ถ้วยแชมป์ฟุตบอลสโมสรโลกตั้งในห้องทำงาน ‘ทรัมป์’ ถาวร

วอชิงตัน 16 ก.ค. – ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ กล่าววานนี้ว่า ถ้วยแชมป์ฟุตบอลสโมสรโลก ที่ตั้งไว้ในห้องทำงานรูปไข่ในทำเนียบขาว กรุงวอชิงตัน จะต้องตั้งไว้อย่างถาวร ฟีฟ่าต้องมอบถ้วยแชมป์จำลองให้เชลซีที่เอาชนะปารีส แซงต์ แชร์กแมง คว้าแชมป์ไปได้ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีทรัมป์ และ จานนี่ อินฟานติโน ประธานสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือฟีฟ่า ได้เข้าชมรอบชิงชนะเลิศการแข่งขันฟุตบอลสโมสรโลก เมื่อวันอาทิตย์ ก่อนทั้งคู่จะร่วมมอบถ้วยแชมป์ให้กับ รีซ เจมส์ กัปตันทีมเชลซี ซึ่งเขาและเพื่อนร่วมทีมคนอื่นมีสีหน้าที่งุนงงตอนที่ทรัมป์เข้ามายืนอยู่หน้าสุดตรงกลางขณะรับถ้วย ไม่ได้หลบลงเวทีไป ถ้วยแชมป์สโมสรโลก เปิดตัวครั้งแรกที่ห้องทำงานรูปไข่ในทำเนียบขาว เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และถ้วยแชมป์ก็ถูกตั้งตกแต่งในห้องตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ทรัมป์บอกกับนักข่าวไว้ว่าสอบถามทางฟีฟ่าไปว่าจะมารับถ้วยรางวัลกลับไปเมื่อใด ก่อนที่ประธานฟีฟ่าจะแจ้งมาว่าให้เขาเก็บถ้วยรางวัลนี้ไว้ที่ห้องทำงานรูปไข่ได้ตลอดไปเลย เพราะทางฟีฟ่ากำลังทำถ้วยรางวัลจำลองอันใหม่อยู่ ยังไม่ทราบแน่ชัดเรื่องความแตกต่างระหว่างถ้วยรางวัลทั้งสอง ทรัมป์ยังบอกว่า เขาสามารถออกคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อเปลี่ยนคำว่า “ซอคเกอร์” (Soccer) ซึ่งหมายถึงฟุตบอลในแบบอเมริกัน เป็น “ฟุตบอล” (Football) แบบที่ภาษาอังกฤษที่ทั่วโลกรู้จักได้ และกล่าวว่าผู้นำประเทศอื่นๆ ต่างเรียกสหรัฐว่าเป็นประเทศ ‘ที่ร้อนแรงที่สุดในโลก’ โดยอ้างถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจและจุดยืนทางการเมือง พร้อมกล่าวถึงการจัดฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลกและฟุตบอลโลกในสหรัฐ ว่าเป็นเรื่องของความสามัคคี การที่ทุกคนมารวมตัวกัน […]

