หุ้นกลุ่มโรงกลั่นร่วงแรงหลังรัฐขอความร่วมมือลดค่าการกลั่น

กรุงเทพฯ 17 มิ.ย.-กลุ่มโรงกลั่นร่วงแรงต่อเนื่องหลัง รัฐบาลขอความร่วมมือ ส่งกำไรค่าการกลั่นรวมกว่า 2 หมื่นล้านบาท ร่วมลดราคาพลังงานแก่ประชาชน  โบรกเกอร์แนะลงทุนได้ต่อ เพราะไตรมาส 2 -3 ปีนี้กำไรยังดี


ราคาหุ้นกลุ่มโรงกลั่นน้ำมัน และ บมจ.ปตท. ในเช้านี้ ปรับตัวลดลงต่อเนื่องแม้ ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกจะปรับต้วขึ้นก็ตาม เหตุผลจากที่ รัฐบาลขอความร่วมมือส่งกำไรส่วนเกินปกติประมาณร้อยละ 50 ของทั้งค่าการกลั่นฯและโรงแยกก๊าซธรรมชาติ บมจ. ปตท. เก็บเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อเป็นส่วนในการดูแลราคาน้ำมัน และก๊าซหุงต้ม ทั้งนี้ ช่วงปิดตลาด ปิดตลาดช่วงเช้า

PTT      ลบ 2.16% หรือลดลง 0.75 บาท มาที่ 34.00 บาท


           SPRC  ลบ 9.60% หรือลดลง 1.20 บาท มาที่ 11.30 บาท

          BCP      ลบ 6.98% หรือลดลง 2.25 บาท มาที่ 30.00 บาท

          TOP      ลบ 6.10% หรือลดลง 3.25 บาท มาที่ 50.00 บาท


          IRPC     ลบ 4.24% หรือลดลง 0.14 บาท มาที่ 3.16  บาท

          PTTGC    ลบ 3.87% หรือลดลง 1.75 บาท มาที่ 43.50 บาท

          ESSO     ลบ 5.08% หรือลดลง 0.60 บาท มาที่ 11.20 บาท

นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บล. หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด แนะให้หลีกเลี่ยงการลงทุน กลุ่มพลังงาน จนกว่าจะมีความชัดเจนหลังมาตรการความชัดเจนจะผ่านความเห็นชอบ จาก ครม.วันที่ 21 มิ.ย. นี้  โดยเม็ดเงินที่ขอความร่วมมือรวม 3 เดือน (ก.ค.-ก.ย.) รวมประมาณ 2 หมื่นล้านบาท นับว่า สูงกว่าปี 2551 ที่ขอบความร่วมมือ ราว 2 พันล้านบาท ผลกระทบจะบั่นทอนกลุ่มโรงกลั่นฯราว2-6% ซึ่งขึ้นกับ โรงกลั่นที่รัฐไม่ได้ถือหุ้นคือ SPRC และESSO ว่าจะให้ความร่วมมือในโครงการนี้ด้วยหรือไม่ หากไม่ให้ความร่วมมือ ทางกลุ่ม ปตท.ประกอบด้วย PTT ,IRPC,TOP ,PTTGC  รวมไปถึง BCP ก็จะได้รับผลกระทบในสัดส่วนที่สูงขึ้น  นอกจากนี้ กลุ่มปั๊มน้ำมัน ยังได้รับผลกระทบจากการตรึงค่าการตลาดดีเซล 1.40 บาท/ลิตร ยาวนาน 3 เดือนอีกด้วย

นายสุวัฒน์ สินสาฎก กรรมการผู้จัดการ บล. ฟินันเซีย ไซรัส  ข้อเสนอขอความร่วมมือภาครัฐสูงเหนือคาดหมายเป็นผลตอบรับเชิงลบต่อราคาหุ้นโรงกลั่นและปตท.ซึ่งจะเห็นได้จากราคาหุ้นลดลง แต่ยังแนะนำให้ซื้อกลุ่มโรงกลั่นฯ เพราะกรณีนี้ไม่ได้กระทบต่อผลประกอบการไตรมาส2 /65 ที่ค่าการกลั่นยังสูงประมาณ 10-20 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ส่วนไตรมาส3/65 ความร่วมมือกับภาครัฐก็จะกระทบบ้าง แต่กลุ่มโรงกลั่นฯยังคงมีกำไรอยู่จากค่าการกลั่นที่สูง โดยความร่วมมือนี้กจะกระทบต่อโรงกลั่นแตกต่างกันไปตามปริมาณน้ำมันที่จำหน่าย โดยบางจากฯกระทบต่ำสุดประมาณ 10 % ส่วน TOP กระทบสูงสุดราว 25 % แต่หาก SPRC และ ESSO ไม่ให้ความร่วมมือ ผลกระทบก็ของโรงกลั่นที่ภาครัฐถือหุ้นก็จะสูงกว่านี้

