‘ทรัมป์’ ชี้ ‘สี จิ้นผิง’ เป็นคนแข็งและเจรจายาก

วอชิงตัน 4 มิ.ย. – ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ กล่าววันนี้ว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน เป็นคนแข็งและเป็นเรื่องยากที่จะทำข้อตกลงด้วย นายทรัมป์ โพสต์ข้อความผ่านทาง “ทรูธ โซเชียล” แพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ที่เขาเป็นเจ้าของว่า เขาชอบประธานาธิบดีสี ของจีน ชอบมาตลอดและจะชอบตลอดไป แต่เขาเป็นคนที่แข็งมาก และยากอย่างยิ่งที่จะทำข้อตกลงด้วย แคโรไลน์ เลวิตต์ โฆษกประจำทำเนียบขาว กล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า นายทรัมป์อาจจะได้พูดคุยกับนายสี ในสัปดาห์นี้ ในขณะที่ผู้นำทั้งสองพยายามปรับแก้ความเห็นที่แตกต่างเกี่ยวกับข้อตกลงภาษีที่คุยกันเมื่อเดือนที่แล้วที่นครเจนีวา รวมถึงประเด็นทางการค้าที่สำคัญอื่น ๆ ด้วย.-813.-สำนักข่าวไทย

เกาหลีเหนือกู้เรือรบที่พลิกตะแคงให้ตั้งตรงได้แล้ว

โซล 4 มิ.ย. – นักวิจัยสหรัฐกล่าววันนี้ว่า เกาหลีเหนือดูเหมือนจะสามารถกู้เรือพิฆาตชั้นโชฮยอน (Choe Hyun Class) ที่ได้รับความเสียหายและพลิกตะแคงระหว่างพิธีปล่อยเรือลงน้ำที่ผิดพลาด ให้กลับมาตั้งตรงได้แล้ว โครงการ 38 นอร์ธ (38 North programme) ซึ่งเป็นโครงการวิจัยและวิเคราะห์ที่เน้นเรื่องเกาหลีเหนือระบุในรายงานว่า ภาพถ่ายดาวเทียมเชิงพาณิชย์เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน แสดงให้เห็นเรือพิฆาตลำดังกล่าวตั้งตรงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่อุบัติเหตุเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม รายงานระบุว่า ภาพถ่ายดาวเทียมเชิงพาณิชย์แสดงให้เห็นว่าคนงานที่ท่าเรือในเมืองชองจินได้ดำเนินการคืบหน้าอย่างมากเพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการทำให้เรือกลับมาตั้งตรง นอกจากนี้ รายงานยังระบุว่าพบคนงานกำลังดึงเชือก และอาจใช้ บอลลูนป้องกันภัย (barrage balloons) ในความพยายามที่จะทำให้เรือกลับมาตั้งตรงด้วยกำลังคน ภาพถ่ายยังแสดงให้เห็นว่าส่วนหัวเรือยังคงอยู่บนบก และอาจมีความเสียหายที่ส่วนที่เป็นระบบโซนาร์ ในการซ่อมแซมเรือหลังจากที่เรือกลับมาลอยได้แล้วเรือจะต้องถูกเคลื่อนย้ายไปยังอู่ซ่อมเรืออื่น เนื่องจากท่าเรือชองจินไม่มีอุปกรณ์ นายคิม จอง-อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์การปล่อยเรือรบขนาด 5,000 ตันที่ล้มเหลว กล่าวว่าอุบัติเหตุครั้งนี้สร้างความเสียหายต่อศักดิ์ศรีของประเทศ และประกาศว่าจะลงโทษผู้ที่รับผิดชอบ นับตั้งแต่อุบัติเหตุ เกาหลีเหนือได้กล่าวว่าได้ควบคุมตัวเจ้าหน้าที่หลายคน และนายคิมได้สั่งการให้ซ่อมแซมเรือให้แล้วเสร็จก่อนการประชุมพรรคที่จะจัดขึ้นในเดือนนี้.-813.-สำนักข่าวไทย

