‘ทาคาอิจิ’ อดีต รมต. หญิงร่วมชิงตำแหน่งผู้นำพรรคแอลดีพี

โตเกียว, 18 ก.ย. – นางซานาเอะ ทาคาอิจิ อดีตรัฐมนตรีทางด้านเศรษฐกิจกล่าวในวันพฤหัสบดีว่า เธอจะลงสมัครชิงตำแหน่งผู้นำพรรคเสรีประชาธิปไตย หรือ แอลดีพี ซึ่งเป็นรัฐบาลที่จะมีการเลือกตั้งในวันที่ 4 ตุลาคม เพื่อหาผู้นำพรรคแทนที่นายกรัฐมนตรีชิเกรุ อิชิบะ ที่กำลังจะก้าวลงจากตำแหน่ง นางทาคาอิจิ ซึ่งคาดหวังที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของญี่ปุ่น ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในตัวเก็งร่วมกับนายชินจิโร โคอิซูมิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และการประมง นางทาคาอิจิกล่าวว่าเธอจะจัดแถลงข่าวในวันศุกร์เพื่ออธิบายถึงนโยบายของเธอ เธอมีแนวทางที่ไม่เห็นด้วยกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางญี่ปุ่น และเรียกร้องให้เพิ่มการใช้จ่ายเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจที่เปราะบาง นายกรัฐมนตรีอิชิบะได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งเพื่อรับผิดชอบต่อความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งหลังจากดำรงตำแหน่งได้ไม่ถึงหนึ่งปี สำหรับผู้สมัครคนอื่น ๆ ได้แก่ นายโยชิมาสะ ฮายาชิ หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรี นายโทชิมิตสึ โมเตงิ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ และนายทาคายูกิ โคบายาชิ อดีตรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงทางเศรษฐกิจ นายฮายาชิกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่า เขาจะสานต่อนโยบายบางอย่างของรัฐบาลอิชิบะ ซึ่งรวมถึงความพยายามที่จะขยายการขึ้นค่าจ้างในหมู่บริษัทขนาดเล็ก เพื่อให้ครัวเรือนสามารถรับมือกับค่าครองชีพที่สูงขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม เขาเตือนว่าไม่ควรลดอัตราภาษีการบริโภคของญี่ปุ่น โดยกล่าวว่าภาษีดังกล่าวเป็นแหล่งรายได้สำคัญในการสนับสนุนค่าใช้จ่ายด้านสวัสดิการสังคมสำหรับประชากรสูงวัยที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของประเทศ ในขณะที่ผู้สมัครอีกคนหนึ่งคือนายโมเตงิ กล่าวว่าเขาจะเจรจากับสหรัฐเพื่อลดภาษีนำเข้าเพิ่มเติมหากสถานการณ์เอื้ออำนวย ผลสำรวจความคิดเห็นของสำนักข่าวจิจิของญี่ปุ่นที่เผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบดี พบว่านายโคอิซูมิเป็นตัวเต็งอันดับหนึ่งด้วยคะแนนร้อยละ 23.8 ในฐานะผู้ที่เหมาะสมที่สุดที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาด้วยนางทาคาอิจิที่ร้อยละ 21.0 ส่วนนายฮายาชิและนายโมเตงิอยู่ในอันดับสามร่วมกันที่ร้อยละ […]

