น้ำท่วมฉับพลัน-ดินถล่มอินเดีย เสียชีวิต 25 ราย

นิวเดลี 24 พ.ค. – น้ำท่วมฉับพลันและดินถล่มในรัฐอัสสัม ทางตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 25 ราย และประชาชนต้องอพยพออกจากบ้านเรือนกว่า 650,000 คนในช่วง 10 วันที่ผ่านมา รัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรน้ำของรัฐอัสสัมเผยวันนี้ว่า น้ำในแม่น้ำพรหมบุตร ซึ่งเป็นหนึ่งในแม่น้ำขนาดใหญ่ที่สุดของโลกและไหลผ่านทิเบต อินเดีย และบังกลาเทศ ได้ล้นตลิ่งทะลักเข้าท่วมพื้นหมู่บ้านกว่า 1,800 แห่งของ 26 เขตในรัฐอัสสัมในเดือนนี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 20 รายจากเหตุจมน้ำ และอีก 5 รายเสียชีวิตจากเหตุดินถล่มในช่วง 10 วันที่ผ่านมา ขณะนี้ระดับน้ำท่วมขังเริ่มลดลง มีรางรถไฟบางส่วนได้รับความเสียหายจากเหตุน้ำท่วม รวมถึงถนน บ้านเรือน และอาคารหลายแห่งในรัฐอัสสัม ทั้งยังระบุว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐอัสสัมได้เปิดศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม 366 จุดทั่ว 20 เขตของรัฐ เพื่อใช้เป็นที่พักพิงชั่วคราวให้แก่ประชาชนกว่า 95,000 คน ทั้งนี้ เหตุฝนตกหนักในช่วงฤดูมรสุมมักเกิดขึ้นเป็นประจำทุกปีในรัฐอัสสัม ซึ่งทำให้เกิดน้ำท่วมและดินถล่มจนประชาชนต้องอพยพออกจากบ้านเรือนอยู่บ่อยครั้ง.-สำนักข่าวไทย

เครื่องบินขับไล่ของอิหร่านตก นักบินตาย 2 ราย

เตหะราน 24 พ.ค. – เครื่องบินขับไล่ F7 ของอิหร่านประสบเหตุตกในพื้นที่ใกล้เมืองอนารัก ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากจังหวัดอิสฟาฮานไปทางตะวันออกราว 200 กิโลเมตร ทำให้มีนักบินเสียชีวิต 2 ราย เจ้าหน้าที่ของจังหวัดอิสฟาฮาน ทางตอนกลางของอิหร่าน เผยกับสำนักข่าวไออาร์เอ็นเอของทางการอิหร่านว่า นักบินทั้งสองคนได้ขับเครื่องบินขับไล่ F7 เพื่อฝึกซ้อมยิงตามปกติ แต่เครื่องบินกลับประสบอุบัติเหตุตกเมื่อเวลา 08.30 น. ของวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญหลายรายระบุว่า อิหร่านมีสถิติด้านความปลอดภัยในการบินที่ไม่ดีนัก เนื่องจากมักเกิดอุบัติเหตุเครื่องบินตกอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเครื่องบินที่ซื้อไว้ก่อนช่วงปฏิวัติอิสลามในอิหร่านเมื่อปี 2522 รวมถึงปัญหาขาดแคลนอะไหล่ในการบำรุงรักษา ก่อนหน้านี้ เครื่องบินขับไล่ F5 ของอิหร่านเพิ่งประสบเหตุตกที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในเมืองทาบริซ ทางตะวันตกเฉียงเหนือ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ทำให้นักบินเสียชีวิต 2 ราย และมีประชาชนเสียชีวิต 1 ราย.-สำนักข่าวไทย

มาเลเซียจะระงับส่งออกไก่ตั้งแต่ 1 มิ.ย.