‘หวัง อี้’ พบปะทูตสหรัฐประจำจีนคนใหม่

ปักกิ่ง 5 มิ.ย. — นายหวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ต้อนรับนายเดวิด เพอร์ดิว ที่เข้าดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำจีนคนใหม่ และแสดงความหวังว่าเขาจะดำเนินบทบาทเชิงรุกในการส่งเสริมการพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคีที่มีเสถียรภาพอันดีและยั่งยืน สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า นายหวังกล่าวว่าปัจจุบันความสัมพันธ์จีน-สหรัฐอยู่บนจุดตัดที่สำคัญ โดยหากมองย้อนเส้นทางตลอดระยะเวลาเกือบครึ่งศตวรรษนับตั้งแต่มีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ข้อเท็จจริงอันสลักสำคัญที่สุดคือความเท่าเทียมและความเคารพเป็นข้อกำหนดเบื้องต้นของการแลกเปลี่ยนระหว่างสองฝ่าย ขณะการเจรจาและความร่วมมือเป็นตัวเลือกเดียวที่ถูกต้อง นายหวังเน้นย้ำว่าหลังจากการเจรจาทางเศรษฐกิจและการค้าทวิภาคีในนครเจนีวา จีนได้ดำเนินการตามฉันทามติที่ทั้งสองฝ่ายบรรลุร่วมกันอย่างจริงจังและเข้มงวด แต่เป็นเรื่องน่าเศร้าใจที่สหรัฐ กลับดำเนินมาตรการเชิงลบต่างๆ ด้วยเหตุผลที่ไร้มูลฐาน ละเมิดสิทธิประโยชน์ตามกฎหมายของจีน ซึ่งจีนคัดค้านการกระทำเช่นนี้อย่างยิ่ง นายหวังกล่าวว่าฝ่ายสหรัฐ ควรพบกันครึ่งทางกับจีน ดำเนินการตามฉันทามติสำคัญที่สองผู้นำประเทศบรรลุร่วมกันระหว่างการสนทนาทางโทรศัพท์เมื่อเดือนมกราคมปีนี้อย่างตั้งใจจริง และสร้างเงื่อนไขอันจำเป็นต่อการผลักดันความสัมพันธ์ทวิภาคีกลับสู่ทิศทางที่ถูกต้อง ด้านเพอร์ดิวกล่าวว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เคารพนับถือประธานาธิบดีสี จิ้นผิง อย่างมาก และการที่สองผู้นำประเทศรักษาการแลกเปลี่ยนเชิงบวกและสร้างสรรค์เป็นสิ่งสำคัญมาก โดยเขาในฐานะเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำจีน ยินดีจะรักษาการสื่อสารใกล้ชิดกับฝ่ายจีนด้วยเจตจำนงของความเคารพซึ่งกันและกันและการเจรจา.-813.-สำนักข่าวไทย

ปธน. คนใหม่ของเกาหลีใต้ให้คำมั่นฟื้นฟูประชาธิปไตย

โซล 4 มิ.ย. – ประธานาธิบดีอี แจ-มยอง ผู้นำคนใหม่ของเกาหลีใต้กล่าววันนี้ให้คำมั่นที่จะกอบกู้ประเทศจากความเสียหายจนเกือบล่มสลายที่เกิดจากการพยายามประกาศใช้กฎอัยการศึก และฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ถูกคุกคามจากการกีดกันทางการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งกำลังเป็นภัยคุกคามต่อการอยู่รอดของประเทศ นายอี กล่าวภายหลังเสร็จสิ้นพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ว่า รัฐบาลของเขาจะเป็นรัฐบาลที่เน้นการปฏิบัติจริงและสนับสนุนกลไกตลาด นายอี สัญญาว่ารัฐบาลจะลดกฎระเบียบเพื่อกระตุ้นนวัตกรรมและการเติบโตทางธุรกิจ และให้คำมั่นว่าจะรื้อฟื้นการเจรจากับเกาหลีเหนือ ในขณะเดียวกันก็รักษาสัมพันธภาพความมั่นคงที่แข็งแกร่งกับสหรัฐอเมริกา และสร้างสมดุลทางการทูต คณะกรรมการการเลือกตั้งแห่งชาติยืนยันอย่างเป็นทางการว่านายอีได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีและเข้ารับตำแหน่ในฐานะประธานาธิบดีและผู้บัญชาการทหารสูงสุดในทันที ข้อมูลอย่างเป็นทางการหลังจากนับคะแนนทั้งหมดแล้ว นายอี ชนะการเลือกต้ังไปด้วยคะแนนร้อยละ 49.42 จากจำนวนผู้มาใช้สิทธิ์เกือบ 35 ล้านคน ขณะที่คู่แข่งฝ่ายอนุรักษ์นิยมอย่างนายคิม มุน-ซู ได้ไปร้อยละ 41.15 ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ซึ่งมีผู้มาใช้สิทธิ์สูงสุดสำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดีนับตั้งแต่ปี 1997.-813.-สำนักข่าวไทย