ญี่ปุ่นพิจารณาการเข้าร่วมเอเชียนเกมส์ 2026 ของเกาหลีเหนือ

โตเกียว 18 ก.ย. – รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยในวันพฤหัสบดีว่า ญี่ปุ่นจะพิจารณาว่าจะอนุญาตให้นักกีฬาจากเกาหลีเหนือเข้าร่วมการแข่งขันเอเชียนเกมส์ที่เมืองนาโกย่าของญี่ปุ่นในปีหน้าหรือไม่ หลังจากที่เกาหลีเหนือได้แสดงเจตจำนงที่จะเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ ญี่ปุ่นและเกาหลีเหนือไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตต่อกัน และเกาหลีเหนือไม่ได้เข้าร่วมการแข่งขันครั้งล่าสุดที่ญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพเมื่อปี 1994 ญี่ปุ่นได้ประกาศห้ามพลเมืองเกาหลีเหนือเดินทางเข้าประเทศตั้งแต่ปี 2016 สืบเนื่องจากโครงการพัฒนาขีปนาวุธและอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ อย่างไรก็ตาม ญี่ปุ่นเคยอนุญาตให้นักกีฬาเกาหลีเหนือเดินทางมาเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติมาแล้ว สำนักข่าวเกียวโดรายงานอ้างแหล่งข่าววงในว่า เกาหลีเหนือได้แสดงเจตจำนงที่จะส่งนักกีฬาประมาณ 150 คน เข้าร่วมการแข่งขันใน 17 ชนิดกีฬาในการแข่งขันเอเชียนเกมส์ที่มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19 กันยายนถึง 4 ตุลาคมปีหน้า นายโยชิมาสะ ฮายาชิ หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรีของญี่ปุ่น กล่าวว่า คณะกรรมการจัดเอเชียนเกมส์ได้หารือกับกระทรวงกีฬาเกี่ยวกับการเข้าร่วมของนักกีฬาเกาหลีเหนือในครั้งนี้ เขากล่าวว่าขณะนี้รัฐบาลกำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาคำขอผ่านการปรึกษาหารือกับกระทรวงต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เกาหลีเหนือเคยเข้าร่วมการแข่งขันเอเชียนเกมส์ครั้งล่าสุดที่เมืองหางโจว ประเทศจีนในปี 2023 และสามารถคว้ามาได้ 11 เหรียญทอง และรวมทั้งหมด 39 เหรียญรางวัล.-813.-สำนักข่าวไทย

ผลสำรวจชี้คนทั่วโลกสนับสนุนความร่วมมือระดับนานาชาติ

นิวยอร์ก 18 ก.ย. – ผลสำรวจล่าสุดจากการสอบถามประชาชนทั่วโลกกว่า 36,300 คนแสดงให้เห็นว่า ส่วนใหญ่ให้การสนับสนุนในเรื่องความร่วมมือระหว่างประเทศในประเด็นต่าง ๆ เช่น การค้า สุขภาพ สภาพภูมิอากาศ และความยากจน แต่ในทางกลับกัน ความเชื่อมั่นต่อองค์กรต่าง ๆ เช่น สหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น (UN) กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟ (IMF) กลับอยู่ในระดับต่ำ ผลสำรวจนี้ได้รับมอบหมายจากมูลนิธิร็อกกี้เฟลเลอร์ (Rockefeller Foundation) และดำเนินการใน 34 ประเทศ ตั้งแต่วันที่ 8 สิงหาคมถึง 10 กันยายน โดยสะท้อนภาพความเชื่อมั่นที่ย่ำแย่ต่อสถาบันพหุภาคี ในช่วงเวลาที่สหรัฐและประเทศพัฒนาแล้วอื่น ๆ กำลังลดความช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาและเงินทุนสำหรับโครงการระดับโลก แม้จะมีการตัดลดงบประมาณเพื่อการพัฒนาและวาทกรรมชาตินิยมที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก แต่ร้อยละ 75 ของผู้ตอบแบบสำรวจระบุว่าพวกเขา สนับสนุนความร่วมมือระดับโลก หากมีการพิสูจน์แล้วว่าสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่มีเพียงร้อยละ 42 เท่านั้นที่มองว่าเป็นการมุ่งผลประโยชน์ส่วนตัว ผู้ตอบแบบสำรวจ 9 ใน 10 […]