กัวลาลัมเปอร์ 24 พ.ค. – นายกรัฐมนตรีอิสมาอิล ซาบรี ยาคอบ ของมาเลเซีย ประกาศเมื่อวันจันทร์ว่า มาเลเซียจะระงับส่งออกไก่เดือนละ 3.6 ล้านตัวตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายนเป็นต้นไป จนกว่าสถานการณ์ผลิตและราคาเนื้อไก่ในประเทศจะอยู่ในระดับคงที่ นายกรัฐมนตรีอิสมาอิล ระบุในแถลงการณ์ว่า รัฐบาลมาเลเซียต้องการแก้ปัญหาปริมาณและราคาเนื้อไก่ที่พุ่งสูงขึ้นจนส่งผลกระทบต่อประชาชนอย่างจริงจัง รัฐบาลให้ความสำคัญกับประชาชนเป็นอันดับแรกเสมอ ทั้งนี้ คำสั่งระงับส่งออกไก่มีขึ้นในขณะที่มาเลเซียกำลังเผชิญกับปัญหาขาดแคลนเนื้อไก่ ซึ่งทำให้ราคาเนื้อไก่พุ่งสูงขึ้น นอกจากนี้ มาเลเซียจะอนุญาตให้นำเข้าเนื้อไก่จากโรงฆ่าสัตว์ในต่างประเทศมากขึ้น และยกเลิกใบอนุญาตนำเข้าสัตว์ปีกจากต่างประเทศ เพื่อเพิ่มปริมาณเนื้อไก่ในประเทศ ข้อมูลจากสำนักงานปศุสัตว์ของกระทรวงเกษตรและอุตสาหกรรมอาหารมาเลเซียระบุว่า มาเลเซียส่งออกไก่กว่า 49 ล้านตัวในปี 2563 รวมถึงส่งออกเนื้อไก่และเนื้อเป็ดราว 42.3 ล้านตัน ขณะที่ข้อมูลจากสำนักงานอาหารของสิงคโปร์ระบุว่า สิงคโปร์นำเข้าเนื้อไก่จากมาเลเซียเกือบ 73,000 ตันในปี 2564 ซึ่งคิดเป็นอัตราสูงกว่าร้อยละ 30 ประกาศดังกล่าวของนายกรัฐมนตรีอิสมาอิลทำให้บริษัทนำเข้าเนื้อไก่ในสิงคโปร์หลายรายออกมาแสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับการหาช่องทางนำเข้าเนื้อไก่จากผู้ผลิตรายใหม่เพื่อทดแทนสัดส่วนที่หายไป เนื่องจากชาวสิงคโปร์นิยมบริโภคเนื้อไก่กันอย่างแพร่หลาย.-สำนักข่าวไทย

นักการทูตรัสเซียในยูเอ็นยื่นใบลาออกต่อต้านสงครามยูเครน

เจนีวา 24 พ.ค. – นายบอริส บอนดาเรฟ นักการทูตชาวรัสเซียที่ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาผู้แทนถาวรรัสเซียประจำสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ที่สำนักงานใหญ่ในนครเจนีวาของสวิตเซอร์แลนด์ ประกาศยื่นใบลาออกจากตำแหน่ง พร้อมระบุในถ้อยแถลงประณามรัสเซียที่เปิดฉากทำสงครามรุนแรงในยูเครน นายบอนดาเรฟ วัย 41 ปี เผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์สว่า เขาเข้าไปที่สำนักงานของยูเอ็นเมื่อช่วงเช้าวันจันทร์เหมือนวันทำงานปกติ ยื่นใบลาออก และเดินออกจากที่นั่น ทั้งยังระบุในถ้อยแถลงที่ส่งถึงคณะทูตหลายคนในนครเจนีวาว่า เขาขอประณามรัสเซียที่นำกองทหารรุกรานยูเครนและกล่าวโจมตีกระทรวงต่างประเทศของรัสเซีย นับตั้งแต่ที่ทำงานเป็นนักการทูตมานานถึง 20 ปี เขาได้เห็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายต่างประเทศหลายครั้งของรัสเซีย แต่ไม่มีครั้งใดที่น่าอับอายเท่ากับคำสั่งบุกโจมตียูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ นายบอนดาเรฟมองว่าคำสั่งดังกล่าวของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ที่มุ่งทำสงครามกับยูเครนและชาติตะวันตก ไม่ได้เป็นการก่ออาชญากรรมต่อชาวยูเครนเท่านั้น แต่ยังเป็นการก่ออาชญากรรมครั้งใหญ่ต่อชาวรัสเซียอีกด้วย  นายบอนดาเรฟ ซึ่งคร่ำหวอดอยู่ในวงการทูต ยังกล่าวกับสำนักข่าวเอพีว่า ขณะนี้ เขายังไม่ได้รับการติดต่อใด ๆ จากเจ้าหน้าที่ของทางการรัสเซีย และมองว่ากระทรวงต่างประเทศรัสเซียไม่ได้ทำหน้าที่เกี่ยวกับการทูตอีกแล้ว แต่กลับต้องการทำให้เกิดสงคราม รวมถึงเผยแพร่คำโกหกและความเกลียดชัง ทั้งนี้ การประกาศลาออกของนักการทูตรัสเซียเพื่อแสดงจุดยืนประท้วงรัฐบาลรัสเซียนั้นเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก เนื่องจากรัฐบาลของประธานาธิบดีปูตินได้ออกมาตรการต่าง ๆ เพื่อนำมาใช้ปราบปรามผู้ไม่เห็นด้วยกับคำสั่งบุกโจมตียูเครน.-สำนักข่าวไทย