ไต้หว้นยืนยันโลกไม่ลืมเหตุการณ์จัตุรัสเทียนอันเหมิน

ไทเป 4 มิ.ย. – ประธานาธิบดีไต้หวันและนักการทูตอาวุโสของสหรัฐกล่าวเนื่องในวาระครบรอบ 36 ปี ของเหตุการณ์ที่ทางการจีนใฃ้กำลังปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยในจีนที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน ในกรุงปักกิ่งว่า โลกจะไม่มีวันลืมเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างแน่นอน ประธานาะบดีไล่ ชิง-เต๋อ ของไต้หวัน โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กในวันนี้ ได้กล่าวชื่นชมความกล้าหาญของผู้ที่เข้าร่วมการประท้วงในครั้งน้ัน โดยระบุว่าสิทธิมนุษยชนเป็นแนวคิดที่ไต้หวันและประเทศประชาธิปไตยอื่นๆ มีความเห็นตรงกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่อยู่เหนือกาลเวลาและพรมแดน ในขณะเดียวกัน นายมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐกล่าวในแถลงการณ๋ชื่นชมความกล้าหาญของประชาชนขาวจีนที่ถูกสังหารในระหว่างการกวาดล้างผู้ชุมนุมประท้วง ในประเทศจีนไม่มีการพูดถึงเหตุการณ์บริเวณด้านในและรอบๆ จัตุรัสเทียนอันเหมินใจกลางกรุงปักกิ่งเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 1989 ซึ่งเป็นวันที่ทหารของกองทัพจีนเปิดฉากยิงเพื่อสลายการชุมนุมประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยที่นำโดยนักศึกษา และจะไม่มีการจัดงานรำลึกถึงวันครบรอบดังกล่าวอย่างเป็นทางการ ในขณะที่มีการจัดงานรำลึกในต่างประเทศ รวมถึงกรุงไทเป ซึ่งผู้นำรัฐบาลไต้หวันมักใช้โอกาสวันครบรอบนี้ในการวิพากษ์วิจารณ์จีน และเรียกร้องให้จีนยอมรับสิ่งที่ได้ทำไป.-813.-สำนักข่าวไทย

‘อี แจ-มยอง’ คว้าชัยเลือกตั้ง ปธน.เกาหลีใต้

โซล 4 มิ.ย. – อี แจ-มยอง ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปไตย ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีเกาหลีใต้เมื่อวานนี้ พร้อมประกาศชัยชนะต่อผู้สนับสนุน ขณะที่ คิม มุน-ซู คู่แข่งจากพรรคพลังประชาชน ออกมายอมรับความพ่ายแพ้แล้ว นายอี ได้ชัยชนะการเลือกตั้งหลังจากการนับคะแนนผ่านไปร้อยละ 94.4 และเมื่อช่วงเวลาหลังเที่ยงคืน นายอี ได้คะแนนเสียงไปแล้วร้อยละ 48.8 และนายคิม คู่แข่งคนสำคัญจากพรรคพลังประชาชน แนวอนุรักษ์นิยม ได้ร้อยละ 42 แม้ว่าคะแนนที่ยังไม่ได้นับ จะตกเป็นของนายคิมแต่ก็ยังตามนายอีไม่ทัน ซึ่งทำให้นายอี ยืนยันชัยชนะของเขาเป็นที่เรียบร้อย สำหรับตัวเลขผู้ออกไปใช้สิทธิลงคะแนนเบื้องต้นอยู่ที่ร้อยละ 79.4 ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดในรอบ 28 ปี นับตั้งแต่การเลือกตั้งในปี 2540 ในจำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งประมาณ 44.4 ล้านคน มีผู้มาใช้สิทธิราว 35.24 ล้านคนตามหน่วยเลือกตั้ง 14,295 แห่งทั่วประเทศ จำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 77.1 ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งก่อนในปี 2565 นายอีกล่าวว่า เขาจะไม่มีวันลืมหน้าที่ของประธานาธิบดีในการสร้างความเป็นเอกภาพของผู้คนในประเทศ และว่าเขาจะหาวิธีให้ประเทศอยู่ร่วมกับเกาหลีเหนือได้โดยผ่านการเจรจาและพูดคุยกัน ด้าน นายคิม […]