รัฐมนตรีกลาโหมจีนเรียกร้องความสามัคคี

ปักกิ่ง 18 ก.ย. – พลเรือเอก ต่ง จวิน (Dong Jun) รัฐมนตรีกลาโหมของจีนกล่าวในวันพฤหัสบดีได้เรียกร้องให้ประชาคมโลกมีความสามัคคีกันมากขึ้น พร้อมเตือนถึงโลกที่กำลังแบ่งแยกมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งถูกกำหนดกฎความอยู่รวดในป่า (law of the jungle) ที่ผู้แข็งแรงกว่าย่อมเป็นผู้รอด ผู้อ่อนแอกว่าย่อมเป็นเหยื่อของผู้แข็งแรงกว่า พลเรือเอกต่ง อดีตผู้บัญชาการทหารเรือของจีนกล่าวปาฐกถาพิเศษในการเปิดการประชุมความมั่นคง “ปักกิ่ง เซี่ยงซาน ฟอรัม” (Beijing Xiangshan Forum) ว่าโลกกำลังถูกบดบังด้วยความคิดแบบสงครามเย็น การครอบงำ และลัทธิกีดกันทางการค้า การแทรกแซงทางทหารจากภายนอก การแสวงหาอำนาจเพิ้อครอบงำ และการบีบบังคับให้ประเทศอื่นเลือกข้าง จะนำประชาคมระหว่างประเทศไปสู่ความวุ่นวาย นายต่งกล่าวว่าโลกกำลังอยู่ที่ “ทางแยก” อีกครั้งและต้องเลือกระหว่างการเจรจากับการเผชิญหน้า เขากล่าวว่า การหมกมุ่นอยู่กับการมีอำนาจทางทหารที่เหนือกว่าอย่างเด็ดขาด และแนวคิด ‘ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่อยู่รอด’ จะนำไปสู่โลกที่แบ่งแยกซึ่งถูกกำหนดโดยกฎแห่งป่าและความไร้ระเบียบ คำกล่าวของพลเรือเอกต่งมีหลายส่วนที่พุ่งเป้าไปที่สหรัฐอย่างชัดเจน และดูเหมือนจะแข็งกร้าวขึ้นกว่าสุนทรพจน์ที่เขาเคยกล่าวในการเปิดการประชุมเมื่อปีที่แล้ว ในขณะที่พลเรือเอกต่งกล่าวว่าจีนพร้อมที่จะทำหน้าที่เพื่อธำรงไว้ซึ่งระเบียบระหว่างประเทศ แต่เขายืนยันว่ากองทัพปลดปล่อยประชาชนจีนจะไม่มีวันยอมให้ความพยายามใดๆ ในการแบ่งแยกไต้หวันประสบความสำเร็จ สำนักข่าวซินหัวของจีนรายงานว่า มีผู้แทนประมาณ 1,800 คนจาก 100 ประเทศ รวมถึงเจ้าหน้าที่ บุคลากรทางทหาร และนักวิชาการ […]

‘ทรัมป์’ ยกย่องความสัมพันธ์พิเศษระหว่างสหรัฐ-อังกฤษ

วินด์เซอร์ 18 ก.ย. ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าวชื่นชมความสัมพันธ์พิเศษระหว่างสหรัฐและอังกฤษอย่างเต็มที่ระหว่างการเยือนอังกฤษอย่างเป็นทางการครั้งที่สอง โดยยกย่องสมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่ 3 และระบุว่าการเยือนครั้งนี้เป็นหนึ่งในเกียรติสูงสุดของชีวิตเขา นายทรัมป์และนางเมลาเนีย ภริยา ได้รับการต้อนรับตามแบบฉบับราชวงศ์อังกฤษอย่างเต็มรูปแบบ นายทรัมป์กล่าวในสุนทรพจน์ระหว่างงานเลี้ยงอันหรูหราที่ปราสาทวินด์เซอร์ ซึ่งเป็นที่ประทับของราชวงศ์อังกฤษมาเกือบ 1,000 ปี เขากล่าวสดุดีพันธมิตรที่ใกล้ชิดของสหรัฐว่า ความผูกพันทางเครือญาติและอัตลักษณ์ระหว่างสหรัฐและสหราชอาณาจักรนั้นล้ำค่าและเป็นนิรันดร์ ซึ่งไม่มีอะไรมาแทนที่ได้และไม่มีวันแตกหัก เมื่อกล่าวถึงความสัมพันธ์พิเศษระหว่างสองประเทศ นายทรัมป์ระบุว่าในสายตาของชาวอเมริกัน คำว่าพิเศษนั้นยังไม่เพียงพอที่จะอธิบายความสัมพันธ์นี้ สุนทรพจน์ของนายทรัมป์น่าจะสร้างความยินดีให้แก่นายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ ของอังกฤษ ซึ่งได้เชิญนายทรัมป์เยือนอังกฤษอย่างเป็นทางการในฐานะแขกคนสำคัญไม่นานหลังจากที่นายทรัมป์กลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นสมัยที่ 2 เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยหวังว่าจะได้รับความชื่นชอบจากนายทรัมป์ผู้ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นคนนิยมความเป็นอังกฤษและชื่นชอบราชวงศ์มากเป็นพิเศษ นายสตาร์เมอร์หวังว่าการมาเยือนครั้งนี้จะช่วยรัฐบาลของเขาในการกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ ดึงดูดการลงทุนมูลค่าหลายหมื่นล้านดอลลาร์ ลดภาษีนำเข้า และเปิดโอกาสให้เขาหารือกับนายทรัมป์ในประเด็นยูเครนและอิสราเอล อังกฤษได้ปูพรมแดงต้อนรับนายทรัมป์อย่างสมเกียรติ โดยจัดพิธีต้อนรับทางทหารที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับแขกต่างประเทศเท่าที่จำได้ ในขณะที่่นายทรัมป์ไม่ได้ปิดบังความยินดีที่เขาไม่เพียงแต่เป็นผู้นำสหรัฐคนแรก แต่ยังเป็นนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งคนแรกที่ได้รับเชิญให้เยือนอังกฤษอย่างเป็นทางการถึงสองครั้งอีกด้วย เขากล่าวว่า เรื่องนี้ถือเป็นหนึ่งในเกียรติสูงสุดของชีวิตเขาอย่างแท้จริง นายทรัมป์และนางเมลาเนียได้เข้าร่วมขบวนรถม้ากับสมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่ 3 สมเด็จพระราชินีคามิลลา พระบรมวงศานุวงศ์ และบุคคลสำคัญอื่นๆ โดยมีทหารอังกฤษกว่า 1,300 นายยืนเรียงรายตลอดเส้นทาง จากนั้น ทั้งสองได้ชมสิ่งของทางประวัติศาสตร์จากราชสำนักที่เกี่ยวข้องกับสหรัฐ และเดินทางไปยังโบสถ์เซนต์จอร์จซึ่งเป็นที่ประทับสุดท้ายของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ผู้ซึ่งเคยต้อนรับนายทรัมป์ในการเยือนรัฐครั้งแรกเมื่อปี 2019 โดยพวกเขาได้วางพวงหรีดที่สุสานของพระองค์ นอกจากนี้ยังมีการสวนสนามของทหารและการแสดงการบินโดยฝูงบินผาดแผลง […]

