สวทช.ผนึกพันธมิตรจัด ไทยแลนด์เทคโชว์2020แบบออนไลน์ทั้งงาน

กรุงเทพฯ 17 พ.ย.สวทช. ผนึก 40 พันธมิตร จัดงาน “THAILAND TECH SHOW 2020” ออนไลน์เต็มรูปแบบ นำเสนอวิถีชีวิตใหม่ นวัตกรรม เพื่อการลงทุน พลาดไม่ได้ 2– 4 ธันวาคม  นายณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า THAILAND TECH SHOW จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 นำเสนอในรูปแบบตลาดเทคโนโลยีที่นักวิจัยผู้คิดค้นนวัตกรรมจะได้มานำเสนอผลงานต่อนักลงทุน นักธุรกิจ นักอุตสาหกรรม ผู้ประกอบการ Startup ที่กำลังมองหานวัตกรรมและพร้อมลงทุน ตลอดจนผู้สนใจเข้าร่วมงาน เพื่อโอกาสพบกับนักวิจัย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและโจทย์ความต้องการที่เหมาะสมกับธุรกิจ พร้อมอัพเดทความรู้และเทรนด์เทคโนโลยีที่น่าจับตามอง เป็นข้อมูลสำหรับทิศทางในการดำเนินงานธุรกิจเทคโนโลยี ในปีนี้ สวทช. จึงได้กำหนดจัดงาน THAILAND TECH SHOW 2020 ขึ้นระหว่างวันที่ 2 – 4 ธันวาคม 2563 ภายใต้แนวคิด “วิถีชีวิตใหม่นวัตกรรม เพื่อการลงทุน (Technologies and Innovations for Investment in The New Normal)” เพื่อเป็นโอกาสทางธุรกิจในยุค    นิวนอร์มอลให้กับผู้ประกอบการ/นักลงทุนที่สนใจนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเสริมความเข้มแข็งของธุรกิจอย่างยั่งยืนโดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีและนวัตกรรมในด้านการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมไทยไปสู่รูปแบบใหม่       ที่เรียกว่า Bio-Circular-Green Economic Model (BCG Model) ที่จะช่วยต่อยอดจุดแข็งของประเทศให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้น ผ่านการส่งเสริมเกษตรกรรมยั่งยืน พลังงานสะอาดและการบริโภคและการผลิตอย่างมีความรับผิดชอบ สร้างความมั่นใจในการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืนจากความหลากหลายทางชีวภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จากวิกฤตโควิด-19 ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ สวทช. จึงได้ปรับรูปแบบการจัดงานให้เหมาะสมในรูปแบบนิวนอร์มอลที่ผู้เข้าร่วมงานไม่ต้องเดินทาง แต่สามารถเข้าร่วมงานออนไลน์เต็มรูปแบบและเข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลา โดยวันที่ 2 ธันวาคม 2563 ได้รับเกียรติจาก ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธีเปิดงาน การเปิดเทรนด์ 10 เทคโนโลยีที่น่าจับตามอง (10 Technologies to Watch) โดย ผู้อำนวยการ สวทช. และกิจกรรม NSTDA Investors’ Day ในรูปแบบ Investment Pitching 11 ผลงานเด่นจากนักวิจัยของ สวทช. และหน่วยงานพันธมิตร รวมถึงการเสวนาและบรรยายพิเศษที่เกี่ยวกับเทรนด์ในการทำธุรกิจแนวใหม่และการปรับตัวธุรกิจให้อยู่รอดได้อย่างไรในยุคนิวนอร์มอล ตลอด 3 วันของการจัดงานจะได้สัมผัสกับผลงานและนวัตกรรมผ่านนิทรรศการออนไลน์ในโซนต่างๆ รวมกว่า 290 ผลงานจาก 40 พันธมิตร ครอบคลุมกลุ่มอุตสาหกรรม อาทิ อาหารและเครื่องดื่ม เกษตรและประมง เภสัชภัณฑ์และเครื่องสำอางเครื่องมือและอุปกรณ์การแพทย์ วัสดุอุตสาหกรรมและเครื่องจักร อัญมณีและเครื่องประดับ เป็นต้น แบ่งเป็นโซนเทคโนโลยีแนะนำ (ราคาเดียว) และเทคโนโลยีไฮไลท์ (เจรจาเงื่อนไข) Tech Start Up การเจรจาธุรกิจแบบ One-on-One Matching และขอรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อการผลิตและจำหน่าย รวมถึงบูธให้คำแนะนำและบริการแบบครบวงจรจาก สวทช. ที่ช่วยสนับสนุนการดำเนินธุรกิจเทคโนโลยีให้กับผู้ประกอบการ การจำหน่ายสินค้านวัตกรรมของผู้ประกอบการและนักลงทุนที่ใช้เทคโนโลยีในการผลิตหรือให้บริการ โดยตลอดการเข้าชมงานแบบออนไลน์จะมีช่องทางการพบปะพูดคุยและแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้อย่างใกล้ชิด สำหรับผลงานวิจัยเด่นของ สวทช. และพันธมิตร 11 ผลงาน ประกอบด้วย ไฮบริดชัวร์ การตรวจความบริสุทธิ์เมล็ดพันธุ์อย่างแม่นยำและรวดเร็ว (HybridSure), เปลเคลื่อนย้ายผู้ป่วยแบบป้องกันการแพร่กระจายเชื้อสำหรับการแพทย์ฉุกเฉิน (PETE เปลปกป้อง), เครื่องบำบัดและฆ่าเชื้อในอากาศภายในอาคาร (Innovative Air Cleaner), ชุดตรวจโควิด-19 ด้วยเทคนิคแลมป์เปลี่ยนสีในขั้นตอนเดียว (COXY-AMP), โมเดลการผลิตสารทางชีวภาพเป้าหมาย (Smart-BIOact), มหัศจรรย์สีสันยางพารา (The Amazing Rubber Paint), หุ่นยนต์ฆ่าเชื้อด้วยรังสียูวีซีแบบแหล่งกำเนิดรังสีเคลื่อนที่ (AGV-Cobot UVC), ชุดตรวจแอนติบอดีต่อเชื้อไวรัสก่อโรคโควิด-19 (PSU COVID-19), นวัตกรรมการคงสภาพสมุนไพรสด โดยใช้ RF Dry Blanching ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ คงสภาพสีและกลิ่นรสของสมุนไพรในฟิล์มบริโภคได้พร้อมปรุง (RF Dry Blanching), แผ่นฟิล์มถนอมอาหารและยับยั้งการเจริญของจุลินทรีย์ (Activ-Pack-19) และออฟติบอท สวทช. ขอเชิญชวนนักลงทุน นักธุรกิจ นักอุตสาหกรรม ผู้ประกอบการ Startup ผู้ที่มองหานวัตกรรมและพร้อมลงทุน และผู้สนใจเข้าร่วมงาน THAILAND […]

