หอการค้าการไทยชี้ ส่งออก-ท่องเที่ยว รับอานิสงส์บาทอ่อน

กรุงเทพฯ 23 ก.ย.- ประธานกรรมการหอการค้าการไทย ชี้ส่งออก-ท่องเที่ยว รับอานิสงส์บาทอ่อนแนะส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศช่วยกระตุ้น GDP ย้ำผู้ประกอบการต้องบริหารความเสี่ยง เตรียมรับดอกเบี้ยขาขึ้น


นายสนั่น  อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า กรณีที่ค่าเงินบาทอ่อนค่ามากที่สุดในรอบ 16 ปี โดยแตะทะลุ 37 บาทกว่าต่อดอลลาร์สหรัฐนั้น สะท้อนว่ามีเงินทุนไหลออก เพียงแต่เป็นการไหลออกจากการลงทุน ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ เนื่องจากสหรัฐมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อต้องการสกัดเงินเฟ้อ ในขณะเดียวกัน ความต่างของดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นนี้ ยังดึงดูดเม็ดเงินจากประเทศต่าง ๆ ให้ไหลเข้าสหรัฐ ทำให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น อย่างไรก็ตาม ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงนี้ก็ยังถือว่าไม่อ่อนเกินไปหากเทียบกับกับหลาย ๆ ประเทศและไทยก็ไม่ได้สูญเสียความสามารถในการแข่งขันเท่าไรนัก เพราะประเทศคู่ค้าส่วนใหญ่ก็มีการอ่อนค่าลงเช่นกัน แต่ทั้งนี้ ต้องจับตามมองความเคลื่อนไหวของเฟดอย่างใกล้ชิด เพราะยังมีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ และคาดว่าดอกเบี้ยจะขึ้นไปถึงประมาณ 4.5% ซึ่งจะกดดันให้ค่าเงินของประเทศต่าง ๆ อ่อนค่าลงอีก รวมถึงประเทศไทยด้วย

ทัังนี้ แม้ว่าทิศทางของเฟด จะยังขยับดอกเบี้ยขึ้นไปอีกประมาณ 1.25% ในปีนี้ แต่บ้านเราก็ยังมีการประชุมที่เหลืออีก 2 ครั้งเช่นกัน คือในเดือนกันยายนและพฤศจิกายน ซึ่งคาดว่าจะมีการขยับดอกเบี้ยขึ้นประมาณ 0.5% แน่นอนว่าภาคเอกชนและประชาชนจะต้องมีการปรับตัว เพราะเมื่อเศรษฐกิจในประเทศเริ่มดีขึ้นแล้ว ก็จะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยตามมา ซึ่ง ธปท.เองก็สามารถใช้อัตราดอกเบี้ยนี้เป็นเครื่องมือควบคุมไม่ให้บาทอ่อนจนเกินไป เชื่อว่าปลายไตรมาสที่ 4 ค่าเงินบาทจะเริ่มกลับมาแข็งค่าขึ้นได้ในกรอบ 36.5-37.0 บาท


“ค่าเงินบาทในขณะนี้ยังเคลื่อนไหวไปตามกลไกตลาด ซึ่งเชื่อว่าธนาคารแห่งประเทศไทยดูแลเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด และมีแนวทางการรับมือที่เหมาะสมกับเศรษฐกิจไทย อย่างไรก็ตาม ต้นทุนการนำเข้าจะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอีก ส่งผลกระทบต่อต้นทุน ดังนั้น ภาคเอกชนต้องหาวิธีบริหารจัดการกับความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนด้วย ในขณะที่ราคาน้ำมันยังทรงตัวประมาณ 80-90 ดอลลาร์ต่อบาเรล จึงไม่สร้างแรงกดดันมากนัก ทั้งนี้ ภาคเอกชนมองว่าค่าเงินบาทที่เหมาะสมในระยะปานกลาง ควรอยู่ในระดับ 35-36 บาท ซึ่งจะเป็นระดับที่ดีต่อการส่งออก และไม่ทำให้ต้นทุนการนำเข้าสินค้าเพิ่มมากเกินไป แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการรักษาเสถียรภาพของค่าเงินไม่ให้มีความผันผวน ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งเชื่อว่า ธปท.ดูแลเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว” นายสนั่น กล่าว