ม็อบนักศึกษาติมอร์-เลสเตประท้วงรัฐบาลแจกรถฟรี สส.

ดิลี 18 ก.ย. – รัฐบาลติมอร์-เลสเต ยกเลิกแผนการแจกรถยนต์ฟรีและให้เงินบำนาญตลอดชีพแก่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หลังม็อบนักศึกษาออกมาประท้วงต่อต้านอย่างรุนแรง หวั่นซ้ำรอยเนปาล ผู้ประท้วงจำนวนหลายพันคนซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มนักศึกษา ออกมาเดินขบวนในกรุงดิลี ของติมอร์-เลสเตตั้งแต่เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เพื่อประท้วงที่รัฐบาลมีแผนที่จะซื้อรถยนต์คันใหม่ เป็นรุ่นโตโยต้า พราโด เอสยูวี แจกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือ สส. ทั้ง 64 คนในสภา ผู้ประท้วงคนก่อเหตุจุดไฟเผายางรถยนต์ และเผารถยนต์ของรัฐบาล ขณะที่ตำรวจตอบโต้ด้วยแก๊สน้ำตา จนในที่สุดหลายชั่วโมงหลังจากนั้น รัฐบาลก็ยอมยกเลิกแผนแจกรถตามที่ผู้ประท้วงต้องการ อย่างไรก็ตาม เมื่อวานนี้ ยังมีผู้ชุมนุมประมาณ 2,500 คน ออกมารวมตัวประท้วงในเมืองหลวงต่อ เนื่องจากพวกเขาต้องการให้รัฐบาลยกเลิกการจ่ายเงินบำนาญตลอดชีวิตให้แก่สมาชิกสภาที่เกษียณอายุด้วย ต่อมา สมาชิกรัฐสภาจากพรรคการเมืองต่างๆ ยอมให้ตัวแทนนักศึกษาในกลุ่มผู้ประท้วงเข้าหารือ ก่อนลงนามในข้อตกลงว่ารัฐบาลจะยอมยกเลิกแผนการดังกล่าวด้วยเช่นกัน ทำให้กลุ่มผู้ประท้วงพอใจยอมสลายตัวไปในช่วงเย็น สมาชิกสภานิติบัญญัติในติมอร์-เลสเต ได้เงินเดือนประมาณปีละ 36,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1 ล้าน 1 แสน 4 หมื่นบาท ตามข้อมูลที่ได้รับการเปิดเผยเมื่อปี 2566 มากกว่ารายได้เฉลี่ยของชาวติมอร์-เลสเตในประเทศเกิน 10 เท่า โดยรายงานของรัฐบาลในปี […]