สหรัฐบรรลุข้อตกลงการค้ากับอินโดนีเซีย

วอชิงตัน 16 ก.ค. – สหรัฐบรรลุข้อตกลงการค้ากับอินโดนีเซียเรียบร้อยแล้วเมื่อวานนี้ โดยจะไม่ต้องจ่ายภาษีส่งออกไปอินโดนีเซียเลย ขณะที่อินโดนีเซียต้องจ่ายภาษีส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐ ที่ร้อยละ 19 เพื่อลดยอดขาดดุลการค้ามหาศาลที่สหรัฐมีต่ออินโดนีเซีย ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ประกาศข้อตกลงการค้ากับอินโดนีเซียในวันอังคาร เป็นข้อตกลงล่าสุดที่มุ่งกระชับความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับประเทศคู่ค้า และลดยอดขาดดุลการค้าจำนวนมหาศาลของสหรัฐ โดยทรัมป์ระบุว่า สหรัฐจะไม่จ่ายภาษีนำเข้า-ส่งออกไปยังอินโดนีเซีย เราจะเข้าถึงอินโดนีเซียอย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงการค้าครั้งนี้ ขณะที่อินโดนีเซียจะจ่ายภาษีสินค้าส่งออกไปยังสหรัฐที่ร้อยละ 19 ด้านเจ้าหน้าที่อาวุโสของกระทรวงประสานงานด้านเศรษฐกิจของอินโดนีเซีย แจ้งกับรอยเตอร์ผ่านข้อความว่า กำลังเตรียมแถลงการณ์ร่วมระหว่างสหรัฐและอินโดนีเซีย ซึ่งจะอธิบายขนาดของภาษีศุลกากรสำหรับอินโดนีเซีย ซึ่งรวมถึงข้อตกลงด้านภาษีศุลกากร ข้อตกลงที่ไม่ใช่ภาษีศุลกากร และข้อตกลงทางการค้า โดยจะแจ้งให้สาธารณชนทราบในเร็วๆ นี้ ตัวเลขการค้าทั้งหมดของอินโดนีเซียกับสหรัฐ มีมูลค่าเกือบ 40,000 ล้านดอลลาร์ ในปี 2567 แม้จะไม่ติดอยู่ใน 15 อันดับแรก แต่ก็ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง การส่งออกของสหรัฐไปยังอินโดนีเซีย เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.7 ในปีที่แล้ว ขณะที่การนำเข้าจากอินโดนีเซีย เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.8 ทำให้สหรัฐขาดดุลการค้าเกือบ 18,000 ล้านดอลลาร์ สินค้านำเข้าจากอินโดนีเซียอันดับต้นๆ ของสหรัฐ ได้แก่ น้ำมันปาล์ม […]

‘เอ็นวิเดีย’ จ่อกลับมาขายชิป H20 ให้จีนอีกครั้ง

ปักกิ่ง 16 ก.ค. – เอ็นวิเดีย (Nvidia) บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของสหรัฐ เตรียมกลับมาขายชิปประมวลผลปัญญาประดิษฐ์รุ่น “เอช ทเวนตี้” (H20) ให้กับจีนอีกครั้ง รัฐบาลสหรัฐยืนยันว่าจะอนุมัติใบอนุญาตส่งออกสำหรับผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายอย่างมีนัยสำคัญจากที่เคยประกาศห้ามการส่งออกชิปดังกล่าวไปยังจีนตั้งแต่ปี 2022 และขยายขอบเขตการควบคุมหลายครั้ง การประกาศเรื่องนี้ของเอ็นวิเดียเกิดขึ้นในช่วงเดียวกับที่ เจนเซน หวง ซีอีโอของเอ็นวิเดีย อยู่ระหว่างเดินทางเยือนจีน ขณะที่นักวิเคราะห์ชี้ เป็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายที่สำคัญ ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและจีนมีแนวโน้มดีขึ้น.-815.-สำนักข่าวไทย

ญี่ปุ่นถูกฝนถล่มหลังโซนร้อนนารีขึ้นฝั่ง

โตเกียว 16 ก.ค. – พายุโซนร้อนนารี (Nari) เคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณแหลมเอริโมะ เกาะฮอกไกโด ทางตอนเหนือสุดของญี่ปุ่น ช่วงเช้ามืดวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น อิทธิพลของพายุทำให้เกิดฝนตกหนักในภูมิภาคโทไก และคันโต-โคชิน จนเกิดน้ำท่วมฉับพลันเส้นทางสัญจรหลายพื้นที่ ก่อนที่พายุลูกนี้จะลดความรุนแรงลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำ ถือเป็นพายุโซนร้อนลูกแรกในรอบ 9 ปี ที่ขึ้นฝั่งของเกาะฮอกไกโดของญี่ปุ่น คาดว่าจะยังมีฝนตกหนักต่อเนื่องบริเวณฝั่งตะวันออกของญี่ปุ่น ทางฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก ไปจนถึงวันพฤหัสบดี พร้อมเตือนให้ระวังอันตรายจากดินโคลนถล่ม น้ำท่วมในพื้นที่ลุ่ม และแม่น้ำเอ่อล้น รวมทั้งอันตรายจากฟ้าผ่า ลมกระโชกแรง และพายุลูกเห็บ.-815.-สำนักข่าวไทย