ตั้งสำนักงาน กสม.พื้นที่ภาคใต้ นำร่องที่ สงขลา

มติกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ตั้งส่วนราชการในภูมิภาค นำร่องภาคใต้ หวังประชาชนใน 14 จังหวัด เข้าถึงกลไกการส่งเสริม-คุ้มครองสิทธิมนุษยชน

ไฟเซอร์จะเริ่มโครงการวัคซีนใน 4 รัฐของสหรัฐ

ไฟเซอร์ อิงค์ บริษัทเวชภัณฑ์ชั้นนำของโลกเผยวันนี้ว่า กำลังเริ่มโครงการนำร่องฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ใน 4 รัฐของสหรัฐ เพื่อช่วยพัฒนาแผนการส่งมอบและการนำวัคซีนไปใช้

เคแบงก์ดันแพลตฟอร์มฟินเวสรับนักลงทุนกองทุน

กรุงเทพฯ 17 พ.ย. เคแบงก์ จับมือ ลู อินเตอร์เนชันแนล และ โรโบเวลธ์ ผนึกพลังพัฒนาแพลตฟอร์ม ‘FinVest’แอปฯ ตอบโจทย์นักลงทุนทุกคน ซื้อขายกองทุนได้ทั้งในไทยและทั่วโลก ตั้งเป้ามูลค่าลงทุนรวมกว่า 14,000 ล้านบาท นายพัชร สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ในปี 2563 ตลาดการเงินในประเทศไทยมีมูลค่า 44 ล้านล้านบาท มีการลงทุนในกองทุนรวมอยู่ 4.8 ล้านล้านบาท หรือราวร้อยละ 10เราพบว่าผู้ลงทุนในกองทุนรวมมีอายุน้อยลง และชอบทำรายการลงทุนบนช่องทางดิจิทัล มีความสนใจในผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับตราสารทุนทั้งในและต่างประเทศมากขึ้นนอกจากนี้เรายังพบว่าการลงทุนในรูปแบบ Open Architecture มีแนวโน้มเติบโตขึ้นทุกปี การพัฒนาแพลตฟอร์ม FinVest ในรูปแบบดิจิทัล เป็นการเสริมศักยภาพการลงทุนให้กับนักลงทุนรายย่อยในประเทศไทย สามารถลงทุนในกองทุนรวมได้ทั่วโลกผ่าน FinVest ได้โดยตรง โดยเป็นการพัฒนาดิจิทัลเทคโนโลยีร่วมกันระหว่างธนาคารที่เชี่ยวชาญด้านดิจิทัลแบงกิ้ง ร่วมกับลู อินเตอร์เนชันแนล (Lu International) ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งอยู่ภายใต้บริษัท ลูแฟ๊กซ์ โฮลดิ้ง (Lufax Holding) ในเครือผิงอันกรุ๊ป (Ping An Group) บริษัทยักษ์ใหญ่ในประเทศจีน ซึ่งมีทีมงานพัฒนาด้านเทคโนโลยีการลงทุนที่มีความเชี่ยวชาญระดับโลก โดยมี บลน. โรโบเวลธ์ จำกัด บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้าน Wealth Tech เป็นผู้ดูแลการให้บริการแพลตฟอร์ม FinVest เพื่อให้เข้ากับตลาดทุนไทย ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงาน ก.ล.ต. ความร่วมมือดังกล่าวยังตอกย้ำบทบาทการเป็นผู้ให้บริการทางการเงิน (Banking Service) เต็มรูปแบบ โดยนำความเชี่ยวชาญด้านดิจิทัลแบงกิ้งของธนาคารฯ ผสานกับความเชี่ยวชาญของพันธมิตรระดับโลก และผู้เชี่ยวชาญด้านฟินเทค เพื่อทำให้บริการของธนาคารเข้าไปอยู่ในทุกที่ที่ลูกค้าใช้ชีวิตอยู่ นายคิท วอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ลู อินเตอร์เนชั่นแนล (สิงคโปร์) กล่าวว่า ลู อินเตอร์เนชันแนล บริษัทในเครือผิงอันกรุ๊ปซึ่งเป็นกลุ่มสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน มีจุดแข็งในการบริหารจัดการด้านการลงทุน และมีทีมงานพัฒนาด้านเทคโนโลยีที่มีความเชี่ยวชาญระดับโลก เล็งเห็นว่าประเทศไทยเป็นตลาดสำคัญที่มีความก้าวหน้าด้านการสร้างการเติบโตในการลงทุน และเศรษฐกิจ อย่างรวดเร็วที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ความร่วมมือกับธนาคารกสิกรไทย และโรโบเวลธ์ ในการพัฒนาและให้บริการแพลตฟอร์มการลงทุน ‘FinVest’ จะช่วยตอบสนองความต้องการของนักลงทุนในยุคปัจจุบันที่ให้ความสำคัญกับการนำดิจิทัลเทคโนโลยีมาใช้เป็นเครื่องมือในการลงทุนด้วยตัวเอง ลู อินเตอร์เนชันแนล เชื่อมั่นว่าการนำเสนอแพลตฟอร์ม ‘FinVest’ สู่ตลาดไทยจะช่วยยกระดับการลงทุนในรูปแบบดิจิทัลของไทยไปสู่แถวหน้าของภูมิภาค นายชลเดช เขมะรัตนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน (บลน.) โรโบเวลธ์ จํากัด กล่าวว่า  ประเทศไทยกำลังจะก้าวเข้าสู่การเป็นสังคมสูงวัยสมบูรณ์ แต่ประชากรส่วนใหญ่ยังไม่มีแผนการลงทุนเพื่อให้มีเงินเพียงพอต่อชีวิตหลังเกษียณ จากประชากร 70 ล้านคนในประเทศไทย มีน้อยกว่า 5% ที่เป็นผู้ลงทุนโดยตรงในตลาดหลักทรัพย์หรือลงทุนผ่านกองทุนรวม เนื่องจากคนทั่วไปมักกังวลเรื่องความเสี่ยง คิดว่าการลงทุนเป็นเรื่องยาก ทำให้ต้องใช้เวลามาก และมีความเข้าใจผิดว่าการลงทุนเป็นเรื่องของคนรวยเท่านั้น การให้บริการบนแพลตฟอร์ม ‘FinVest’ จะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะทำให้นักลงทุนเข้าถึงช่องทางลงทุนที่มีประสิทธิภาพได้ โดยการได้รับข้อมูลวิเคราะห์การลงทุนในรูปแบบที่กระชับและเข้าใจง่าย นำไปสู่ผลิตภัณฑ์ด้านการลงทุนที่เหมาะสมกับสภาวะตลาดในแต่ละช่วงเวลา ที่ได้ผ่านการคัดเลือกโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญร่วมกับผู้บริหารใน Product Screening Committee โดยโรโบเวลธ์จะให้บริการการเปิดบัญชี ซื้อขายหน่วยลงทุน ตลอดจนศูนย์บริการลูกค้า ผ่านแพลตฟอร์ม ‘FinVest’ ซึ่งเชื่อมต่อกับ Robowealth Open API ควบคู่ไปกับแพลตฟอร์มอื่น ๆ ของบริษัท ‘FinVest’ คือ แพลตฟอร์มดิจิทัลด้านการลงทุน ภายใต้แนวคิด ‘ติดปีกการลงทุนให้คุณ’ ทำให้นักลงทุนไทยเข้าถึงการลงทุนได้ “ง่าย” เพียงดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน FinVest จะได้รับข้อมูลที่มีเนื้อหาเข้าใจง่าย คมชัด และ “ชี้เป้า” การลงทุนอย่างเป็นกลาง และสามารถเปิดบัญชีได้ผ่านสมาร์ทโฟน โดยลูกค้าเลือกผูกบัญชีกับธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย หรือธนาคารไทยพาณิชย์ได้ เน้นความ “หลากหลาย” สามารถลงทุนในกองทุนรวมต่าง ๆ ของบลจ.ชั้นนำในประเทศไทย 15 บลจ. ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 90% ของอุตสาหกรรม และบลจ.ชั้นนำจากทั่วโลกผ่านแอปฯ FinVest ได้โดยตรง กระบวนการทำงานทุกขั้นตอนมีความ “น่าเชื่อถือ” ที่ได้มาตรฐานฟินเทคระดับโลก-สำนักข่าวไทย.