อย่างไรก็ตาม หอการค้าไทยมองว่า แม้ว่าค่าเงินบาทที่อ่อนจะกระทบต่อภาคการนำเข้า แต่กลับเป็นโอกาสดีของประเทศไทยในเรื่องการลงทุนจากต่างชาติ ในขณะเดียวกัน ภาคการส่งออก ภาคเกษตร และภาคการท่องเที่ยว จะได้รับอานิสงส์ที่ดีจากสถานการณ์นี้ โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะเพิ่มมากขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้าย ซึ่งเป็นฤดูท่องเที่ยว คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจากยุโรปที่หนีอากาศหนาวมาท่องเที่ยวในไทยเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งในช่วงปลายปี รัฐบาลจีนอาจจะเริ่มผ่อนคลายให้นักท่องเที่ยวจีนเดินทางออกนอกประเทศได้มากขึ้นนอกจากนั้นแล้ว การท่องเที่ยวภายในประเทศคาดว่าจะคึกคักมากขึ้นจากโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ที่จะใช้ได้จนถึงปลายเดือนตุลาคม รวมทั้งการผ่อนคลายเรื่องโควิดที่มากขึ้นในบ้านเรา เชื่อว่าจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งปีน่าจะถึง 10 ล้านคน หรืออาจมากถึง 12 ล้านคน จึงมองว่า ผลกระทบจากค่าเงินบาทที่อ่อนนั้น โดยสุทธิแล้วจะยังเป็นผลบวกต่อเศรษฐกิจของประเทศไทย เชื่อว่า GDP ไทยในปีนี้จะยังเติบโตได้ 2.75–3.50% ตามกรอบที่ภาคเอกชนได้คาดการณ์ไว้

ทั้งนี้ ประเทศไทยต้องเตรียมความพร้อมรับกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเพิ่มขึ้นนี้ด้วย เนื่องจากช่วงที่ผ่านมา จำนวนแรงงานในภาคท่องเที่ยวและโรงแรม รวมถึงสายการบินลดลงไปเป็นจำนวนมาก อาจเป็นอุปสรรคในการรองรับการท่องเที่ยว ดังนั้น ภาครัฐควรมีนโยบายในการเปิดประเทศที่ชัดเจนเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว รวมทั้งเตรียมความพร้อมของสายการบินแห่งชาติ และสายการบินเอกชนอื่น ๆ ให้มีความเข้มแข็ง และเมื่อสายการบินต่าง ๆ เห็นโอกาสจากนโยบายที่เอื้ออำนวยนี้แล้ว ก็จะกลับเข้ามาดำเนินการมากขึ้น


อย่างไรก็ตาม การดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศก็เป็นสิ่งที่เราต้องเร่งดำเนินการ เพื่อแข่งขันกับเวียดนาม ที่ขณะนี้เป็นที่สนใจของต่างชาติอย่างมาก ดังนั้น เราต้องมีนโยบายที่เอื้อประโยชน์ต่อการลงทุนของต่างชาติ เพื่อเป็นปัจจัยในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยคนไทยจะได้ประโยชน์ทั้งในด้านองค์ความรู้ เทคโนโลยีรวมไปถึงการจ้างงาน เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศ ซึ่งหากมีนักลงทุนต่างชาติเข้ามา 1 ล้านคน จะทำให้มีเงินหมุนเวียนจากการจับจ่ายใช้สอยประมาณ 5-6 แสนล้านบาทต่อปี ซึ่งช่วยกระตุ้น GDP ได้ประมาณ 2-3%