เกาหลีเหนือไม่พบผู้เสียชีวิตจากโควิดครั้งแรกตั้งแต่ระบาด

เปียงยาง 24 พ.ค. – เกาหลีเหนือเผยวันนี้ว่า ไม่พบผู้เสียชีวิตรายใหม่ในกลุ่มผู้ป่วยมีไข้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศเกือบ 2 สัปดาห์ และมีแนวโน้มพบผู้ป่วยที่มีอาการเชื่อมโยงกับโรคโควิดลดลงต่อเนื่อง สำนักข่าวกลางเกาหลี หรือเคซีเอ็นเอ ของทางการเกาหลีเหนือ รายงานว่า เกาหลีเหนือประสบความสำเร็จในการควบคุมการระบาดของโรคโควิด เนื่องจากไม่พบผู้เสียชีวิตรายใหม่ในกลุ่มผู้ป่วยมีไข้เมื่อวันจันทร์ และพบผู้ป่วยมีไข้เพิ่มขึ้น 134,510 คน ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่เกาหลีเหนือไม่พบผู้เสียชีวิตรายใหม่นับตั้งแต่เริ่มรายงานตัวเลขผู้ป่วยมีไข้รายวันและพบยอดผู้ป่วยมีไข้รายใหม่ต่ำกว่า 200,000 คนเป็นวันที่สามติดต่อกัน อย่างไรก็ดี เกาหลีเหนือยังคงไม่ประกาศตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อโควิด แต่ใช้วิธีรายงานยอดผู้ป่วยมีไข้แทน โดยคาดกันว่าเกาหลีเหนืออาจขาดแคลนชุดตรวจหาเชื้อโควิด เคซีเอ็นเอยังรายงานว่า ขณะนี้ เกาหลีเหนือมียอดผู้ป่วยมีไข้สะสมกว่า 2.95 ล้านคน และผู้เสียชีวิต 68 คน ก่อนหน้านี้ เกาหลีเหนือ ซึ่งมีประชากร 25 ล้านคน ประกาศพบการระบาดของโรคโควิดครั้งแรกในประเทศเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคมที่ผ่านมา จนทำให้ทั่วโลกต่างวิตกกังวลเกี่ยวกับการควบคุมการระบาดในเกาหลีเหนือ ซึ่งประสบปัญหาขาดแคลนวัคซีนป้องกันโรคโควิด โครงสร้างพื้นฐานทางการแพทย์ที่ไม่เพียงพอ และภาวะขาดแคลนอาหาร. -สำนักข่าวไทย