‘ทรัมป์-ลี’ เตรียมพบกันนอกรอบการประชุมเอเปคที่เกาหลีใต้

โซล 17 ก.ย. – ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ถูกคาดหมายว่าจะเดินทางเยือนเกาหลีใต้ ในเดือนหน้า เพื่อเข้าร่วมการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หรือ เอเปค และจะพบปะกับประธานาธิบดีลี แจ มย็อง ของเกาหลีใต้ นอกรอบการประชุมดังกล่าว สำนักข่าวยอนฮับ รายงานว่า นายโจเซฟ ยุน รักษาการเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำเกาหลีใต้ กล่าวถึงเรื่องนี้ในระหว่างการประชุมเกี่ยวกับพันธมิตรเกาหลีใต้-สหรัฐ ขณะที่เกาหลีใต้กำลังจะเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดเอเปคที่เมืองคย็องจู ที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ ระหว่างช่วงปลายเดือนตุลาคมถึงต้นเดือนพฤศจิกายน ประธานาธิบดีลีได้เชิญทรัมป์เข้าร่วมการประชุมนี้เมื่อตอนที่ทั้งสองได้พบกันระหว่างการประชุมสุดยอดทวิภาคีที่กรุงวอชิงตัน เมื่อเดือนที่แล้ว นายยุน กล่าวว่า เขาเชื่อว่าผู้นำทั้งสองได้มีการหารือที่ “ประสบความสำเร็จ” ในเดือนสิงหาคม และคาดว่าจะได้พบกันอีกครั้งที่เมืองคย็องจู ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน นายวี ซอง-แลค ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติเกาหลีใต้ ได้กล่าวในที่ประชุมว่า เขาคาดว่านายทรัมป์จะเดินทางเยือนเกาหลีใต้ เพื่อเข้าร่วมการประชุมเอเปค แม้ว่าจะยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการก็ตาม.-813.-สำนักข่าวไทย

ดินถล่มหลังฝนตกหนักในอินเดีย คร่าชีวิต 15 ราย

นิวเดลี 17 ก.ย. – สื่อท้องถิ่นของอินเดียรายงานวันนี้ว่า เหตุดินถล่มและฝนตกหนักในรัฐอุตตราขัณฑ์ ที่ตั้งอยู่ในเขตเทือกเขาหิมาลัยของอินเดีย คร่าชีวิตประชาชนไปแล้วอย่างน้อย 15 ราย และยังมีผู้สูญหายอีก 16 คน ภาพวิดีโอที่เผยแพร่ในสื่อต่างๆ แสดงให้เห็นกระแสน้ำโคลนที่ไหลบ่าเข้าท่วมเมืองสหัสตราธารา (Sahastradhara) ในเขตเดห์ราดูน เมื่อวันอังคาร ทำให้ร้านค้า ถนนหนทาง และบ้านเรือนพังเสียหาย ในขณะที่ผู้คนต้องหาที่กำบังอยู่หลังกำแพง ชาวบ้านรายหนึ่งบอกกับสำนักข่าวเอเอ็นไอว่า ร้านค้าของเขาถูกน้ำพัดหายไปทั้งหมด และร้านของเขาเป็น 1 ใน 7 ร้านที่ถูกกระแสน้ำพัดหายไปจากตลาดจนไม่เหลือแม้แต่ร่องรอย หนังสือพิมพ์ “อินเดียนเอ็กซ์เพรส” (Indian Express) รายงานว่าในวันอังคาร เจ้าหน้าที่กู้ร่างผู้เสียชีวิตได้ 13 ราย สำหรับรัฐอุตตราขัณฑ์เป็นพื้นที่ที่มักเกิดน้ำท่วมและดินถล่มบ่อยครั้ง เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา กระแสน้ำและโคลนจากน้ำท่วมได้ไหลทะลักเข้าท่วมหมู่บ้านดาราลิ (Dharali) ในรัฐอุตตราขัณฑ์ ซึ่งทางการระบุว่ายังมีผู้สูญหายอีกกว่า 60 คน.-813.-สำนักข่าวไทย