นายกฯ มองโกเลียลาออก หลังลูกชายโพสต์อวดรวย

อูลานบาตอร์ 4 มิ.ย.- นายกรัฐมนตรีมองโกเลียประกาศลาออก หลังจากลูกชายใช้ชีวิตและท่องเที่ยวสุดหรู ทำสังคมไม่พอใจและตั้งคำถามถึงเส้นทางการเงินของครอบครัว ในขณะที่ประชาชนในประเทศเผชิญกับวิกฤตค่าครองชีพ ลุฟซันนัมสไรน์ โอยุน-เออร์เดเน (Luvsannamsrain Oyun-Erdene) นายกรัฐมนตรีมองโกเลีย ประกาศลาอกจากตำแหน่งเมื่อวานนี้ หลังไม่ได้รับความไว้วางใจในการโหวตจากรัฐสภาในวันเดียวกัน โดยได้เสียงไว้วางใจเพียง 44 เสียง และไม่ไว้วางใจ 88 เสียง การลงมติไม่ไว้วางใจในตัวนายกรัฐมนตรีมองโกเลียมีขึ้น หลังจากที่มีภาพ เตมูเลน บุตรชายวัย 23 ปีของเขา ใช้ชีวิตหรูหรา ท่องเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ รวมถึงภาพของแฟนสาวของลูกชายเขา ที่สะพายกระเป๋าแบรนด์หรู ทั้งดิออร์และชาแนล สวมแหวนเพชร และถือถุงช็อปปิ้งหลายถุง จนนำมาสู่การตั้งคำถามจากประชาชน ว่าเหตุใดลูกชายของนายกรัฐมนตรี ที่มีรายได้ไม่ถึงปีละ 27,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 9 แสนบาท) จึงสามารถซื้อของแพงเช่นนี้ได้ พร้อมเรียกร้องให้ตรวจสอบเรื่องการทุจริตด้วย ซึ่งสื่อท้องถิ่นรายงานว่า หน่วยงานตรวจสอบการทุจริตของมองโกเลียกำลังตรวจสอบเส้นทางการเงินของครอบครัวนี้อยู่ ขณะที่ประชาชนชาวมองโกเลียต่างตั้งคำถามถึงความร่ำรวยของครอบครัวโอยุน-เออร์เดเน ที่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างหรูหรา ชาวมองโกเลียหลายร้อยคน โดยเฉพาะคนหนุ่มสาวได้ลงถนนประท้วงมานานกว่า 2 สัปดาห์แล้วเพื่อเรียกร้องให้โอยุน-เออร์เดเนลาออก ซึ่งที่ผ่านมา เขาปฏิเสธเรื่องการทุจริตมาโดยตลอด พร้อมกล่าวหาว่านี่คือการกลั่นแกล้งทางการเมืองจากฝ่ายตรงข้าม […]

แผ่นดินไหวขนาด 6.1 ที่นอกเกาะฮอกไกโด ของญี่ปุ่น

โตเกียว 31 พ.ค. – สำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นรายงานวันนี้ว่า เกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.1 ที่บริเวณเกาะฮอกไกโดของญี่ปุ่น ในช่วงบ่ายวันเสาร์ สำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นกล่าวว่า แผ่นดินไหวครั้งนี้เกิดขึ้นที่ระดับความลึก 20 กิโลเมตร จากพื้นดิน และมีศูนย์กลางที่บริเวณนอกชายฝั่งตะวันออกของเกาะฮอกไกโด อย่างไรก็ตาม ไม่มีประกาศเตือนภัยคลื่นยักษ์สึนามิแต่อย่างใด ขณะนี้ยังไม่มีรายงานเกี่ยวกับความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นจากแผ่นดินไหวครั้งนี้.-813.-สำนักข่าวไทย

ผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า ปธน. เกาหลีใต้ทะลุ 34%

โซล 31 พ.ค. – คณะกรรมการการเลือกตั้งแห่งชาติ หรือ เอ็นอีซี ของเกาหลีใต้กล่าววานนี้ว่า ผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งชาวเกาหลีใต้มากกว่า 15 ล้านคน ออกไปใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้งประธานาธิบดีล่วงหน้า โดยในขณะนี้มีการจับตามองว่า จำนวนผู้ไปใช้สิทธิล่วงหน้าที่เกือบจะสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์จตะส่งผลกระทบอย่างไรบ้างกับการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า สำนักข่าวยอนฮับ รายงานว่า จำนวนผู้ไปใช้สิทธิล่วงหน้าทั้งหมดอยู่ที่ร้อยละ 34.74 ซึ่งสูงที่สุดเป็นอันดับ 2 นับตั้งแต่เริ่มให้มีการเลือกตั้งล่วงหน้าได้ตั้งแต่ปี 2014 โดยเอ็นอีซีกล่าวว่า การเลือกตั้งล่วงหน้าครั้งนี้น้อยกว่าสถิติสูงสุดเดิมสองจุดหนึ่งเก้าจุดเปอร์เซ็นต์ ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2022  ที่มีผู้ไปใช้สิทธิล่วงหน้าร้อยละ 36.93 เอ็นอีซี ประมาณการว่ามีผู้ไปใช้สิทธิล่วงหน้าประมาณ 15,423,607 คน โดยการเลือกตั้งล่วงหน้าเริ่มต้นในเวลา 6.00 น. ของวันพฤหัสบดีและสิ้นสุดในเวลา 18.00 น. ของวันศุกร์ สำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดีจะจัดข้นในวันอังคารที่จะถึงนี้ เกาหลีใต้มีผู้มีสิทธิออกเสียงราว 44.3 ล้านคน โดยที่การเลือกตั้งประธานาธิบดีต้องจัดขึ้นก่อนกำหนดเนื่องจากเกิดความวุ่นวายทางการเมืองเป็นเวลาหลายเดือนที่เกิดจากการที่นายยุน ซ็อก ยอล อดีตประธานาธิบดีประกาศกฎอัยการศึก ทำให้เขาต้องถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง.-813.-สำนักข่าวไทย

สหรัฐอนุมัติวัคซีนโควิดใหม่ของโมเดอร์นาสำหรับผู้สูงอายุ

วอชิงตัน 31 พ.ค. – สำนักงานอาหารและยาของสหรัฐ หรือ เอฟดีเอ (FDA) ได้อนุมัติการใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 รุ่นใหม่ของบริษัทโมเดอร์นา (Moderna) สำหรับผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป ซึ่งถือเป็นการให้ความเห็นชอบวัคซีนครั้งแรกนับตั้งแต่เอฟดีเอประกาศใช้ข้อกำหนดที่เข้มงวดมากขึ้นกว่าเดิม โมเดอร์นากล่าวในแถลงการณ์ด้วยว่า วัคซีนรุ่นใหม่นี้ได้รับการอนุมัติสำหรับผู้ที่มีอายุ 12 ถึง 64 ปี ซึ่งมีปัจจัยเสี่ยงด้านสุขภาพอย่างน้อยหนึ่งอย่างขึ้นไป โมเดอร์นาระบุว่า คาดว่าจะสามารถนำวัคซีนดังกล่าวที่ใช้ชื่อว่า “เอ็มเน็กซ์สไปค์” (mNEXSPIKE) ออกมาใช้ได้ทันสำหรับฤดูการระบาดของไวรัสระบบทางเดินหายใจในปี 2025-2026 วัคซีนนี้สามารถเก็บรักษาไว้ในตู้เย็นได้โดยไม่ต้องเก็บในช่องแช่แข็ง ทำให้มีอายุการใช้งานนานขึ้นและสามารถจัดจำหน่ายง่ายขึ้น โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนาที่ปัญหาด้านห่วงโซ่อุปทานอาจเป็นอุปสรรคต่อการรณรงค์ฉีดวัคซีน.-813.-สำนักข่าวไทย

