ไทยออยล์ชี้ค่าการกลั่นติดลบ “ชั่วคราว” คาดทั้งปี $7-8

กรุงเทพฯ 22 ก.ย.- “วิรัตน์” วางรากฐาน ส่งไม้ต่อ ซีอีโอ ไทยออยล์คนใหม่ ทรานส์ฟอร์มธุรกิจผ่านกลยุทธ์ 3V’s ชี้ค่าการกลั่นติดลบ “ชั่วคราว”คาดทั้งปี 7-8 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เตรียมประกาศโครงการร่วมทุน “CAP2” ปลายปีนี้ ไม่หวั่นเศรษฐกิจถดถอย มั่นใจ CFP เสร็จปี 2025 รายได้ดีเหตุ “ Golden Period” โรงกลั่น


นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่  บมจ. ไทยออยล์ คาดการณ์แนวโน้มราคาน้ำมันในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ รวมไปถึงปีหน้าจะทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่องคาดในกรอบ 90-100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกเริ่มกลับมาสู่ช่วงระดับก่อนโควิด-19 แพร่ระบาด ขณะที่สงคราม “รัสเซีย-ยูเครน” ยืดเยื้อ มีปัญหาเรื่องภูมิรัฐศาสตร์  ทำให้ราคาพุ่งและผันผวนในระดับสูง

ส่วนค่าการกลั่นที่ ช่วงนี้อยู่ในภาวะติดลบ นั้น นายวิรัตน์ ชี้ว่าจะเห็นได้ว่า ธุรกิจนี้มีความไม่แน่นอนช่วงไตรมาส2 /65 นับเป็นช่วงสถิติค่าการกลั่นสูงสุด อย่างไรก็ตาม คาดว่า ช่วง ไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ค่าการกลั่นจะกลับมาเพิ่มขึ้น จึงเชื่อว่า  ครึ่งหลังของปีค่าการกลั่นยังเป็นบวก แต่จะอยู่ในอัตราที่ต่ำกว่าครึ่งปีแรกที่ค่าการกลั่น(GRM)อยู่ที่ 10 เหรียญ/บาร์เรล และค่าการกลั่นรวม (GIM )อยู่ที่ประมาณ 17 เหรียญ/บาร์เรล และคาดทั้งปี 65 แล้วค่าการกลั่นจะอยู่ที่ราว 6-7 เหรียญ/บาร์เรล ส่วน GIM จะไม่ต่ำกว่า 7-8 เหรียญ/บาร์เรล นับว่าเป็นปีที่ดีมาก เมื่อเทียบกับช่วงโควิด-19 ที่ปี2564 ค่าการกลั่นอยู่ที่ราว 2.20 เหรียญ/บาร์เรล


“ในช่วง 1-2 ปีจากนี้เป็นปีที่ดีมากสำหรับธุรกิจน้ำมัน เพราะความต้องการใช้โตขึ้นมาก กำลังกลั่นของไทยออยล์ มากกว่า 100% น้ำมันเครื่องบินช่วงโควิด-19 ลดการกลั่นจากสัดส่วน 20 % เหลือ 6 % ขณะนี้ กลั่นเพิ่มเป็นกว่า 10 % และจากช่วงโควิดทั่วโลกไม่ขยายกำลังกลั่น เชื่อว่าช่วงโครงการพลังงานสะอาด (CFP)ของบริษัทเสร็จ ในปี67-68 เป็นช่วงปีทองหรือ Golden period ของธุรกิจกลั่น จะสร้างผลตอบแทนที่ดีต่อบริษัท เป็นช่วงที่ยังทำกำไรเอามาต่อยอดในธุรกิจได้ ”นายวิรัตน์กล่าว

ทั้งนี้ CFP เป็นโครงการที่เพิ่มประสิทธิภาพโรงกลั่นและขยายกำลังการกลั่นจาก 2.75 แสนบาร์เรล/วัน เป็น 4 แสนบาร์เรล/วัน สนับสนุนกลยุทธ์  Value Maximization เพื่อสร้างเป็นพื้นฐานที่แข็งแกร่งในการต่อยอดไปสู่ธุรกิจปิโตรเคมีและผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูง(High Value Product หรือ HVP) CFP มีความคืบหน้าอยู่ที่ 87% และคาดว่าจะสามารถทยอยเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2567 และ สามารถดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้เต็มรูปแบบในปี 2568