ทั้งนี้ประเมินว่า  จากมาตรการรัฐขอเงินช่วยเหลือดีเซล 5-6 พันล้านบาทต่อเดือน เป็นเวลา 3 เดือน เทียบเท่าเงินอุดหนุนรวมสูงสุด 15 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล หรือ 3 บาท/ลิตร โดยคำนวณจาก ปริมาณการใช้น้ำมันดีเซลในประเทศไทยที่ราว 60 ล้านลิตรต่อวัน

ส่วนน้ำมันเบนซิน ขอความร่วมมือ 1 พันล้านบาท/เดือนรวม 3 เดือน เพื่อลดราคากลุ่มเบนซิน 1 บาท/ลิตร นั้น ประเมินเทียบเท่าค่าการกลั่น 5 เหรียญ/บาร์เรล หรือ 1 บาท/ลิตร  คำนวณจากปริมาณการใช้น้ำมันเบนซิน 20 ล้านลิตรต่อวัน  ณ อัตราแลกเปลี่ยน 35 บาท/เหรียญสหรัฐ

สำหรับโรงแยกก๊าซ ปตท.ที่รัฐขอความร่วมมือ ราว 500-1,000 ล้านบาท/เดือน ส่วนใหญ่มาจากส่วนต่างของอีเทน โพรเพน และ NGL ที่ขายเป็นวัตถุดิบสำหรับ PTTGC เพื่อผลิต PE และ PP  โดยสัดส่วนที่มีการผลิตก๊าซหุงต้มจากโรงแยกก๊าซ มีสัดส่วนประมาณ 20-30%

“เราคาดว่าผลกระทบจากเงินอุดหนุนจากมากไปน้อยจะเป็น TOP, IRPC และ BCP เราประมาณการว่ากำไรด้านลบจะอยู่ที่ 1-2 พันล้านบาทสำหรับผู้กลั่นแต่ละราย สำหรับ SPRC และ ESSO ทั้งสองบริษัท ซึ่งถือหุ้นใหญ่โดยบริษัทในสหรัฐอเมริกานั้น มีโอกาสน้อยที่จะปฏิบัติตามคำขอ ซึ่งเหตุการณ์ขอความร่วมมือเมื่อปี 2551 ที่ช่วงนั้นราคาน้ำมันดิบแตะ140 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ช่วงนั้น 2 โรงกลั่นนี้ก็ไม่ได้ปฏิบัติตามคำขอของรัฐบาลแต่อย่างใดอย่างไรก็ตาม หากทั้ง SPRC และ ESSO จะต้องปฏิบัติตาม เราคาดว่า SPRC และ ESSO จะเห็นกำไรสุทธิลดลง 1-2 พันล้านบาทในไตรมาส 3/22” นายสุวัฒน์ระบุ

นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน  กล่าวว่า  มาตรการขอเงินอุดหนุนจากโรงกลั่นและโรงแยกก๊าซฯ ส่งผลให้ตลาดกังวลต่อผลกระทบกำไรของกลุ่มพลังงานฯ และกดดันราคาหุ้น ในช่วงที่รอข้อสรุปมาตรการ โดยเฉพาะกลุ่มโรงกลั่น คาดจะกระทบกำไรกลุ่มโรงกลั่น 20% – 165%  กระทบ IRPC มากสุด และ ตลาดอาจกังวลว่ารัฐอาจต้องการเงินอุดหนุนยาวนานมากกว่า 3 เดือน