ตุรกีปรับเงินผู้โดยสารที่ลุกยืนก่อนเครื่องบินจอดสนิท

อิสตันบูล 31 พ.ค. – ตุรกีออกมาตรการปรับเงินผู้โดยสารสายการบินที่ลุกขึ้นยืนก่อนที่เครื่องบินจะจอดสนิท เพื่อแก้ปัญหาความวุ่นวายไม่เป็นระเบียบของผู้โดยสาร สำนักงานการบินพลเรือนตุรกีแจ้งว่าได้ออกคำสั่งดังกล่าวหลังจากได้รับเรื่องร้องเรียนจำนวนมากเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้โดยสารบนเครื่องบินที่มักจะใจร้อนลุกขึ้นยืนตั้งแต่เครื่องบินยังจอดไม่สนิทเรียบร้อยเพื่อจะเปิดช่องเก็บสัมภาระเหนือที่นั่งผู้โดยสาร ซึ่งเป็นการรบกวนผู้โดยสารคนอื่นๆ ที่ยังนั่งอยู่และยังทำให้เกิดความไม่เป็นระเบียบเรียบร้อยเพราะผู้โดยสารเหล่านี้จะพากันไปยืนอออยู่ที่ประตูเครื่องบิน การบินพลเรือนระบุว่าตั้งแต่นี้ไปทุกสายการบินที่เดินทางมายังตุรกีจะต้องแจ้งให้ผู้โดยสารทราบถึงข้อกำหนดดังกล่าวว่าผู้โดยสารทุกคนบนทุกสายการบินจะต้องนั่งอยู่ที่กับที่และคาดเข็มขัดนิรภัยเอาไว้จนกว่าสัญญาณไฟแจ้งเตือนให้คาดเข็มขัดจะดับลง จึงจะสามารถลุกขึ้นยืนได้ สำหรับผู้ฝ่าฝืนจะมีโทษปรับและถูกรายงานชื่อต่อการบินพลเรือนตุรกีฐานเป็นผู้โดยสารที่ก่อความวุ่นวาย ซึ่งข้อบังคับนี้เริ่มมีผลบังคับไปเมื่อสองวันที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ทางการตุรกีไม่ได้แจ้งอัตราค่าปรับเอาไว้ แต่สื่อของตุรกีรายงานว่าอยู่ที่ประมาณ 70 ดอลลาร์ คิดเป็นเงินไทยก็ตกราวๆ 2,300 บาท.-816.-สำนักข่าวไทย

ซีดีซียังให้วัคซีนโควิดเป็นทางเลือกสำหรับเด็กสุขภาพดี

วอชิงตัน 31 พ.ค. – ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา หรือ ซีดีซี กล่าวว่า วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ยังคงเป็นทางเลือกสำหรับเด็กที่มีสุขภาพดี หากผู้ปกครองและแพทย์เห็นชอบว่ามีความจำเป็น ซึ่งเป็นการตอบโต้คำประกาศของโรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่ว่าซีดีซีจะถอดวัคซีนดังกล่าวออกจากตารางแผนการสร้างภูมิคุ้มกัน ซีดีซี กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่า การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้กับเด็กสุขภาพดีที่มีอายุ 6 เดือนถึง 17 ปี ควรเป็นไปตาม “การตัดสินใจทางการแพทย์ร่วมกัน” ระหว่างผู้ปกครองของเด็กและผู้ให้บริการด้านสุขภาพของพวกเขา ก่อนหน้านี้ซีดีซีเคยแนะนำวัคซีนป้องกันโควิด-19 ชนิดปรับปรุงใหม่สำหรับทุกคนที่มีอายุ 6 เดือนขึ้นไป โดยอิงตามคำแนะนำของคณะผู้เชี่ยวชาญภายนอก แต่นายเคเนดี ซึ่งเป็นที่รู้จักจากจุดยืนที่สงสัยในวัคซีน กล่าวเมื่อวันอังคารว่า วัคซีนโควิด-19 สำหรับเด็กที่มีสุขภาพดีและสตรีมีครรภ์จะถูกถอดออกจากตารางการแนะนำการสร้างภูมิคุ้มกันของซีดีซี.-813.-สำนักข่าวไทย

1 12 13 14 15 16 644