Watcharee

ชิคาโก 29 ต.ค.- พี่น้องสองสาวในรัฐอิลลินอยส์ของสหรัฐถูกควบคุมตัวในข้อหาพยายามฆ่าคนตายโดยเจตนา จากการจ้วงแทง 27 แผลเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย (รปภ.) ที่บอกให้สวมหน้ากากอนามัยและใช้เจลล้างมือก่อนเข้าร้าน ตำรวจเมืองชิคาโกเผยว่า สองพี่น้องเดินเข้าร้านค้าปลีกแห่งหนึ่งแล้วมีปากเสียงกับ รปภ.ประจำร้านวัย 32 ปี สำนักงานอัยการเทศมณฑลคุ้กระบุในคำฟ้องว่า รปภ.บอกทั้งสองคนว่าต้องสวมหน้ากากอนามัยและใช้เจลล้างมือก่อนเข้าร้าน การโต้เถียงกลายเป็นการทำร้ายร่างกายเมื่อเจสสิกา ฮิลล์ วัย 21 ปี ชักมีดออกมาจ้วงแทง รปภ.ที่หลัง คอ และแขนรวม 27 แผล โดยมีเจย์ลา ฮิลล์ น้องสาววัย 18 ปี ช่วยจิกผมและกดตัว รปภ.ไว้ ตำรวจเผยว่า ขณะนี้ รปภ.อาการทรงตัว ส่วนสองพี่น้องถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลทันทีเพราะมีแผลเล็กน้อย ทั้งคู่ถูกตั้งข้อหาพยายามฆ่าคนตายโดยเจตนา บันทึกเรือนจำระบุว่า ทั้งคู่ถูกควบคุมตัวโดยไม่ให้ประกันตัว ศาลกำหนดเปิดการไต่สวนในวันที่ 4 พฤศจิกายน.-สำนักข่าวไทย

โตเกียว 27 ต.ค.- รัฐบาลญี่ปุ่นอนุมัติร่างกฎหมายให้รัฐบาลออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ให้แก่ผู้อาศัยในประเทศทั้งหมด ร่างกฎหมายนี้แก้ไขกฎหมายวัคซีนฉบับปัจจุบันให้สอดคล้องกับที่นายกรัฐมนตรีโยชิฮิเดะ ซูงะรับปากว่า จะจัดสรรวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้แก่ทุกคนในญี่ปุ่นในช่วงครึ่งแรกของปีหน้า และเตรียมบังคับใช้ร่างที่ผ่านการอนุมัตินี้ในการประชุมสภาวาระปัจจุบันที่จะประชุมจนถึงวันที่ 5 ธันวาคม รัฐบาลจัดสรรงบประมาณในการนี้ไว้ทั้งหมด 671,400 ล้านเยน (ราว 200,249 ล้านบาท) ตามที่ได้ตกลงว่าจะสั่งซื้อวัคซีนจากแอสตราเซนเนกาของอังกฤษ และไฟเซอร์ของสหรัฐ บริษัทละ 120 ล้านโดสเมื่อพัฒนาสำเร็จ นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างเจรจากับโมเดอร์นาของสหรัฐเรื่องจะสั่งซื้อวัคซีนอีกไม่ต่ำกว่า 40 ล้านโดส รัฐบาลจะแนะนำอย่างแข็งขันให้ผู้อาศัยในประเทศรับวัคซีน แต่ไม่บังคับ รัฐบาลญี่ปุ่นพยายามผลักดันให้บริษัทในประเทศผลิตวัคซีนเอง แต่ส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในขั้นต้นของการทดลองทางคลินิก ขณะที่เจ้าหน้าที่องค์การอนามัยโลกกล่าวเมื่อไม่นานมานี้ว่า กว่าจะมีวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 อาจต้องรอจนถึงสิ้นปีหน้า ญี่ปุ่นมียอดผู้ป่วยสะสมกว่า 98,000 คน รวม 700 คนบนเรือสำราญที่ถูกกักนอกชายฝั่งเมืองโยโกฮามาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ และมีผู้เสียชีวิตรวมกว่า 1,700 คน.-สำนักข่าวไทย