‘เทสลา’ เปิดตัวในอินเดียอย่างเป็นทางการ

มุมไบ, 15 ก.ค. – “เทสลา” (Tesla) บริษัทรถยนต์ไฟฟ้าจากสหรัฐเปิดตัวอย่างเป็นทางการในตลาดอินเดียในวันนี้ โดยเปิดโชว์รูมแห่งแรกในเมืองมุมไบ ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางการเงินของอินเดีย และเริ่มรับการสั่งซื้อผ่านทางออนไลน์ “เทสลา” ยังเปิดตัวรยนต์ไฟฟ้ารุ่น “เทสลา โมเดล วาย” (Tesla Model Y) ด้วยราคาจำหน่ายในอินเดียประมาณ 70,000 ดอลลาร์ หรือ 2,269,000 บาท ซึ่งถือเป็นราคาสูงที่สุดเมื่อเทียบกับตลาดสำคัญอื่นๆ โดยเปรียบเทียบกับราคาเริ่มต้นในประเทศอื่นๆ แล้วในสหรัฐราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 44,990 ดอลลาร์ หรือประมาณ 1,458,000 บาท ในจีน ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 263,500 หยวน หรือประมาณ 1,190,000 บาท และ เยอรมนี ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 45,970 ยูโร หรือประมาณ 1,741,000 บาท ในขณะที่ “เทสลา” กำลังเผชิญกับการชะลอตัวของยอดขาย จึงได้วางเดิมพันกับโอกาสทางธุรกิจในอินเดีย ซึ่งเป็นประเทศที่อีลอน มัสก์ ซีอีโอของ “เทสลา” […]

จีนเผย ‘จีดีพี’ ครึ่งปีแรก ขยายตัว 5.3%

ปักกิ่ง 15 ก.ค. — สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนรายงานวันนี้ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ จีพีดี ของจีนเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.3 เมื่อเทียบปีต่อปี สูงถึงราว 66.05 ล้านล้านหยวน (ราว 299 ล้านล้านบาท) ในช่วงเดือนมกราคม-มิถุนายน 2025 ขณะที่จีดีพีในช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายน เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.2 เมื่อเทียบปีต่อปี สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า สำนักงานฯ ระบุว่าเมื่อเทียบรายไตรมาส เศรษฐกิจจีนในไตรมาสที่สองขยายตัวร้อยละ 1.1 โดยอุตสาหกรรมตติยภูมิขยายตัวร้อยละ 5.5 เมื่อเทียบปีต่อปี ในช่วงครึ่งปีแรก แซงหน้าการเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.7 ในอุตสาหกรรมปฐมภูมิ และร้อยละ 5.3 ในอุตสาหกรรมทุติยภูมิ  เซิ่งไห ลอวิ้น รองหัวหน้าสำนักงานฯ แถลงว่าจีนได้เร่งดำเนินนโยบายเศรษฐกิจมหภาคเชิงรุกมากยิ่งขึ้นนับตั้งแต่ต้นปี 2025 ส่งผลให้เศรษฐกิจก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องแม้เผชิญแรงกดดัน โดยตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่สำคัญหลายตัวมีผลลัพธ์ดีกว่าที่คาดไว้ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนในครึ่งปีแรก เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2024 โดยภาคการผลิตอุปกรณ์และการผลิตเทคโนโลยีขั้นสูงมีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว ขณะที่ตลาดผู้บริโภครักษาแนวโน้มขาขึ้น โดยยอดค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 เมื่อเทียบปีต่อปี […]