“เรามองสุดท้ายผลกระทบต่อกำไรอาจไม่ได้มากเท่าตัวเลขเงินอุดหนุนที่รัฐคาดหวัง เพราะเป็นการขอความร่วมมือ ไม่ใช่การบังคับ ซึ่งโรงกลั่นสุดท้ายอาจไม่สามารถให้ได้ตามที่รัฐคาดหวัง เพราะ คาดต้องพิจารณาถึงค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น ต้นทุนพลังงาน, ค่าใช้จ่ายพนักงาน, ขาดทุนอนุพันธ์ และกระแสเงินสดที่ต้องสำรองเพื่อรับความผันผวนของตลาดพลังงานในอนาคต รวมถึงผลกระทบต่อผู้ถือหุ้น มองหลังข้อสรุปมาตรการชัดเจน เป็นโอกาสซื้อสำหรับ TOP และ PTTGC ที่ราคาหุ้นลดลงมากกว่าผลกระทบต่อหุ้นไปแล้ว” นายกรภัทร ระบุ .–สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไฟไหม้รถยนต์ อดีต สส.ศิริโชค วอดทั้งคัน

สงขลา 5 ก.ค.-“ศิริโชค” อดีต สส.ปชป. เผยเหตุระทึก รถยนต์ PHEV ไฟลุกไหม้วอดทั้งคันกลางดึก ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ ภาพคลิปเหตุการณ์ไฟไหม้รถยนต์ส่วนตัวของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจอดอยู่บริเวณบ้านพักที่ อ.นาทวี จ.สงขลา ช่วงตี 3 เมื่อเช้ามืดที่ผ่านมา (5 ก.ค.68) โดยเพจเฟซบุ๊ก “ศิริโชค โสภา” ได้โพสต์คลิปเหตุการณ์ พร้อมระบุข้อความว่า “อุทาหรณ์สยอง! ผมตื่นมากับเปลวเพลิงกลางดึก-ไฟลุกท่วมรถ PHEV ทั้งคัน ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ! เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆ แต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียว รถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัว ไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ […]

ตาขับรถทับศีรษะหลานวัย 1 ขวบ ดับสลด

สุราษฎร์ธานี 5 ก.ค. – สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ ตายายร้องไห้แทบขาดใจ สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ หลังจากที่ตากลับจากซื้อของที่ตลาด เมื่อมาถึงบ้านซึ่งเปิดเป็นร้านขายของชำในอำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ขนของลงจากรถเสร็จ ระหว่างจะนำรถไปจอดไม่ทันสังเกตว่าหลานวิ่งอ้อมรถมา รู้อีกทีล้อรถหน้าด้านคนขับเหยียบเข้าที่ศีรษะของหลานแล้ว ทำให้หลานเสียชีวิตทันที เมื่อเห็นร่างหลาน ตาและยายร้องไห้แทบขาดใจ เพราะเลี้ยงหลานคนนี้มาตั้งแต่เล็กๆ ก่อนนำร่างส่งชันสูตรที่โรงพยาบาลพระแสงต่อไป.- สำนักข่าวไทย

อ.อ๊อด ชี้เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ กรณีรถยนต์ไฟฟ้า อดีตสส.สงขลา ไฟไหม้

นครปฐม 5 ก.ค. – อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ แสดงความคิดเห็นว่า กรณีรถยนต์ไฟฟ้าของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา เกิดไฟไหม้ ถือเป็นเหตุการณ์ไม่ปกติ และแบตเตอรี่อาจจะมีปัญหา จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก Sirichok Sopha หรือ นายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ แชร์ประสบการณ์ โดยระบุข้อความว่า “เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน รถคันนี้ซื้อจากศูนย์หาดใหญ่เมื่อ 2 ปีก่อน ผมใช้งานตามปกติ และที่สำคัญคือ ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆแต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียวรถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือ ซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัวไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา” รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรมและกิจการเพื่อสังคม […]

สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน

กทม. 5 ก.ค.-สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน กรณีถูกชี้มูลร่วมลงชื่อเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า ตามที่มีรายงานข่าวผ่านสื่อสังคมออนไลน์ กรณีข้าราชการครูผู้รับผิดชอบงานการเงินของโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี ได้ร้องขอความเป็นธรรมภายหลังถูกชี้มูลความผิดร่วมกับอดีตผู้อำนวยการโรงเรียน จากการลงนามในเอกสารเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน โดยยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดนั้น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาต้นสังกัด และยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งลงโทษทางวินัยออกโดยเขตพื้นที่ฯ แต่อย่างใด สำหรับการดำเนินการในขั้นต่อไป สพฐ. ได้จัดเตรียมนิติกรจากส่วนกลาง เพื่อสนับสนุนการให้คำปรึกษาทางกฎหมายและการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ครูสามารถใช้สิทธิในการอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ตามมาตรา 99 แห่งพระราชบัญญัติ ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 ได้อย่างเต็มที่ เลขาธิการ กพฐ. ระบุว่า กรณีนี้สะท้อนถึงความจำเป็นที่ต้องทบทวนบทบาทภาระงานของครูในภารกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนการสอน โดยเฉพาะงานด้านการเงินและพัสดุ ซึ่งมีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงเชิงกฎหมายสูง สพฐ. จึงอยู่ระหว่างการปรับปรุงระบบสนับสนุนภายในโรงเรียน เพื่อให้โครงสร้างงานสนับสนุนมีความเหมาะสมกับวิชาชีพครูมากยิ่งขึ้น “ข้าราชการครูที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริตจะไม่ต้องเผชิญกระบวนการตามลำพัง สพฐ. พร้อมอยู่เคียงข้างและสนับสนุนในทุกขั้นตอน เพื่อให้สามารถใช้สิทธิและเข้าถึงความเป็นธรรมได้อย่างมั่นใจครับ” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว.-416.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ศิริโชค” เชื่อรถถูกเผาโยงการเมือง ตร.เร่งหาเบาะแสคนร้าย

6 ก.ค.- “ศิริโชค” ฟันธงเหตุรถยนต์ถูกลอบวางเพลิงมาจากเรื่องการเมือง ด้านตำรวจเร่งหาเบาะแสคนร้าย ส่วนบริษัทเจ้าของรถออกหนังสือชี้แจงสาเหตุไฟไหม้ ความคืบหน้าเหตุการณ์ไฟไหม้ รถ GWM HAVAL H6 PHEV ของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ 4 สมัย ซึ่งจอดอยู่ในบริเวณบ้านพักที่ อ.นาทวี จ.สงขลา เมื่อช่วงตี 3 วานนี้ (5ก.ค.68) ทำให้รถเสียหายทั้งคันและได้เข้าแจ้งความกับตำรวจสภ.นาทวี เพื่อให้ตรวจสอบว่าเป็นความบกพร่องของรถหรือลอบวางเพลิง ล่าสุดในทางคดีมีการยืนยันชัดเจนแล้วว่า เป็นการจงใจลอบวางเพลิง โดยหลังจากที่วานนี้ พนักงานสอบสวน สภ.นาทวี และตำรวจพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบหาสาเหตุเพลิงไหม้รถยนต์คันนี้ ปรากฏว่าพบมียางรถยนต์จำนวน 6 เส้นถูกเผาเหลือแต่เส้นใยเหล็ก พร้อมด้วยตับสิเหรงที่ใช้มุงหลังคา ซึ่งน่าจะเป็นเชื้อเพลิงในการจุดไฟเพื่อทำการเผารถยนต์คันนี้อยู่บริเวณใต้ท้องรถ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐานและประสานชุดสืบสวนลงพื้นที่หาเบาะแสผู้ก่อเหตุ ไม่ใช่เป็นอุบัติเหตุหรือความบกพร่องของรถแต่อย่างใด ด้านนายศิริโชค เปิดเผยว่า ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่าเป็นการวางเพลิงโดยใช้ยางรถยนต์ ตับสิเหรง และใช้น้ำมันเบนซินราด จากที่ตนสังเกตแม้ว่าทางศูนย์หลักฐานจะยังไม่ยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่ว่าดูจากรูปการแล้วพุ่งเป้าไปที่คนวางเพลิง ไม่ใช่ความบกพร่องของรถ แต่มีความตั้งใจที่จะให้เป็นความบกพร่องของรถเพราะเป็นรถไฟฟ้า แต่สุดท้ายจากหลักฐานที่พบบ่งชี้ไปที่การวางเพลิง มองว่ามาจากเรื่องการเมืองมากกว่าเรื่องการสร้างสถานการณ์ด้านความมั่นคงหรือเรื่องส่วนตัว เพราะตนไม่มีความแค้นส่วนตัวกับใครไม่ได้ทำธุรกิจในพื้นที่ ไม่มีเรื่องชู้สาว สิ่งที่เดียวที่มีคือการเป็นนักการเมือง […]