ส่วนอีก 2V ตามแผนกลยุทธ์ 3V’s   คือ  Value Diversification กลยุทธ์กระจายการเติบโตสู่ธุรกิจที่มีความมั่นคงของผลกำไร เช่น ธุรกิจไฟฟ้า การแสวงหาโอกาสในธุรกิจใหม่ ผ่านการลงทุนในสตาร์ทอัพ   และ Value Enhancement  กลยุทธ์การขยายตลาดและกระจายผลิตภัณฑ์ไปสู่ต่างประเทศในระดับภูมิภาค เน้นตลาดที่มีความต้องการสูง เช่น เวียดนาม อินโดนีเซีย และอินเดีย รวมถึงเพิ่มโอกาสการลงทุนในประเทศเหล่านี้เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคให้มากขึ้น


นายวิรัตน์  ซึ่งจะเกษียณอายุ ในวันที่ 30 ก.ย. 65  กล่าวว่า เชื่อมั่น ว่า ซีอีโอคนใหม่จะสานต่องาน ที่ ไทยออยล์ ได้เตรียมแผนทรานส์ฟอร์มธุรกิจผ่านกลยุทธ์ 3V’s ดังกล่าว  และจะทำให้ ไทยออยล์สุ่อายุ 100 ปี จากปัจจุบัน 61 ปี อย่างยั่งยืนรายได้กำไรหลักไม่ใช่มาจากธุรกิจการกลั่นแต่จะมาจากธุรกิจใหม่ที่กำลังขยายตัว ทั้งปิโตรเคมี และอื่นๆ โดยวางแผนไว้ว่าภายในปี 2030 หรือ พ.ศ. 2573 กำไรจะมาตาก โรงกลั่น 40% ปิโตรเคมี  40%ไฟฟ้า 10 %และธุรกิจใหม่ 10 %  โดยจะมีการลงทุนราว 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับการลงทุนสร้าง New S-Curveเช่น ธุรกิจชีวภาพ ผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานชีวภาพ (Bio-Jet), ชีวเคมี (Biochemicals),พลาสติกชีวภาพ (Bioplastics),เทคโนโลยีพลังงานรูปแบบใหม่ การเดินทางและการขนส่ง เช่น โครงการผลิต “ไฮโดรเจนสีเขียว” ความบริสุทธิ์สูง (Green Hydrogen) และ เทคโนโลยีการดักจับ และ การใช้ประโยชน์และกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture, Utilization and Storage : CCUS) การจัดตั้งCorporate Venture Capital (CVC)ร่วมลงทุนใน Start-ups ที่น่าสนใจทั่วโลก โฟกัส 3 กรอบธุรกิจ ได้แก่ เทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืน, เทคโนโลยีด้านการทดแทนการใช้น้ำมันและและเทคโนโลยีสนับสนุนอุตสาหกรรมและการผลิต

ส่วนความคืบหน้าโครงการ CAP (PT Chandra Asri Petrochemical Tbk ) บริษัทผู้ผลิตปิโตรเคมีชั้นนำในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งไทยออยล์ได้ร่วมลงทุนตั้งแต่ปี64ทำให้สร้างรายได้และก้าวเข้าสู่ธุรกิจโอเลฟินได้อย่างรวดเร็วครอบคลุมธุรกิจปิโตรเลียม-ปิโตรเคมี  ถือเป็นการเปิดโอกาสให้เกิดความร่วมมือในการขยายธุรกิจต่อไปในอนาคตอีกด้วยบริษัทฯคาดว่าโครงการขยายกำลังการผลิต CAP2 กำลังผลิต 8.1-8.2 ล้านตัน จะมี Final Investment Decision (FID) ภายในไตรมาส 4 ปี 2565 และคาดว่าจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2569 โครงการนี้จะลงทุนรวม 5,000 ล้านเหรียญ  ซึ่งการลงทุนเช่นนี้ใช้เวลาก่อสร้างหลายปี จึงเป็นการเตรียมพร้อมอนาคตแม้ตลาดคาดว่าปีนี้เศรษฐกิจจะถดถอย