หลายสายการบินตรวจสอบสวิตช์เชื้อเพลิงหลังเหตุแอร์อินเดียตก

นิวเดลี 14 ก.ค. – อินเดียสั่งการในวันจันทร์ให้สายการบินในประเทศตรวจสอบสวิตช์เชื้อเพลิงบนเครื่องบินโบอิ้งหลายรุ่น และเกาหลีใต้ก็ได้สั่งดำเนินการในลักษณะเดียวกันเมื่อวันอังคาร ท่ามกลางการตรวจสอบที่เข้มข้นขึ้นเกี่ยวกับกลไกล็อกสวิตช์เชื้อเพลิง ซึ่งเป็นจุดสำคัญในการสอบสวนสาเหตุเครื่องบินแอร์อินเดียตกที่คร่าชีวิตผู้คนจำนวนมาก สายการบินบางแห่งเปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า ได้ทำการตรวจสอบสวิตช์ที่เกี่ยวข้องมาตั้งแต่ปี 2018 ตามคำแนะนำของสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐ หรือ เอฟเอเอ ซึ่งรวมถึงสายการบินแควนตัส แอร์เวย์ส ของออสเตรเลีย และสายการบินเอเอ็นเอ ของญี่ปุ่น ขณะที่สายการบินอื่นๆ กล่าวว่าได้ทำการตรวจสอบเพิ่มเติมหรือเริ่มการตรวจสอบใหม่นับตั้งแต่มีการเผยแพร่รายงานเบื้องต้นเกี่ยวกับเหตุเครื่องบินแอร์อินเดียตก สายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์สเปิดเผยวันนี้ว่า การตรวจสอบเชิงป้องกันบนสวิตช์เชื้อเพลิงของเครื่่องบินโบอิ้งรุ่น 787 ซึ่งรวมถึงเครื่องบินที่ใช้โดยสายการบินสกู๊ต ซึ่งเป็นสายการบินราคาประหยัดในเครือ ยืนยันว่าทุกอย่างทำงานได้อย่างถูกต้อง กระทรวงคมนาคมของเกาหลีใต้กล่าววันนี้ว่า ได้สั่งการให้สายการบินภายในประเทศตรวจสอบสวิตช์ควบคุมเชื้อเพลิงตามคำแนะนำของเอฟเอเอเมื่อปี 2018 สายการบินโคเรียนแอร์ไลน์ ซึ่งเป็นสายการบินแห่งชาติของเกาหลีใต้กล่าวว่า ได้เริ่มตรวจสอบสวิตช์ควบคุมเชื้อเพลิงเชิงรุกแล้ว ส่วนสายการบินเจแปนแอร์ไลน์สระบุว่า กำลังดำเนินการตรวจสอบตามคำแนะนำเมื่อปี 2018 การเคลื่อนไหวเชิงป้องกันของอินเดีย เกาหลีใต้ และสายการบินบางแห่งในประเทศอื่นๆ เกิดขึ้น แม้ว่าผู้ผลิตเครื่องบินและสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐจะแจ้งต่อสายการบินและหน่วยงานกำกับดูแลในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาว่า กลไกล็อกสวิตช์เชื้อเพลิงบนเครื่องบินโบอิ้งนั้นปลอดภัย รายงานเบื้องต้นเกี่ยวกับเหตุเครื่องบินแอร์อินเดียตก ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 260 คน พบว่า สวิตช์เชื้อเพลิงได้ถูกเปลี่ยนจากตำแหน่ง เปิดเป็นปิดหลังจากเครื่องบินเพิ่้งขึ้นได้ไม่นาน มีเสียงนักบินคนหนึ่งในเครื่องบันทึกเสียงห้องนักบินถามนักบินอีกคนว่า ทำไมเขาถึงปิดสวิตซ์เชื้อเพลิง แต่นักบินอีกคนตอบว่าเขาไม่ได้ปิดสวิตซ์แต่อย่างใด.-813.-สำนักข่าวไทย