อังกฤษจับผู้ฉายภาพ ‘ทรัมป์-เอปสตีน’ บนกำแพงปราสาทวินด์เซอร์

ลอนดอน 17 ก.ย. – ตำรวจอังกฤษจับกุมผู้ต้องหา 4 คนในวันอังคาร หลังเกิดเหตุการณ์ฉายภาพของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ คู่กับนายเจฟฟรีย์ เอปสตีน ซึ่งเป็นผู้กระทำความผิดทางเพศ ขึ้นบนปราสาทวินด์เซอร์ ซึ่งเป็นสถานที่ที่ประธานาธิบดีสหรัฐ จะเข้าเฝ้าสมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่ 3 ระหว่างการเยือนอังกฤษอย่างเป็นทางการ นายทรัมป์เดินทางถึงอังกฤษเมื่อช่วงค่ำวันอังคารเพื่อเยือนรัฐอย่างเป็นทางการเป็นครั้งที่สองซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยเขาจะได้เข้าเฝ้า สมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่ 3 ในวันพุธ ที่ปราสาทวินด์เซอร์ ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงลอนดอนไปทางตะวันตกประมาณ 40 กิโลเมตร ก่อนหน้านี้ในวันอังคาร กลุ่มผู้ประท้วงได้นำป้ายผ้าขนาดใหญ่ซึ่งมีภาพของนายทรัมป์และนายเอปสตีนไปกางไว้ใกล้ปราสาทวินด์เซอร์ และต่อมาได้ฉายภาพหลายภาพของทั้งสองคนขึ้นบนหอคอยแห่งหนึ่งของปราสาท ตำรวจแถลงว่า ผูัเกี่ยวข้อง 4 คนถูกจับกุมในข้อหาการสื่อสารที่ประสงค์ร้ายจากเหตุการณ์ “การฉายภาพโดยไม่ได้รับอนุญาต” ที่ปราสาทวินด์เซอร์ ซึ่งตำรวจอธิบายว่าเป็นการสร้างกระแสในที่สาธารณะ โดยขณะนี้ทั้งสี่ยังอยู่ระหว่างการควบคุมตัว นายทรัมป์เคยเป็นเพื่อนกับนายเอปสตีนก่อนที่จะมาเป็นประธานาธิบดี แต่ได้เลิกคบหากับอดีตนักการเงินผู้นี้หลายปีก่อนที่เขาจะเสียชีวิตในเรือนจำเมื่อปี 2019.-813.-สำนักข่าวไทย

‘ทรัมป์’ เดินทางถึงอังกฤษแล้ว

ลอนดอน 17 ก.ย. – ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐเดินทางถึงกรุงลอนดอนแล้วเมื่อช่วงค่ำวันอังคาร เพื่อเยือนอังกฤษอย่างเป็นทางการเป็นครั้งที่สอง ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เครื่องบินของประจำตำแหน่งประธานาธิบดี “แอร์ฟอร์ซ วัน” ของนายทรัมป์ลงจอดที่สนามบินลอนดอนสแตนสเต็ด โดยมีนางอีเวตต์ คูเปอร์ รัฐมนตรีต่างประเทศและไวเคานต์ เฮนรี ฮูด ผู้แทนพระองค์สมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่ 3 รอต้อนรับ หลังจากน้ันประธานาธิบดีสหรัฐและนางเมลาเนีย สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง ได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปยังวินฟิลด์เฮาส์ ซึ่งเป็นบ้านพักอย่างเป็นทางการของเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำสหราชอาณาจักร เพื่อพักค้างคืน นายทรัมป์มีกำหนดเข้าเฝ้าสมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่ 3 ที่ปราสาทวินด์เซอร์ในวันนี้ ในระหว่างการเยือน คาดว่าทั้งสองประเทศจะทำข้อตกลงมูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการฟื้นฟูความสัมพันธ์พิเศษที่นายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ ของอังกฤษพยายามผลักดันให้เกิดขึ้น.-813.-สำนักข่าวไทย