โดยการลงทุนใน CAP นั้นไทยออยล์ถือหุ้นร้อยละ 15 ด้วยวงเงินลงทุน 913 ล้านเหรียญ กำลังผลิตปัจจุบัน 4.3 ล้านตัน/ปี ส่วน หากลงทุน CAP2 ทางไทยออยล์เตรียมวงเงินร่วมลงทุนอีก 270 ล้านเหรียญ เงินส่วนนี้มาจากขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน แก่ถือหุ้นเดิม นักลงทุนสถาบันและรายย่อย ราคาเสนอขาย 53.50 บาทต่อหุ้น และเตรียมนำหุ้นสามัญเพิ่มทุนเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วันที่ 30 กันยายนนี้ ช่วยยกระดับโครงสร้างเงินทุนห้แข็งแกร่งและมีความคล่องตัวมากขึ้นในการขยายธุรกิจ สร้างการเติบโตครั้งใหม่ตามแนวทาง New Round of Growth เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการก้าวสู่ผู้นำด้านพลังงานและเคมีภัณฑ์ที่ยั่งยืน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

แนวป้องกันน้ำท่วมฝีมือทหารช่าง ลดความรุนแรงน้ำท่วม

เชียงราย 29 ก.ค. – น้ำจากลำน้ำสายที่ทะลักเข้าท่วมชุมชนชายแดนแม่สายที่เชียงรายลดลงแล้ว แต่ทิ้งเศษซากความเสียหายไว้จำนวนมากและทำให้ชาวแม่สายอย่างน้อย 500 ครัวเรือนได้รับความเดือดร้อน แต่ยังถือว่าไม่หนักหนาสาหัสเหมือนน้ำท่วมใหญ่เมื่อปีที่แล้ว ส่วนหนึ่งมาจากแนวป้องกันน้ำท่วมยาวเกือบ 4 กิโลเมตร จากฝีมือของทหารช่าง.-สำนักข่าวไทย

เปิดภาพทหารล้อมรั้วลวดหนาม ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 29 ก.ค.-เปิดภาพทหารล้อมรั้วลวดหนามรอบปราสาทตาเหมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ จากเหตุสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา ในหลายพื้นที่ รวมทั้งบริเวณปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดที่มีการปะทะรุนแรง และก่อนหน้านี้มีเหตุการณ์ที่ฝ่ายกัมพูชาพยายามยั่วยุในลักษณะต่างๆ เช่น การขึ้นมาร้องเพลง และทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ ขณะที่แม่ทัพภาคที่ 2 ก็เชิญชวนให้คนไทยมาเที่ยวปราสาทตาเมือนธม โดยยืนยันว่าเป็นพื้นที่อธิปไตยไทย และได้รับความสนใจจากประชาชนจากทั่วสารทิศ ทั้งนี้ บริเวณปราสาทตาเมือนธม ถือเป็นพื้นที่แรกๆ ที่เกิดเหตุปะทะ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ด้วยเหตุว่ากัมพูชาพยายามจะเข้ามายึดพื้นที่ปราสาท ซึ่งเป็นจุดสูงได้เปรียบในเชิงจุดยุทธศาสตร์ ก่อนจะเกิดเหตุปะทะในหลายพื้นที่ตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะในพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 2 และนำมาสู่การเจรจาหยุดยิงโดยรัฐบาล 2 ประเทศ เมื่อวานนี้ จนกระทั่งมีการหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่างฝ่ายทหารในพื้นที่ 2 ประเทศในวันนี้ และทำให้เสียงปืนสงบลง.-313.-สำนักข่าวไทย