อินโดนีเซียช่วยชีวิตผู้ประสบภัยเรือล่ม

จาการ์ตา 15 ก.ค. – เจ้าหน้าที่อินโดนีเซียเปิดเผยเมื่อวันนี้ว่า เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยค้นพบผู้สูญหาย 11 รายที่รอดชีวิตจากเหตุเรือล่มกลางทะเล พวกเขาเอาชีวิตรอดจากสภาพอากาศเลวร้ายด้วยการว่ายน้ำนานกว่า 6 ชั่วโมงไปยังเกาะที่ใกล้ที่สุด เจ้าหน้าที่กล่าวว่า เรือสองลำพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายสิบคนออกค้นหาผู้สูญหาย หลังจากเรือที่บรรทุกผู้โดยสาร 18 คนได้พลิกคว่ำนอกชายฝั่งหมู่เกาะเมนตาไว ในจังหวัดสุมาตราตะวันตก เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุมีฝนตกหนักมาก ผู้โดยสารบางส่วนสามารถว่ายน้ำและไปถึงเกาะที่ใกล้ที่สุดได้ ก่อนหน้านี้ มีผู้ได้รับการช่วยเหลือแล้ว 7 ราย ผู้โดยสารที่อยู่บนเรือ 10 คนเป็นเจ้าหน้าที่รัฐบาลท้องถิ่นที่กำลังเดินทางไปปฎิบัติภารกิจที่เมืองตูอาเปจัต ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางของเรือลำดังกล่าวที่ออกเดินทางจากเมืองซิกากับ เมืองเล็กๆ อีกแห่งในหมู่เกาะเมนตาไว หมู่เกาะเมนตาไวประกอบด้วยเกาะหลัก 4 เกาะ และเกาะเล็กๆ อีกจำนวนมาก.-813.-สำนักข่าวไทย

จีนเตือนรับมือคลื่นความร้อนในหลายภูมิภาค

ปักกิ่ง 14 ก.ค. — ศูนย์อุตุนิยมวิทยาแห่งชาติจีนคาดการณ์ว่าคลื่นความร้อนระยะยาวจะส่งผลกระทบต่อหลายภูมิภาคทั่วจีนระหว่างวันที่ 14-22 กรกฎาคม ซึ่งบางพื้นที่อาจมีอุณหภูมิใกล้เคียงหรือสูงเกินสถิติสูงสุดที่ผ่านมา จาง โป๋ นักพยากรณ์อากาศประจำศูนย์ฯ เผยว่าภาคเหนือและพื้นที่ลุ่มแม่น้ำเหลือง-แม่น้ำหวยเหอจะเผชิญคลื่นความร้อนรุนแรงขึ้นตามการแผ่ขยายขึ้นเหนือของความกดอากาศสูงกึ่งเขตร้อน ทำให้หลายพื้นที่มีอุณหภูมิรายวันสูงสุดเกิน 37 องศาเซลเซียส และอากาศร้อนชื้นอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น สำนักข่าวซินหัวรายงานว่าคลื่นความร้อนจะยังคงแผ่ขยายวงกว้างในช่วงไม่กี่วันข้างหน้า โดยความครอบคลุมและความรุนแรงมีแนวโน้มแตะระดับสูงสุดในวันที่ 15-16 กรกฎาคม ทำให้หลายมณฑลทั่วจีนประกาศและยกระดับการเตือนภัยอากาศร้อน สำนักอุตุนิยมวิทยามณฑลส่านซีทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีนเผยว่าพื้นที่ส่วนใหญ่ของมณฑลส่านซีจะเผชิญคลื่นความร้อนระยะยาวที่กินวงกว้างระหว่างวันที่ 14-19 กรกฎาคม เพราะอิทธิพลจากความกดอากาศสูงภาคพื้นทวีป โดยที่ราบกวนจงจะมีอุณหภูมิสูงติดต่อกัน 6 วัน ซึ่งบางพื้นที่อาจสูงเกิน 40 องศาเซลเซียส และใกล้เคียงหรือทำลายสถิติเดิม ศูนย์อุตุนิยมวิทยามณฑลเหอหนานตอนกลางของจีนประกาศเตือนภัยอากาศร้อนจัด ระดับสีแดง เมื่อช่วงเที่ยงวันจันทร์ (14 กรกฎาคม) ซึ่งสูงขึ้นจากระดับสีส้มที่ประกาศก่อนหน้า โดยหลายเขตและอำเภอ อาทิ ซินเซียง เจียวจั้ว และเจิ้งโจว อาจมีอุณหภูมิสูงเกิน 40 องศาเซลเซียส ด้านศูนย์อุตุนิยมวิทยาเมืองเฉิงตู มณฑลซื่อชวน (เสฉวน) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ประกาศเตือนภัยอากาศร้อน ระดับสีส้ม ตอน 10.00 น. […]