อังกฤษพบผู้ป่วยฝีดาษลิงรายใหม่ 36 คน

ลอนดอน 24 พ.ค. – อังกฤษพบผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงรายใหม่ 36 คน รวมถึงผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงรายแรกในสกอตแลนด์ ทำให้มียอดผู้ป่วยสะสม 56 คน นับตั้งแต่วันที่ 7 พฤษภาคมที่ผ่านมา สำนักงานความมั่นคงด้านสุขภาพของอังกฤษ (UKSA) เผยเมื่อวันจันทร์ว่า อังกฤษพบผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงรายใหม่ 36 คน ทำให้มียอดผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 56 คน และเน้นย้ำว่าชาวอังกฤษมีความเสี่ยงต่ำต่อการติดโรคดังกล่าว แม้การระบาดจะเข้าขั้นน่าวิตกกังวลก็ตาม ทั้งนี้ สำนักงานความมั่นคงด้านสุขภาพอังกฤษได้แนะนำให้กลุ่มเสี่ยงติดเชื้อที่มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยควรกักตัวเป็นเวลา 21 วัน ขณะที่นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของอังกฤษ ระบุว่า รัฐบาลอังกฤษกำลังเฝ้าระวังสถานการณ์ระบาดของโรคฝีดาษลิงอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ดี โรคนี้เป็นโรคที่เกิดขึ้นได้ยากมากและการระบาดก็ยังไม่เข้าขั้นรุนแรง ก่อนหน้านี้ พญ. มาเรีย แวน เคอโคฟ หัวหน้าฝ่ายโรคอุบัติใหม่และโรคจากสัตว์สู่คนขององค์การอนามัยโลก เผยในวันเดียวกันว่า ขณะนี้ ทั่วโลกพบผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงและกลุ่มผู้สงสัยติดโรคกว่า 100 คนในทวีปยุโรปและอเมริกาเหนือ พร้อมทั้งยืนยันว่า การระบาดในครั้งนี้ยังไม่เข้าขั้นรุนแรง.-สำนักข่าวไทย

พายุทรายลูกที่ 9 ถล่มอิรัก ปิดสนามบิน-สถานที่ราชการ

แบกแดด 23 พ.ค. – อิรักสั่งปิดสนามบินและสถานที่ราชการของรัฐบาลในวันนี้ หลังเกิดเหตุพายุทรายพัดถล่มประเทศ ซึ่งเป็นพายุทรายลูกที่ 9 นับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนเมษายน กรุงแบกแดดของอิรักถูกพายุทรายพัดถล่มจนทำให้ท้องถนนว่างเปล่า เนื่องจากประชาชนไม่สามารถสัญจรไปมาได้ นายกรัฐมนตรีมุสตาฟา อัลคาดิมี ของอิรัก ประกาศให้สถานที่ราชการหยุดงานชั่วคราวในวันนี้ ยกเว้นสถานที่ทางการแพทย์และหน่วยงานด้านความปลอดภัย เนื่องจากสภาพอากาศย่ำแย่และเกิดพายุทรายรุนแรง ส่วนท่าอากาศยานหลายแห่งในอิรักได้ประกาศปิดสนามบินนานาชาติในกรุงแบกแดด เมืองเออร์บิล และเมืองนาจาฟ เนื่องจากเหตุผลเดียวกัน เมื่อไม่นานมานี้ อิรักเพิ่งถูกพายุทราย 2 ลูกพัดถล่มจนทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และทำให้ประชาชนเกือบ 10,000 คนต้องเข้าโรงพยาบาลเพื่อรักษาอาการป่วยเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ นอกจากนี้ อิรักยังติดอันดับ 1 ใน 5 ประเทศที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและเสี่ยงต่อการแปรสภาพเป็นทะเลทราย ขณะที่กระทรวงสิ่งแวดล้อมของอิรักเคยเตือนว่า ชาวอิรักอาจเผชิญกับพายุทะเลทรายโดยเฉลี่ยปีละ 272 วันในช่วง 20 ปีหน้า และเพิ่มขึ้นเป็นปีละ 300 วันภายในปี 2593.-สำนักข่าวไทย