รวบ “สังข์” ผู้ต้องหาแหกห้องขัง สภ.เมืองสกลนคร

6 ก.ค.- ตำรวจบุกรวบ “สังข์” ผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนและยาเสพติด หลังก่อเหตุแหกห้องขัง สภ.เมืองสกลนคร จนมุมบนขบวนรถไฟ ขณะเตรียมหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ ตำรวจสอบสวนกลาง หรือ CIB จับกุมนายเกียรติศักดิ์ หรือ สังข์ อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนและยาเสพติด ได้บนขบวนรถไฟ ขณะเตรียมหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวมาลงบันทึกการจับกุมที่ สน.เตาปูน และอยู่ระหว่างการควบคุมตัวกลับมาดำเนินคดีที่ สภ.เมืองสกลนคร นายเกียรติศักดิ์ ก่อเหตุหลบหนีจากห้องควบคุม สภ.เมืองสกลนคร เมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 13 มิถุนายน เจ้าหน้าที่พบเบาะแสหลบซ่อนตัวบนเทือกเขาภูพาน ขณะเดียวกันโซเชียลพากันแชร์ภาพนายเกียรติศักดิ์ พบว่า เป็นบุคคลอันตรายที่อาจมีอาวุธ หากใครพบเห็นห้ามเข้าใกล้ ทั้งนี้ สภ.เมืองสกลนคร ได้ปูพรมค้นหาตามล่าตัวและตั้งรางวัลนำจับ เป็นเงิน 3 หมื่นบาทให้กับผู้แจ้งเบาะแส .-สำนักข่าวไทย

เจ้าอาวาสวัดดังพิษณุโลก ย่องลาสิกขา หลังพัวพันข่าวดัง

พิษณุโลก 6 ก.ค.- “พระ ส.” เจ้าอาวาสวัดดัง จ.พิษณุโลก ย่องลาสิกขาเงียบ หลังพัวพันข่าวดัง ขณะทางวัดยังไม่แถลงชี้แจงเกี่ยวกับสาเหตุ เจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก ได้ลาสิกขาอย่างเงียบ ๆ โดย พระครูวิโรจน์ธรรมากร เจ้าอาวาสวัดกรุงกรัก เจ้าคณะตำบลท่านางงาม เขต 2 เลขานุการเจ้าคณะอำเภอบางระกำ เป็นผู้ทำพิธีลาสิกขาให้พระ ส. ท่ามกลางกระแสข่าวว่าเป็นสามีคนแรกของหญิงสาวที่รู้จักในฉายา “น้องดอกไม้” หรือสีกา ก. และยิ่งได้รับความสนใจเมื่อมีข้อมูลระบุว่า น้องดอกไม้มีบุตรสาววัย 13 ปี ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ในอดีตของพระ ส. ขณะทางวัดยังไม่มีการออกแถลงชี้แจงเกี่ยวกับสาเหตุของการลาสิกขา แต่แหล่งข่าวใกล้ชิดเผยว่าเป็นการตัดสินใจส่วนตัวของเจ้าอาวาส เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของวัดและศาสนา -สำนักข่าวไทย

ไทยเปิดด่านกรณีพิเศษ ช่วยนายพลกัมพูชาป่วยฉุกเฉิน

สระแก้ว 6 ก.ค.- เพื่อมนุษยธรรม! ไทยเปิดด่านเป็นกรณีพิเศษ ช่วยเหลือนายทหารระดับสูงกัมพูชา ป่วยฉุกเฉิน ส่งรักษาโรงพยาบาล อ.อรัญประเทศ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ยังคงตึงเครียดและมีการปิดจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ ได้เกิดภาพความประทับใจ เมื่อหน่วยงานความมั่นคงของไทย ร่วมกันตัดสินใจเปิดด่านเป็นกรณีพิเศษ เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่นายทหารระดับสูงกัมพูชา โดยเจ้าหน้าที่ไทยจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันอำนวยความสะดวกบริเวณสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา เพื่อนำตัวส่งโรงพยาบาลเกษมราษฎร์อินเตอร์เนชั่นแนลอรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ เพื่อทำการรักษาให้ทันท่วงที ปัจจุบันด่านคลองลึก ยังคงปิดทำการจากปัญหาชายแดนที่ยังไม่คลี่คลาย แต่การดำเนินการดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า หลักมนุษยธรรมและความสัมพันธ์อันดีที่มีต่อกันนั้นอยู่เหนือปัญหาความขัดแย้งใด ๆ ทั้งปวง และยังแสดงถึงมิตรภาพที่แน่นแฟ้นของเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติงานของทั้งสองประเทศ -สำนักข่าวไทย