ชี้พรรครัฐบาลญี่ปุ่นอาจสูญเสียเสียงข้างมากในสภาสูง

โตเกียว 15 ก.ค. – ผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนที่เผยแพร่ในวันนี้แสดงให้เห็นว่า พรรคร่วมรัฐบาลของญี่ปุ่นมีแนวโน้มที่จะสูญเสียเสียงข้างมากในการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาในวันที่ 20 กรกฎาคมนี้ ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงต่อความไม่มั่นคงทางการเมือง ในขณะที่ญี่ปุ่นกำลังเผชิญปัญหาในการบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐ หนังสือพิมพ์อาซาฮีรายงานโดยอ้างอิงจากการสำรวจความคิดเห็นของผู้มีสิทธิลงคะแนนเลือกตั้งว่า พรรคเสรีประชาธิปไตย หรือ แอลดีพี (LDP) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลของนายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะ และพรรคโคเมโตะ ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาล มีแนวโน้มที่จะประสบปัญหาในการรักษาที่นั่ง 50 ที่นั่งที่จำเป็นเพื่อรักษาสถานะเสียงข้างมากในสภาสูงเอาไว้ ในขณะเดียวกัน สำนักข่าวจิจิของญี่ปุ่นก็รายงานเช่นกันว่า รัฐบาลผสมกำลังเผชิญความยากลำบากในการหาเสียงเลือกตั้ง และอาจสูญเสียเสียงข้างมากในสภาสูง คะแนนนิยมในรัฐบาลของนายอิชิบะที่ลดลง เนื่องจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น รวมถึงราคาข้าวซึ่งเป็นอาหารหลักของญี่ปุ่นที่พุ่งสูงขึ้น กระทบกับครัวเรือน เดวิด โบลลิ่ง ผู้อำนวยการของบริษัทที่ปรึกษาด้านความเสี่ยงทางการเมือง “ยูเรเชียกรุุ้ป” (Eurasia Group) กล่าวในผลการศึกษาว่า คะแนนนิยมของนายอิชิบะที่ลดลงสะท้อนให้เห็นถึงความไม่พอใจของผู้มีสิทธิเลือกตั้งต่อสภาพที่เป็นอยู่ โดยเสริมว่าเขามองเห็นโอกาสร้อยละ 60 ที่พรรคร่วมรัฐบาลจะสูญเสียเสียงข้างมากในสภาสูง ความไม่แน่นอนทางการเมืองนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่สำคัญสำหรับญี่ปุ่น ซึ่งจะต้องบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐภายในเส้นตายใหม่คือวันที่ 1 สิงหาคม เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเรียกเก็บภาษีร้อยละ 25 หนังสือพิมพ์โยมิอุริรายงานว่า นายอิชิบะกำลังเตรียมการเพื่อพบกับนายสกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐในวันศุกร์นี้ ใสระหว่างที่เขาเดินทางเยือนญี่ปุ่น และเนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ไม่สดใสและภาวะเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นส่งผลกระทบต่อครัวเรือน นายอิชิบะได้ให้คำมั่นว่าจะแจกเงินสดให้เพื่อบรรเทาผลกระทบจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น แต่นายอิชิบะได้ปฏิเสธข้อเรียกร้องของฝ่ายค้านที่ให้ลดอัตราภาษีการขายของญี่ปุ่น […]