วอร์ซอ 24 ต.ค.- โปแลนด์ประกาศวันนี้ว่า ประธานาธิบดีอันด์เซย์ ดูดามีผลตรวจเชื้อไวรัสโคโรนาเป็นบวก และต้องกักตัว ทางการได้ประกาศมาตรการเข้มงวดครั้งใหม่เพื่อควบคุมยอดผู้ป่วยใหม่ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้านนักเทนนิสหญิงดาวรุ่งที่เพิ่งคว้าแชมป์เฟรนช์โอเพนจะกักตัวเช่นกัน รัฐมนตรีประจำทำเนียบประธานาธิบดีทวีตว่า ประธานาธิบดีรับการตรวจหาเชื้อเมื่อวานนี้ ผลตรวจออกมาเป็นบวก ประธานาธิบดีสบายดี ทางการได้ประสานงานกับหน่วยงานทางการแพทย์ตลอดเวลา ด้านรัฐมนตรีช่วยสาธารณสุขเผยกับสถานีวิทยุในประเทศว่า ประธานาธิบดีเป็นคนหนุ่ม อายุเพียง 48 ปี เท่านั้น จึงน่าจะผ่านเรื่องนี้ได้อย่างไม่มีปัญหา เชื่อว่าทุกคนที่ใกล้ชิดประธานาธิบดีในช่วงหลายวันมานี้จะกักตัวดูอาการ รวมถึงอีก้า ชวีออนเท็ค นักเทนนิสอาชีพหญิงวัย 19 ปี ที่เข้าพบประธานาธิบดีเมื่อวันศุกร์ รับเหรียญเชิดชูเกียรติจากการคว้าแชมป์เฟรนช์โอเพนเมื่อต้นเดือน ชวีออนเท็คทวีตว่า เธอและคนในทีมไม่มีอาการของโรคโควิด-19 และตรวจหาเชื้ออย่างสม่ำเสมอ แต่จะกักตัวตามกระบวนการ โปแลนด์มีผู้ป่วยรายใหม่ 13,628 คนในวันนี้ หลังจากทำสถิติสูงสุดที่ 13,632 คนเมื่อวันศุกร์ ยอดผู้ป่วยสะสมที่ 228,318 คน เสียชีวิตรวม 4,172 คน โรงพยาบาลเริ่มรับไม่ไหว รัฐบาลต้องเปิดโรงพยาบาลสนาม ทางการเริ่มใช้มาตรการเข้มงวดใหม่ตั้งแต่วันนี้ เช่น ปิดร้านอาหารและบาร์สองสัปดาห์ ห้ามการรวมตัวในที่สาธารณะเกิน 5 คน ให้เด็กเล็กไปโรงเรียนได้ แต่เด็กโตต้องเรียนออนไลน์ […]

เกาหลีเหนือเตือนประชาชนให้อยู่ในแต่ในอาคาร เพราะเกรงว่าฝุ่นตามฤดูกาลที่พัดมาจากจีนอาจนำเชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคโควิด-19 มาด้วย

