ็นเตอร์และขบวนการค้ายาเสพติด และเน้นการสืบสวนทางเทคโนโลยี เพื่อติดตามเครือข่ายออนไลน์และนำไปสู่การปิดกั้นเส้นทางการเงินของอาชญากร
 
ส่วนฝ่ายปกครอง ต้องดำเนินมาตรการเชิงรุกทั้ง การควบคุมพื้นที่ การปราบปรามอาชญากรรม การเฝ้าระวังในชุมชน ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐและประชาชนดึงกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อาสาสมัคร และชาวบ้านเข้ามามีส่วนร่วมในการเฝ้าระวัง และแจ้งเบาะแส  หากสามารถบูรณาการการทำงานกับหน่วยงานอื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยให้สามารถสกัดกั้นเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ลดปัญหาการค้ายาเสพติด และ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้อย่างเป็นรูปธรรม

สำหรับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ให้เตรียมความพร้อมหากจำเป็นต้องดำเนินการตัดสินใจงดการจ่ายกระแสไฟฟ้า หากมีการผิดวัตถุประสงค์ ที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงแห่งชาติ ให้ กฟภ. เตรียมการสื่อสาร ทำความเข้าใจกับบริษัทคู่สัญญา ที่ผ่านมาสูญเสียรายได้ 600 ล้านบาท แต่มีรายได้เป็นแสนล้านบาท ต้องตัดสินใจได้
 
ขณะที่ กสทช.ให้หันเสาส่งสัญญาณ หรือตัดสัญญาณในพื้นที่ชายแดนที่มีการนำสัญญาณโทรคมนาคมไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ มีผลกระทบต่อความมั่นคง โดยใช้มาตรการ “ซิม เสา สาย” ตามที่มีการรายงานเข้าไปแก้ไข

ขณะที่กรมศุลกากร ให้เข้มงวดในการตรวจสอบ ควบคุม และป้องกันการลักลอบนำเข้าส่งออกสินค้าผิดกฎหมาย รวมทั้ง สินค้าที่จะถูกนำไปสนับสนุนอาชญากรรมข้ามชาติ เช่น แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ขบวนการค้ามนุษย์และค้ายาเสพติด ทั้งนี้ให้ สมช.ติดตามความคืบหน้าของพื้นที่ชายแดนไทย -กัมพูชา เพื่อเสนอรัฐบาลพิจารณาสั่งการยกระดับมาตรการ และประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหา และเตรียมมาตรการรองรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น

“ผมชื่นชมและขอบคุณในความมุ่งมั่น ทุ่มเท และความกล้าหาญของทุกท่านในการปฏิบัติภารกิจสำคัญ และให้ภูมิใจในหน้าที่ และขอให้เชื่อมั่นว่าภารกิจของท่านมีความหมายและมีคุณค่า ส่วนผู้ที่ปล่อยปละละเลย ละเว้นหน้าที่ หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริต ละเลยต่อหน้าที่หรือปล่อยให้ขบวนการผิดกฎหมาย ดำเนินกิจกรรมในพื้นที่ ไม่เพียงทำลายความมั่นคงของชาติ แต่ยังเป็นการทำลายเกียรติของตนเองและองค์กร หากพบว่ามีผู้ใดกระทำผิด ละเลยหรือสมรู้ร่วมคิด จะต้องถูกดำเนินการอย่างถึงที่สุด ไม่มีข้อยกเว้น ขอให้ทุกท่านทำหน้าที่อย่างซื่อสัตย์ และเป็นที่พึ่งของประชาชนได้อย่างแท้จริง” นายภูมิธรรม กล่าว.-314.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยันไม่เคยสั่งกำลังพลไปเก็บศพเขมร อย่าเชื่อข่าวปลอม

5 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชา บริเวณชายแดน ขออย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เมื่อวันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากกรณีที่สื่อโซเชียลมีเดียได้ลงข้อความอันเป็นเท็จ ที่ทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจผิดว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชาที่อยู่บริเวณชายแดนนั้น ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปปฏิบัติอย่างนั้น ผู้เสียชีวิตนั้นเป็นชาวกัมพูชา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทางประเทศไทย “ผมไม่เคยมีคำสั่งแบบนี้ และขอยืนยันว่า ข่าวที่ออกมานั้นเป็นข่าวปลอม ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ“ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว.-313-สำนักข่าวไทย

ทหารไทยยอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง

ศรีสะเกษ 5 ส.ค. – วันนี้ยังมีการเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงเข้ามาในพื้นที่พลเรือนฝั่งไทย ส่วนเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) เป็นคืนแรกของการประชุม GBC ชุด ชรบ.หมู่บ้านแนวชายแดน อ.กันทรลักษ์ จึงออกตรวจตราเข้มข้น ขณะที่ทหารแนวหน้ายอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง ทีมข่าวมีโอกาสได้พูดคุยกับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สอบถามถึงเรื่องที่กำลังเป็นประเด็น คือกลิ่นศพของทหารกัมพูชา ทหารยอมรับว่ามีกลิ่นจริง และมีศพทหารกัมพูชาถูกทิ้งไว้จริง แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ หากมีหน้ากากอนามัยเชื่อว่าจะช่วยบรรเทาได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีหน้ากาก N95 ส่งถึงพื้นที่บ้างแล้ว พร้อมขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ส่งกำลังใจ ทหารยังพร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ วันนี้ทีมข่าวยังเกาะติดภารกิจเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จุดแรก จรวด BM-21 ถูกกัมพูชายิงตกใส่ลงทุ่งนาของชาวบ้าน พื้นที่ ต.ทุ่งใหญ่ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม วันเดียวกับที่ยิงใส่ปั๊ม ปตท.บ้านผือ โดยห่างกันราว 1 กิโลเมตร ส่วนอีกจุดเป็นการทำลายลูกจรวด PG-7 ที่ถูกยิงจากเครื่องยิงจรวด RPG ตกลงในสวนยางพาราของชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ที่ถูกพบในสภาพพร้อมทำงาน จุดนี้อยู่ห่างจากชายแดนกัมพูชาเพียง […]

เปิดศักยภาพ Gripen เขี้ยวเล็บใหม่กองทัพอากาศไทย

5 ส.ค. – เปิดคุณสมบัติโดดเด่นของ “กริพเพน” เครื่องบินรบฝูงใหม่ ซึ่งกองทัพอากาศและประเทศไทยกำลังจะทำสัญญาจัดซื้อจากสวีเดน .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ขึ้นภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท นำร้องเพลงชาติไทย

5 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ตรวจเยี่ยมภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท ปกป้องอธิปไตย พร้อมร่วมร้องเพลงชาติ เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี พื้นที่ภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยได้ทำการเดินลาดตระเวน ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลที่วางกำลังฐานปฏิบัติการ ทั้งนี้ มีพระสงฆ์จำนวน 3 รูปจากวัดใกล้เคียง มารอแม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อมอบวัตถุมงคลและให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมให้พรกำลังพลทุกนาย ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ภูมะเขือ โดยเน้นย้ำให้อยู่ในความไม่ประมาท ปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติ ด้วยความปลอดภัยและให้ดูแลรักษาสุขภาพให้ดี จากนั้น พล.ท.บุญสิน ได้ให้กำลังพลเปลี่ยนธงชาติไทยผืนใหญ่กว่าเดิม นำร้องเพลงชาติบนยอดภูมะเขือร่วมกัน ก่อนเดินทางกลับได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคและถ่ายรูปร่วมกับกำลังพล -สำนักข่าวไทย