‘โรเบิร์ต เรดฟอร์ด’ นักแสดงระดับตำนานเสียชีวิตแล้ว

ลอสแอนเจลิส 15 ก.ย. – โรเบิร์ต เรดฟอร์ด นักแสดงและผู้กำกับระดับตำนาน เจ้าของรางวัลออสการ์ และผู้ก่อตั้งเทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์ เสียชีวิตที่บ้านพักในรัฐยูทาห์ ด้วยวัย 89 ปี โฆษกส่วนตัวของ เรดฟอร์ด ยืนยันว่า เรดฟอร์ดเสียชีวิตที่บ้านพักในเมืองซันแดนซ์ รัฐยูทาห์ สถานที่ที่เขารักเมื่อวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น ท่ามกลางครอบครัวที่เขารัก โดยไม่ได้เปิดเผยสาเหตุการเสียชีวิต พร้อมขอความเป็นส่วนตัวแก่ครอบครัว เรดฟอร์ด ผู้เป็นขวัญใจผู้ชมทั่วโลก แจ้งเกิดในวงการภาพยนตร์ยุค 1960 และก้าวสู่จุดสูงสุดในช่วงปี 1970 จากผลงานอย่าง The Candidate, The Way We Were และ All the President’s Men ก่อนคว้ารางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมบนเวทีออสการ์ในปี 1981 จากภาพยนตร์ Ordinary People ซึ่งคว้ารางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมบนเวทีเดียวกัน นอกจากนี้ เรดฟอร์ดยังเป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมือง สิ่งแวดล้อม และอุทิศตนสร้างพื้นที่ให้ภาพยนตร์อิสระ จนได้รับการยกย่องว่าเป็น ‘บิดาแห่งวงการหนังอินดี้’ ขณะเดียวกัน เขายังก่อตั้ง สถาบันและเทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์ […]

ท่องเที่ยวเนปาลกระทบหนักจากเหตุประท้วงใหญ่

กาฐมาณฑุ 17 ก.ย. – การท่องเที่ยวในเนปาลได้รับผลกระทบจากการประท้วงนองเลือดต่อต้านรัฐบาลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ยอดจองห้องพักและโรงแรมหายไปกว่าครึ่งทั้งที่อยู่ในช่วงไฮซีซั่น แม้ผู้คนในกรุงกาฐมาณฑุ จะเริ่มออกมาใช้ชีวิตกันตามปกติอีกครั้งตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังผ่านพ้นเหตุการณ์ประท้วงนองเลือดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่ภาพรวมบรรยากาศในเมืองหลวงของเนปาลก็ยังถือว่าค่อนข้างเงียบเหงา ขณะที่ยังสามารถพบเห็นร่องรอยความเสียหายของอาคารและยวดยานจำนวนมากที่ถูกวางเพลิงเผาทำลายในช่วงการประท้วง ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 72 ราย บาดเจ็บอีกกว่า 2,000 คน การประท้วงต่อต้านรัฐบาลซึ่งมีแกนนำเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ หรือกลุ่ม Gen Z ที่ไม่พอใจคำสั่งห้ามใช้งานแพลตฟอร์มสื่อออนไลน์ของรัฐบาล และขยายวงกลายเป็นการประท้วงต่อต้านการทุจริตและไม่พอใจกลุ่มอภิสิทธิ์ชนรวมถึงความไม่เท่าเทียมทางสังคม เริ่มส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของเนปาล โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว เนื่องจากการประท้วงเกิดขึ้นในช่วงไฮซีซั่นของเนปาล ทำให้ในช่วงนี้แทบไม่เห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติในกรุงกาญมาณฑุ ขณะที่ยอดจองห้องพักตามโรงแรมต่างๆ หายไปกว่า 30-50 % ในเดือนนี้ ส่วนของเดือนหน้าถูกยกเลิกทั้งหมด โรงแรมหลายแห่งได้รับความเสียหายจากการประท้วง การท่องเที่ยวแบบเดินป่าปีนเขาก็มีนักท่องเที่ยวต่างชาติใช้บริการลดลง 30% ขณะที่นักท่องเที่ยวต่างชาติส่วนใหญ่มักจะเที่ยวชมกรุงกาฐมาณฑุก่อนจะเดินทางไปยังเมืองอื่นๆ แต่เมื่อการประท้วงในเมืองหลวงเนปาลรุนแรง ทำให้หลายประเทศออกคำเตือนห้ามเดินทางมายังกรุงกาฐมาณฑุเนื่องจากความไม่ปลอดภัย ภาคการท่องเที่ยวถือเป็นอุตสากรรมหลักที่สร้างรายได้และเม็ดเงินต่อเนปาลมากกว่า 40,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็น 8% ของจีดีพีทั้งประเทศ ซึ่งผู้ประกอบการหวังว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติจะกลับมาเยือนเนปาลอีกครั้ง หลังจากการประท้วงยุติลงและสถานการณ์ทั่วไปในตอนนี้เริ่มกลับมาเป็นปกติ.-815.-สำนักข่าวไทย

1 2 3 688