“ที่ผ่านมา ภาคธุรกิจเผชิญกับต้นทุนทางธุรกิจที่สูงขึ้นหลาย ๆ เรื่อง อาทิ ราคาพลังงาน วัตถุดิบ ค่าจ้างแรงงาน รวมไปถึงปัญหาเงินเฟ้อ ช่วงเวลาต่อจากนี้ อาจจะต้องเตรียมใจรับกับวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้นเพิ่มเติม แต่ก็เชื่อว่าช่วงเวลาการขึ้นดอกเบี้ยนั้น เป็นช่วงที่เศรษฐกิจของประเทศพร้อมแล้ว อย่างไรก็ตาม ต้นทุนทางธุรกิจต่าง ๆ ที่เพิ่มขึ้นนี้ อาจส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการ SMEs ในเรื่องสภาพคล่อง ดังนั้น หอการค้าไทยจะร่วมมือกับรัฐบาลอย่างเต็มที่ เพื่อช่วยให้กลุ่ม SMEs นี้ได้เข้าถึงแหล่งเงินทุน เข้าถึงสินเชื่อด้วยดอกเบี้ยที่ผ่อนปรนมากขึ้น” นายสนั่น กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เหล้าเถื่อนลาว

เสียชีวิตรายที่ 6 คลัสเตอร์เหล้าเถื่อนในลาว

คลัสเตอร์เหล้าเถื่อนในลาว มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเสียชีวิตเพิ่มรายที่ 6 เป็นหญิงชาวออสเตรเลีย เสียชีวิตขณะรักษาตัวในไทย

ย้ายเจ้ากรมยุทธศึกษา ทบ.

ย้ายเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก ช่วยปฏิบัติราชการที่กองบัญชาการกองทัพบก หลังถูกร้องทำร้ายร่างกายผู้ใต้บังคับบัญชา พร้อมช่วยเจ้าทุกข์ย้ายหน่วยตามร้องขอ

ไฟไหม้โรงงานพัดลม เผาวอดเสียหายกว่า 50 ล้าน

ไฟไหม้โรงงานผลิตพัดลมรายใหญ่ จ.สมุทรสาคร ระดมรถดับเพลิงระงับเหตุ กว่า 5 ชม. จึงควบคุมไว้ได้ในวงจำกัด เบื้องต้นเสียหายกว่า 50 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

หมอบุญ

THG แจงบริษัทไม่เกี่ยวข้องคดีต่างๆ ที่เกิดจาก “หมอบุญ”

THG แจงตลาดหลักทรัพย์ฯ ปัจจุบัน “หมอบุญ” ไม่ได้ดำรงตำแหน่งกรรมการและผู้บริหารใน THG คดีฉ้อโกงใดๆ ที่เกิดขึ้น บริษัทไม่เกี่ยวข้อง

ค้นบ้านสามารถ

ดีเอสไอ เข้าค้นบ้าน “สามารถ” คดีฟอกเงินดิไอคอน

ดีเอสไอ เข้าค้นบ้าน “สามารถ เจนชัยจิตรวนิช” คดีฟอกเงินดิไอคอน หลังพบเงิน “บอสดิไอคอน” โอนเข้าบัญชีแม่ของนายสามารถ

ศึกชิงนายก อบจ.เพชรบุรี แชมป์เก่ายังแรง

เลือกตั้งนายก อบจ.เพชรบุรี ไม่คึกคัก ผลไม่เป็นทางการ “ชัยยะ อังกินันทน์” แชมป์เก่า คะแนนนำทิ้งห่างคู่แข่ง ด้านเลขาฯ กกต. เผยภาพรวมทั้ง 3 จังหวัด คนมาใช้สิทธิน้อย คาดเบื่อเลือกตั้ง 2 รอบ

คะแนนไม่เป็นทางการ เลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ

ลุ้นผลคะแนนเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช นับเสร็จแล้วบางหน่วย ล่าสุด ณ เวลา 19.40 น. “วาริน ชิณวงศ์” เบอร์ 2 จากทีมนครเข้มแข็ง ชนะคู่แข่งขาดลอยในหลายหน่วย คะแนนทิ้งห่างแชมป์เก่า “กนกพร เดชเดโช” เบอร์ 1 จากพรรค ปชป.