วอชิงตัน 24 ต.ค.- แอสตราเซนเนกาเริ่มทดลองวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ในสหรัฐอีกครั้ง หลังได้รับอนุญาตจากทางการ ขณะที่จอห์นสันแอนด์จอห์นสันเตรียมทดลองวัคซีนอีกครั้งในสัปดาห์หน้า แอสตราเซนเนกา บริษัทยาข้ามชาติของอังกฤษระงับการทดลองในสหรัฐตั้งแต่วันที่ 6 กันยายน หลังมีรายงานว่าอาสาสมัครที่ร่วมการทดลองในสหราชอาณาจักรมีอาการป่วยทางระบบประสาทอย่างร้ายแรง สันนิษฐานว่าเป็นโรคไขสันหลังอักเสบ อย่างไรก็ดี บริษัทระบุว่า ไม่ใช่เรื่องผิดปกติที่อาสาสมัครจะไม่สบายระหว่างการทดลองขนาดใหญ่ และได้เริ่มการทดลองในสหราชอาณาจักร บราซิลและแอฟริกาใต้อีกครั้งตั้งแต่เดือนก่อน แม้ว่าสำนักงานอาหารและยาสหรัฐหรือเอฟดีเอ (FDA) ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบ รอยเตอร์รายงานอ้างแหล่งข่าวเมื่อต้นสัปดาห์ว่า เอฟดีเอพิจารณาข้อมูลความปลอดภัยทั้งหมดจากการทดลองทั่วโลกเสร็จสิ้นแล้ว และเห็นว่าปลอดภัยที่จะเดินหน้าทดลองต่อไป คาดว่าแอสตราเซนเนกาจะเริ่มการทดลองในสหรัฐอีกครั้งอย่างเร็วที่สุดในสัปดาห์นี้ ส่วนจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน บริษัทยาและสินค้าอุปโภคบริโภคข้ามชาติของสหรัฐระงับการทดลองขั้นสุดท้ายกับกลุ่มคนขนาดใหญ่เมื่อสัปดาห์ก่อน หลังจากอาสาสมัครคนหนึ่งไม่สบาย บริษัทแถลงวานนี้ว่า คณะกรรมการติดตามข้อมูลและความปลอดภัยแนะนำให้เริ่มรับอาสาสมัครอีกครั้ง เพราะไม่พบหลักฐานว่าวัคซีนที่อยู่ระหว่างการทดลองทำให้อาสาสมัครรายนั้นไม่สบาย คาดว่าจะเริ่มการทดลองในสหรัฐได้อีกครั้งในวันจันทร์หรือวันอังคารหน้า และจะเดินหน้าจัดทำข้อมูลประสิทธิภาพวัคซีนให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้หรือต้นปีหน้า นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างหารือกับหน่วยงานกำกับดูแลอื่น ๆ เรื่องเริ่มการทดลองนอกสหรัฐอีกครั้ง ทั้งสองบริษัทนี้ทำสัญญาจัดสรรวัคซีนให้สหรัฐและหลายรัฐบาลหากได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานที่กำกับดูแล เจ้าหน้าที่และผู้เชี่ยวชาญเกรงว่า กระบวนการอนุมัติของเอฟดีเอจะถูกแรงกดดันทางการเมืองในช่วงใกล้ที่จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ 3 พฤศจิกายนนี้ ชาวอเมริกันราวหนึ่งในสี่ยอมรับว่าลังเลที่จะฉีดวัคซีน ทั่วโลกมีผู้ป่วยโรคโควิด-19 สะสมเกิน 42 ล้านคนแล้ว เสียชีวิตเกิน 1.14 ล้านคน เฉพาะในสหรัฐป่วยสะสมเกิน 8.7 ล้านคน เสียชีวิตเกิน […]

เนเปิล 24 ต.ค.- ผู้ประท้วงในเมืองเนเปิลส์หรือนาโปลี ทางใต้ของอิตาลี ขว้างปาข้าวของใส่ตำรวจและเผาถังขยะช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ประท้วงทางการที่ใช้มาตรการห้ามออกนอกเคหสถานหรือเคอร์ฟิวควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ผู้ประท้วงชักชวนกันผ่านสื่อสังคมออนไลน์ให้ต่อต้านเคอร์ฟิวในแคว้นกัมปาเนีย ฝูงชนที่ส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาวเดินไปตามท้องถนนทั่วเมืองเนเปิลส์ เมืองเอกของแคว้น ตะโกนคำขวัญต่อต้านมาตรการเคอร์ฟิวที่เริ่มบังคับใช้ตั้งแต่เวลา 23.00 น.วันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น บางคนจุดระเบิดควันไปด้วย บางคนถือป้ายกระดาษว่า หากปิด ต้องรับผิดชอบ ทางการแคว้นกัมปาเนียเรียกร้องให้เพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมโรคโควิด-19 โดยระบุว่า กำลังจะเข้าสู่หายนะแล้ว จำเป็นต้องมีการปิดเมืองหรือล็อกดาวน์ระดับประเทศ เพราะช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาอิตาลีมีผู้ป่วยใหม่เกือบ 20,000 ราย เฉพาะแคว้นกัมปาเนียมีผู้ป่วยใหม่มากเป็นประวัติการณ์ 2,300 คน จนถึงขณะนี้นายกรัฐมนตรีจูเซปเป กอนเตของอิตาลียังคงหลีกเลี่ยงที่จะนำมาตรการล็อกดาวน์กลับมาใช้อีกครั้ง หลังจากใช้นานสองเดือนเมื่อต้นปี ให้ประชาชนทุกคนอยู่แต่ในบ้าน และส่งผลให้เศรษฐกิจประเทศเข้าสู่ภาวะถดถอยเลวร้ายที่สุดนับจากสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง อิตาลีเป็นประเทศแรกในยุโรปที่พบการระบาดของโรคโควิด-19 ยอดผู้ป่วยสะสมอยู่ที่เกือบ 500,000 คน เสียชีวิตราว 37,000 คน.-สำนักข่าวไทย