ผบช.น.สั่งคุมเข้มพื้นที่พิเศษระยะ 50 เมตร หน้าอาคารสภา

ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลลงพื้นที่ตรวจตราดูแลความเรียบร้อยการรักษาความปลอดภัยหน้าอาคารรัฐสภา พร้อมย้ำว่าพื้นที่ในระยะ 50 เมตร เป็นพื้นที่ควบคุมพิเศษห้ามกลุ่มผู้ชุมนุมทุกกลุ่มทำกิจกรรม ส่วนในช่วงบ่ายจะมีการประเมินสถานการณ์อีกครั้งว่าต้องปิดการจราจรเพิ่มเติมหรือไม่

เฟสบุ๊กจับมือพันธมิตรเพิ่มความรู้เอสเอ็มอี

กรุงเทพฯ 17 พ.ย. เฟสบุ๊กจับมือพันธมิตร เพิ่มพูนความรู้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ฝ่าวิกฤติโควิด-19 นางสาวเบธ แอน ลิม ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายโครงการเพื่อชุมชน ประจำ เฟสบุ๊ก เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า ในขณะที่ธุรกิจในประเทศไทยกำลังปรับกลยุทธ์ให้เข้ากับสภาวะนิวนอร์มอล เรายังคงมุ่งมั่นที่จะให้ความช่วยเหลือธุรกิจเหล่านั้นในการฟื้นตัว และต้องทำให้แน่ใจว่าความพยายามของเราจะเข้าถึงคนทุกกลุ่มโดยไม่มีข้อแม้ ไม่ว่าพวกเขาจะมีความสามารถเพศวิถี และภูมิหลังด้านเศรษฐกิจและสังคมอย่างไร จากการดำเนินโครงการนี้ เราคาดหวังที่จะเป็นเหมือนสะพานเชื่อมเพื่อช่วยลดปัญหาช่องว่างทางทักษะ ด้วยการให้ความรู้ เสริมสร้างทักษะ และสนับสนุนธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในประเทศไทย และชุมชนที่มีความหลากหลาย รวมถึงช่วยเสริมสร้างศักยภาพการฟื้นตัวของกลุ่มคนที่มีความเสี่ยงมากที่สุดโดยเฉพาะในช่วงเวลาที่เราทุกคนกำลังก้าวผ่านผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งเป็นสถานการณ์ระดับโลกความคืบหน้าของโครงการ Boost with Facebook เป็นการสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนจากทุกภาคส่วน ในช่วงใกล้สิ้นปีภายใต้ความร่วมมือกับมูลนิธิคีนันแห่งเอเซีย เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลลัพธ์ล่าสุดของโครงการฝึกอบรม Boost with Facebook ที่มีการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ความร่วมมือยังรวมถึงการประกาศเปิดตัวคู่มือพลิกสถานการณ์เสริมสร้างศักยภาพการฟื้นตัวของธุรกิจขนาดย่อมที่ถูกจัดทำขึ้นใหม่ ซึ่งสอดคล้องกับความมุ่งมั่นของเฟสบุ๊กประเทศไทย ในการสนับสนุนธุรกิจขนาดย่อมที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 และการกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล  โครงการ Boost with Facebook ได้เสริมสร้างทักษะดิจิทัลที่จำเป็นให้แก่ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม รวมถึงผู้ประกอบการชาวไทย เพื่อช่วยผลักดันการเติบโตของธุรกิจของพวกเขา โดยช่วงที่ผ่านมาในปีนี้ การจัดฝึกอบรมในรูปแบบออนไลน์ภายใต้โครงการของเฟสบุ๊กซึ่งเปิดรับสมัครบุคคลทั่วไปโดยไม่มีค่าใช้จ่าย สามารถเข้าถึงคนไทยกว่า 2.3 ล้านคน นอกจากกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในประเทศไทยและบุคคลทั่วไปแล้ว เฟสบุ๊กยังได้ดำเนินงานร่วมกับมูลนิธิคีนันแห่งเอเซียและพันธมิตรชุมชนต่างๆ เพื่อให้แน่ใจว่าการจัดฝึกอบรมของโครงการสามารถเข้าถึงผู้ประกอบการที่มาจากชุมชนชายขอบที่มีความสำคัญ เพื่อมอบโอกาสในการสนับสนุนการเติบโตเชิงเศรษฐกิจแก่ชุมชนที่มีความหลากหลาย ด้านนายปิยะบุตร ชลวิจารณ์ ประธานอำนวยการมูลนิธิคีนันแห่งเอเซีย กล่าวว่า มูลนิธิคีนันแห่งเอเซียได้ร่วมมือกับเฟสบุ๊กเพื่อสนับสนุนธุรกิจขนาดย่อมและผู้ประกอบการชาวไทย ด้วยทักษะและความเข้าใจที่มีต่อความรู้ด้านดิจิทัลที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นผ่านการดำเนินงานร่วมกับภาครัฐ ประชาสังคม และภาคเอกชน เราได้มองเห็นถึงการเติบโตของผู้ที่เข้าร่วมโครงการจากคะแนนหลังการฝึกอบรมของพวกเขา และการนำความรู้ที่ได้ไปใช้งานจริง เราเรียนรู้จากประสบการณ์ของเราว่าธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในไทยจำนวนมาก โดยการจัดฝึกอบรมให้แก่ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมจากกลุ่มชุมชนชายขอบในประเทศไทย 2,183 ราย ผ่านการจัดฝึกอบรมในรูปแบบออฟไลน์ 19 ครั้งและออนไลน์ 27 ครั้ง โดยร้อยละ 60 ของผู้ที่เข้ารับการฝึกอบรมเป็นผู้ประกอบการหญิง และร้อยละ 38 มาจากชุมชนชายขอบที่มีความสำคัญ เช่น กลุ่มเพศทางเลือก (LGBTQI) กลุ่มผู้พิการ กลุ่มผู้ติดเชื้อเอชไอวี และชนกลุ่มน้อย  นายมานพ เอี่ยมสะอาด รองประธานบริหาร บริษัทเรย์วิสาหกิจเพื่อสังคมจำกัด องค์กรเพื่อช่วยเหลือผู้พิการให้มีทางเลือกที่เปิดกว้างพร้อมด้วยศักยภาพในการดำเนินชีวิตอย่างที่ต้องการได้มากขึ้น กล่าวว่า สถานการณ์โควิด-19 ทำให้คนทั่วไปได้รับผลกระทบจากการถูกเลิกจ้างมากขึ้น อย่างบริษัทต่างๆ ที่เคยมีการจ้างงานผู้พิการตามอัตราโควต้า 1:100 พอบริษัทต้องปลดพนักงานทั่วไปออกเป็นหมื่นๆ คน โอกาสของการจ้างงานคนพิการก็ยิ่งน้อยลงอีก ปัญหาสำคัญที่เรามองเห็นคือความท้าทายสำหรับชุมชนผู้พิการที่จะผันตัวเองไปประกอบอาชีพอื่นๆ เมื่อเทียบกับคนทั่วไป การที่ได้มาร่วมอบรมในโครงการBoost with Facebook ทำให้เขามีโอกาส เรียนรู้เทคนิคการทำการตลาดออนไลน์มากขึ้น เราเห็นผลสำเร็จที่เป็นรูปธรรม เช่นภายในกลุ่มของเรา มีสมาชิกที่เริ่มมีอาชีพส่วนตัว หันมาขายของออนไลน์มากขึ้น หรืออย่างน้อยพวกเขาเริ่มเรียนรู้การใช้งาน เครื่องมือของเฟสบุ๊กและเป็นการเปิดช่องทางให้เขามีพื้นที่ได้แสดงออกหรือสื่อสารประสบการณ์ ของพวกเขา ทำให้รู้สึกมีคุณค่า หรือมีอิสระในการหาโอกาสใหม่ให้กับตัวเองมากขึ้น-สำนักข่าวไทย.