จีนสั่งประชาชนเกือบ 100 ล้านตรวจโควิดทุก 2 วัน

ปักกิ่ง 23 พ.ค. – มณฑลเหอหนาน ทางตอนกลางของจีน สั่งให้ประชาชนเกือบ 100 ล้านคน เข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ทุก 2 วัน ซึ่งเป็นมาตรการที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ในขณะที่จีนกำลังรับมือกับการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน ทางการท้องถิ่นของมณฑลเหอหนาน ซึ่งมีประชากรเกือบ 100 ล้านคน ประกาศผ่านเว็บไซต์เมื่อวันอาทิตย์ว่า ชาวมณฑลเหอหนานและผู้พำนักอาศัยควรเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิดทุก 48 ชั่วโมง หรือ 2 วัน โดยจะเริ่มต้นจากนครเจิ้งโจว ซึ่งเป็นเมืองเอกของมณฑลเหอหนาน ภายในสิ้นเดือนนี้ เพื่อค้นหาผู้ที่เสี่ยงติดเชื้อโควิดได้อย่างรวดเร็ว ผู้ที่ไม่ยอมปฏิบัติตามแนวทางดังกล่าวจะมีปัญหาในการสแกนรหัสที่จำเป็นต่อการเข้าสถานที่สาธารณะหรือใช้บริการรถขนส่งสาธารณะ ในขณะเดียวกัน เมืองเอกของมณฑลอื่น ๆ ของจีน เช่น นครฉือเจียจวง เมืองเอกของมณฑลเหอเป่ย์ ทางตอนเหนือของจีน ก็ได้ประกาศใช้มาตรการคล้ายกับมณฑลเหอหนาน โดยจะสั่งให้ประชาชน 11 ล้านคนเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิดเป็นประจำทุกสัปดาห์นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์หลายรายได้ออกมาเตือนว่า การตรวจหาเชื้อโควิดเป็นวงกว้างบ่อยเกินไปอาจทำให้เกิดภาระค่าใช้จ่ายสูงท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ข้อมูลขององค์การอนามัยโลกระบุว่า นับตั้งแต่ต้นเดือนมกราคม 2563 จีนมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 2 ล้านคน และผู้เสียชีวิตกว่า 15,800 คน. […]

ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนยูเอ็นจะเยือนเขตซินเจียงของจีน

ปักกิ่ง 23 พ.ค. – นางมิเชล บาเชเลต์ ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ จะเริ่มต้นภารกิจเยือนจีนในวันนี้เพื่อลงพื้นที่ตรวจสอบข้อกล่าวหาเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน ถือเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านสิทธิมนุษยชนของยูเอ็นคนแรกที่เดินทางเยือนจีนในรอบเกือบ 20 ปี แหล่งข่าวไม่เผยนามด้านการทูตของจีนระบุว่า นางบาเชเลต์ ซึ่งเป็นอดีตประธานาธิบดีชิลี มีกำหนดเข้าร่วมประชุมแบบเสมือนจริงผ่านระบบออนไลน์กับคณะทูตราว 70 คนในวันนี้ จากนั้น เธอจะเดินทางไปยังนครอุรุมชีและเมืองคัชการ์ในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ รวมถึงนครกว่างโจว เมืองเอกของมณฑลกวางตุ้ง ทางตอนใต้ของจีน ขณะที่สำนักงานของนางบาเชเลต์ระบุว่า นางบาเชเลต์จะพบปะกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนหลายคน องค์กรภาคสังคม ตัวแทนธุรกิจ และนักวิชาการ ทั้งนี้ การเดินทางเยือนจีนของนางบาเชเลต์มีขึ้นในขณะที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนถูกกล่าวหาว่า คุมขังชาวมุสลิมอุยกูร์และชนกลุ่มน้อยมุสลิมอื่น ๆ ไว้ที่ค่ายปรับทัศนคติในเขตซินเจียงมาเป็นเวลานานหลายปี จีนให้เหตุผลว่าเป็นการปราบปรามด้านความมั่นคง ขณะที่สหรัฐระบุว่าเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ แต่จีนปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว โดยระบุว่าเป็นเรื่องโกหกครั้งใหญ่ ในขณะเดียวกัน นายเนด ไพรซ์ โฆษกกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐ ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการเดินทางเยือนจีนของนางบาเชเลต์ว่า สหรัฐไม่ได้คาดหวังว่าจีนจะอนุญาตให้นางบาเชเลต์สามารถประเมินสภาพแวดล้อมด้านสิทธิมนุษยชนในเขตซินเจียงโดยสมบูรณ์และไร้การควบคุมจากรัฐบาลจีน. -สำนักข่าวไทย