ไทม์ไลน์หลังข้อตกลงหยุดยิง หลายพื้นที่ยังปะทะเดือด

29 ก.ค.- ย้อนดูไทม์ไลน์ เหตุปะทะในหลายพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังข้อตกลงหยุดยิงมีผลตั้งแต่เวลาเที่ยงคืนที่ผ่านมา ทันทีที่ข้อตกลงหยุดยิงแบบไม่มีเงื่อนไข ถูกกำหนดในเวลาเที่ยงคืน สมรภูมิสำคัญตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะบริเวณปราสาทตาควาย ปราสาทตาเมือนธม เดือดถึงขีดสุด เพราะต่างฝ่ายต่างต้องการแย่งชิงพื้นที่ ยิ่ง 30 นาทีสุดท้ายก่อนเดดไลน์ ทหารหน่วยรบพิเศษของไทย เข้าปะทะ “กองกำลัง BHQ” ที่เสริมกำลังเข้ามาอย่างดุเดือด ก่อนที่ไทยจะยึดประสาทตาควายไว้ได้ก่อนถึงเส้นตายหยุดยิง แต่ปรากฏว่าเสียงปืนและระเบิด สงบลงหลังเส้นตายหยุดยิงเพียงไม่นาน ตลอดทั้งคืน ไทยยังถูกกัมพูชา ยิงยั่วยุ ยาวจนถึงเช้า ภาพนี้ทหารไทยได้ถ่ายเวลาจากนาฬิกา ในเวลา 06.29 น. ขณะได้ยินเสียงปืนใหญ่ที่ฝั่งกัมพูชาระดมยิงใส่ฝั่งไทยไว้เป็นหลักฐานว่า กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง พันเอกริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษก ทบ. เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากหน่วยในพื้นที่ กองกำลังสุรนารี ว่าหลังจากมีการหยุดยิง ในเวลา 00.00 น. แล้ว พบว่าในพื้นที่ภูมะเขือ ถูกก่อกวน โดยฝ่ายทหารกัมพูชา มีการยิงปะทะตอบโต้จากทั้งสองฝ่ายจนถึงเช้า พื้นที่ซำแต มีการยิงปะทะกันเกิดขึ้น จนถึงเวลา 05.30 น. เนื่องจากทหารกัมพูชาไม่ยอมหยุด […]

ทหารม้าคุมตัว 18 ทหารกัมพูชา ในพื้นที่ซำแต หลังยอมจำนน

ศรีสะเกษ 29 ก.ค.-ทบ. เผยคุมตัว 18 ทหารกัมพูชา หลังทหารม้า เข้ากวาดล้างที่มั่นเขมร พื้นที่ซำแต จ.ศรีสะเกษ หลังยอมจำนน จนท.ปลดอาวุธ ยึดถือหลักมนุษยธรรมสากลเคร่งครัด ก่อนจะดำเนินการตามกระบวนการที่เกี่ยวข้องต่อไป วันนี้ (29 กรกฎาคม 2568) พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า กองทัพภาคที่ 2 ได้รายงานผลการควบคุมตัวทหารกัมพูชา จำนวน 18 นาย สืบเนื่องจากเหตุการณ์ปะทะในพื้นที่ ซำแต อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังที่ฝ่ายกัมพูชาได้ใช้อาวุธหนักและอาวุธวิถีโค้ง ยิงเข้ามาในเขตพื้นที่ของไทย ฝ่ายไทยจึงได้ใช้ หน่วยทหารม้าเฉพาะกิจเข้าทำการตอบโต้และกวาดล้างที่มั่นของฝ่ายกัมพูชา จากการปฏิบัติดังกล่าว พบมีทหารกัมพูชาจำนวนหนึ่งยอมจำนนโดยไม่มีท่าทีหรือลักษณะจะคุกคามฝ่ายไทย ทางหน่วยจึงดำเนินการปลดอาวุธและควบคุมตัวตามขั้นตอน โดยยึดถือหลักมนุษยธรรมสากลอย่างเคร่งครัด มีจำนวน 18 นาย ชั้นยศ ร้อยตรี 1 นาย, จ่าสิบโท 2 นาย, สิบเอก 12 นาย, สิบโท […]