จนท.จัดเต็มรถฉีดน้ำ-รั้วลวดหนามรับมือกลุ่มราษฎร

ท่าเรือเกียกกาย ยังคงให้บริการปกติ หลังกลุ่มราษฎรประกาศจะล่องเรือเป็ดมาชุมนุม ด้านเจ้าหน้าที่จัดเต็มทั้งกำลังพล รถฉีดน้ำแรงดันสูง แผงเหล็ก แล

“ไอโอตา” ถล่มนิการากัวด้วยความรุนแรงสูงสุด

เฮอริเคนไอโอตาพัดขึ้นฝั่งถล่มนิการากัวด้วยความรุนแรงระดับ 5 ที่เป็นระดับสูงสุด และส่งผลให้พื้นที่ดังกล่าวมีลมแรงและฝนตกหนักอีกครั้ง หลังเฮอริเคนเอตาถล่มด้วยความรุนแรงระดับ 4 เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน

ไทยพบผู้ป่วยโควิด-19 อีก 3 ราย มาจากต่างประเทศ

สถานการณ์การติดเชื้อ COVID-19 ประเทศไทย พบผู้ป่วยรายใหม่ 3 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสม 3,878 ราย หายป่วยแล้ว 3,724 ราย เสียชีวิตสะสม 60 ราย

1 67 68 69 70 71 440