“เซเลนสกี” เผยอาจมีคนตายในภูมิภาคดอนบาสวันละ 100

เคียฟ 23 พ.ค. – ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน เผยว่า ยูเครนอาจมีผู้เสียชีวิตวันละ 50-100 รายในภูมิภาคดอนบาส ทางตะวันออกของยูเครน ขณะที่กระทรวงกลาโหมอังกฤษระบุว่า ทหารรัสเซียอาจเสียชีวิตมากถึง 15,000 นายในช่วงสงคราม 3 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งเทียบเท่ากับตัวเลขทหารที่เสียชีวิตเมื่อครั้งที่สหภาพโซเวียตทำสงครามในอัฟกานิสถานเป็นเวลา 9 ปี ประธานาธิบดีเซเลนสกีกล่าวในงานแถลงข่าวเมื่อวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่นว่า ยูเครนอาจมีผู้เสียชีวิตวันละ 50-100 รายในภูมิภาคดอนบาส ผู้เสียชีวิตเหล่านี้เป็นผู้ที่พยายามปกป้องยูเครนจากการถูกรัสเซียรุกราน อย่างไรก็ดี ผู้นำยูเครนไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติม แต่ดูเหมือนว่าข้อคิดเห็นดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความสูญเสียทางทหารและชี้ให้เห็นว่าการต่อสู้ในภูมิภาคดอนบาสมีความรุนแรงมากเพียงใด ในขณะที่กองทัพรัสเซียกำลังพยายามบุกยึดเมืองต่าง ๆ ในภูมิภาคดอนบาส โดยเฉพาะเมืองซีวีโรโดเนตสก์ ในขณะเดียวกัน กระทรวงกลาโหมอังกฤษ เผยว่า ทหารรัสเซียอาจเสียชีวิตมากถึง 15,000 นายในช่วงสงคราม 3 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งเทียบเท่ากับตัวเลขทหารที่เสียชีวิตเมื่อครั้งที่สหภาพโซเวียตทำสงครามในอัฟกานิสถานเป็นเวลา 9 ปี ทั้งยังระบุว่า อัตราทหารรัสเซียที่เสียชีวิตหรือบาดเจ็บจำนวนมากในการบุกโจมตีภูมิภาคดอนบาสเป็นผลมาจากการวางแผนกลยุทธ์ที่ไม่ดี มีข้อจำกัดเรื่องเครื่องบินคุ้มกันทางอากาศ การขาดความยืดหยุ่น และแนวทางบัญชาการที่ทำให้เกิดความล้มเหลว กระทรวงกลาโหมอังกฤษยังคาดการณ์ว่า ยอดทหารรัสเซียที่เสียชีวิตหรือบาดเจ็บจะยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนทำให้ประชาชนรัสเซียรับรู้และไม่พอใจกับการทำสงครามในครั้งนี้มากขึ้น. -สำนักข่าวไทย

“ไบเดน” ยันสหรัฐพร้อมช่วยญี่ปุ่นปกป้องประเทศเต็มที่

โตเกียว 23 พ.ค. – ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ ยืนยันกับนายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ของญี่ปุ่นในวันนี้ว่า สหรัฐจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ในด้านการปกป้องประเทศของญี่ปุ่น ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นกับจีนและการที่รัสเซียบุกโจมตียูเครน ประธานาธิบดีไบเดนกล่าวในช่วงเริ่มต้นหารือกับนายกรัฐมนตรีคิชิดะที่พระราชวังอากาซากะ ซึ่งเป็นสถานที่รับรองอาคันตุกะรัฐบาลในกรุงโตเกียวว่า ความเป็นพันธมิตรของสหรัฐกับญี่ปุ่นคือรากฐานแห่งสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก สหรัฐจะยังคงให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ในด้านการปกป้องประเทศของญี่ปุ่น ทำเนียบขาวของสหรัฐแถลงว่า ก่อนหน้าที่จะพบกับผู้นำญี่ปุ่น ประธานาธิบดีไบเดนได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะของญี่ปุ่นเป็นเวลาสั้น ๆ ที่หน้าทางเข้าพระราชวังอากาซากะ และถวายพระพรในนามประชาชนชาวอเมริกัน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นในระดับบุคคลของทั้งสองประเทศ สำนักข่าวรอยเตอร์สคาดการณ์ว่า สหรัฐกับญี่ปุ่นจะหารือเกี่ยวกับแผนขยายขีดความสามารถทางทหารของญี่ปุ่นเพื่อรับมือกับจีนที่ขยายอิทธิพลมากขึ้นเรื่อย ๆ ย้ำจุดยืนร่วมกันต่อเรื่องรัสเซียบุกโจมตียูเครนว่าไม่เห็นด้วยกับการใช้กำลังเปลี่ยนแปลงสถานภาพปัจจุบันแต่เพียงฝ่ายเดียว รวมทั้งจะหารือประเด็นเกาหลีเหนือและประเด็นอื่น ๆ ในระดับภูมิภาค หลังจากนั้นประธานาธิบดีไบเดนจะเดินทางไปพบกับครอบครัวชาวญี่ปุ่นที่ถูกลักพาตัวไปฝึกเป็นสายลับในเกาหลีเหนือเมื่อหลายปีก่อน จุดสนใจของการเยือนญี่ปุ่นในวันนี้จะอยู่ที่เรื่องประธานาธิบดีไบเดนเตรียมเปิดตัวกรอบเศรษฐกิจอินโด-แปซิฟิกเพื่อความเจริญรุ่งเรือง (Indo-Pacific Economic Framework for Prosperity) ซึ่งเป็นโครงการที่จะเชื่อมโยงมาตรฐานทำงานร่วมกันของหลายประเทศในด้านต่าง ๆ เข้าด้วยกัน เช่น ความยืดหยุ่นของห่วงโซ่อุปทาน พลังงานสะอาด ระบบโครงสร้างพื้นฐาน และการค้าทางดิจิทัล ประธานาธิบดีไบเดนมีกำหนดเดินทางเยือนญี่ปุ่นเป็นเวลา 2 วัน และจะมีการจัดประชุมระหว่างประเทศสมาชิกในกรอบความร่วมมือด้านความมั่นคง 4 ฝ่าย หรือควอด ซึ่งประกอบด้วยสหรัฐ ญี่ปุ่น อินเดีย […]