ปธน. ไต้หวันเตรียมเยือนปารากวัยเดือนหน้า

อาซุนซิออง 14 ก.ค. – ประธานาธิบดีซันติอาโก เพนญา ผู้นำปารากวัย กล่าววันจันทร์ว่า ปารากวัยกำลังเตรียมพร้อมต้อนรับประธานาธิบดีไล่ ชิงเต๋อ ของไต้หวันในเดือนหน้า ซึ่งหมายความว่า มีแนวโน้มสูงว่า นายไล่น่าจะต้องแวะพักระหว่างทางในสหรัฐ ซึ่งเป็นจุดที่ละเอียดอ่อนและน่าจะสร้างความไม่พอใจอย่างมากแก่รัฐบาลจีน ปารากวัยเป็นหนึ่งในเพียง 12 ประเทศที่ยังคงมีความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการกับไต้หวัน ซึ่งจีนอ้างสิทธิ์ว่าเป็นส่วนหนึ่งของตน และเป็นประเทศเดียวในอเมริกาใต้ที่ยังคงสถานะนี้ การเยือนอเมริกากลางและอเมริกาใต้ของประธานาธิบดีไต้หวันมักจะรวมถึงการแวะพักในสหรัฐเสมอ เนื่องจากระยะทางที่ห่างไกลจากไต้หวัน แต่บ่อยครั้งที่การแวะพักเหล่านี้กลายเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของการเดินทาง เนื่องจากสหรัฐเป็นผู้สนับสนุนและจัดหาอาวุธรายใหญ่ที่สุดของไต้หวัน ทำเนียบประธานาธิบดีไต้หวันปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ โดยกล่าวว่า ตามธรรมเนียมปฎิบัติเช่นเดียวกับในอดีตทีผ่านมา หากมีการประกาศใดๆ ก็จะดำเนินการ “ตามความเหมาะสม” โดยปกติแล้ว ไต้หวันจะยืนยันการเดินทางดังกล่าวเพียงไม่นานก่อนที่จะเกิดขึ้นจริง นายไล่ยังไม่เคยเดินทางไปสหรัฐนับตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งสมัยที่สองเมื่อต้นปีนี้ โดยเมื่อปลายปีที่แล้วคุณไล่ได้แวะพักที่เกาะฮาวายและเกาะกวมที่เป็นดินแดนของสหรัฐ ระหว่างการเยือนปนระเทศในแถบมหาสมุทรแปซิฟิก ส่วนกระทรวงต่างประเทศสหรัฐ ยังไม่ได้ตอบกลับคำขอแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ผู้นำไต้หวันจะแวะพักที่สหรัฐในเดือนหน้า.-813.-สำนักข่าวไทย

เรือล่มนอกชายฝั่งเกาะเมนตาไวของอินโดนีเซีย สูญหาย 11 ราย

จาการ์ตา 15 ก.ค. – หน่วยกู้ภัยของอินโดนีเซียกำลังเร่งค้นหาผู้สูญหาย 11 ราย หลังเกิดเหตุเรือล่มจากสภาพอากาศเลวร้ายนอกชายฝั่งหมู่เกาะเมนตาไว จังหวัดสุมาตราตะวันตก แถลงการณ์จากหน่วยกู้ภัยระบุว่า มีผู้ได้รับการช่วยเหลือแล้ว 7 ราย จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันจันทร์ เวลาประมาณ 11.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือ 11.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย ในจำนวนผู้โดยสารทั้งหมด 18 คนบนเรือ เป็นเจ้าหน้าที่รัฐบาลท้องถิ่นถึง 10 คน เรือลำดังกล่าวได้ออกเดินทางจากเมืองซิกากับ ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ ในหมู่เกาะเมนตาไว และกำลังมุ่งหน้าไปยังเมืองตูอาเปจัต ในวันนี้ มีเรือสองลำและเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายสิบคนถูกส่งออกไปเพื่อค้นหาผู้สูญหาย เรือและเรือเฟอร์รี่ข้ามฟากเป็นรูปแบบการเดินทางหลักในอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประเทศหมู่เกาะที่มีเกาะมากกว่า 17,000 เกาะ และอุบัติเหตุทางเรือก็เกิดขึ้นบ่อยครั้ง เนื่องจากสภาพอากาศที่เลวร้าย รวมถึงมาตรฐานความปลอดภัยที่หย่อนยาน ซึ่งมักทำให้เรือบรรทุกเกินพิกัดอยู่เสมอ เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ก็มีเหตุเรือเฟอร์รี่อับปางใกล้เกาะบาหลี โดยมีผู้โดยสาร 65 คนบนเรือ เสียชีวิต 18 ราย รอดชีวิต 30 ราย และยังคงสูญหาย 17 […]

1 14 15 16 17 18 669