พายุฝนถล่มแคนาดา ตายเพิ่มเป็น 8 ราย

โทรอนโต 23 พ.ค. – แคนาดาพบผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 8 รายจากเหตุพายุฝนฟ้าคะนองถล่มรัฐออนแทรีโอและรัฐควิเบกในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่เจ้าหน้าที่ฉุกเฉินของแคนาดาเร่งหาทางกู้คืนระบบจำหน่ายไฟฟ้าครั้งใหญ่หลังเกิดเหตุไฟดับเป็นวงกว้างที่ทำให้ประชาชนราว 500,000 ครัวเรือนเดือดร้อน พายุฝนฟ้าคะนองที่มีความเร็วลมแรงเกือบเท่าทอร์นาโดได้พัดถล่มรัฐออนแทรีโอ ทางตอนกลาง และรัฐควิเบก ทางตะวันออก เป็นเวลากว่า 2 ชั่วโมงเมื่อวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น โดยมีความเร็วลมสูงสุดถึง 132 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จนทำให้ต้นไม้ล้ม เสาไฟฟ้าหักโค่น และเสาไฟฟ้าแรงสูงเสียหายเป็นจำนวนมาก ขณะที่ทางการแคนาดาระบุว่า บริษัทไฟฟ้าของแคนาดากำลังเร่งหาทางซ่อมแซมสายส่งไฟฟ้าแรงสูงเมื่อวันอาทิตย์ ส่วนผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ถูกต้นไม้ล้มทับในขณะที่เกิดพายุรุนแรง ด้านนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ของแคนาดา เผยว่า รัฐบาลกลางพร้อมให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากพายุฝนฟ้าคะนองในครั้งนี้ และกล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคนที่เร่งหาทางกู้ระบบไฟฟ้าให้กลับมาเป็นปกติ ในขณะเดียวกัน ไฮโดร วัน บริษัทผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่ของรัฐออนแทรีโอ ระบุผ่านทวิตเตอร์เมื่อวันอาทิตย์ว่า เจ้าหน้าที่กำลังเร่งซ่อมแซมเสาไฟฟ้าที่ได้รับความเสียหายรุนแรง ขณะนี้ เจ้าหน้าที่สามารถกู้ระบบไฟฟ้าให้แก่ประชาชนกว่า 360,000 ครัวเรือน แต่ยังมีประชาชนอีกกว่า 226,000 ครัวเรือนที่ต้องใช้ชีวิตท่ามกลางไฟดับ โดยคาดว่าอาจต้องใช้เวลาอีกราว 2-3 วันเพื่อให้ประชาชนทั้งหมดมีไฟฟ้าใช้ตามปกติ. -สำนักข่าวไทย

1 80 81 82 83 84 315