สหกรณ์การเกษตรโสกแมว จก. อีกความสำเร็จด้านอาชีพในโครงการ คทช.

“ต้องปรับแนวคิดของเกษตรกร ให้รวมกลุ่มกันเพื่อจะได้เข้มแข็ง พึ่งพาตนเองได้ และไม่ต้องรอรับความช่วยเหลือจากรัฐเพียงอย่างเดียว ปีนี้ดีหน่อย ข้าว ข้าวโพด ปาล์มน้ำมันราคาดี ไม่ต้องช่วยชดเชยทำให้รัฐบาลลดรายจ่ายตรงนี้ แต่ถ้าเราสร้างความมั่นคงเรื่องอาชีพให้กับชาวบ้านโดยที่เขาทำตามความต้องการของตลาด ไม่ผลิตอย่างใดอย่างหนึ่งมากจนเกินไป ตรงนี้ก็จะช่วยพี่น้องเกษตรกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นได้”


นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวภายหลังนำคณะสื่อมวลชนลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและติดตามความหน้าของการส่งเสริมอาชีพและสนับสนุนด้านการตลาดให้กับเกษตรกรสมาชิกสหกรณ์การเกษตรโสกแมว จำกัด ในต.อุ่มเหม้า อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติภายใต้โครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล (คทช.) ที่ต้องการให้ประชาชนผู้ยากไร้ มีที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย เป็นการสร้างงาน สร้างอาชีพ เพิ่มผลผลิต ก่อให้เกิดรายได้แก่ประชาชน นำมาซึ่งการลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม

โดยมีเกษตรกรสมาชิกได้รับจัดสรรที่ดินจำนวนทั้ง 198 ราย จำนวน 210 แปลง มีเนื้อที่รวม 1,408 ไร่ 3 งาน 44 ตารางวา ซึ่งคณะอนุกรรมการนโยบายที่ดินจังหวัดนครพนม ได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปีงบประมาณ 2557 ในการจัดที่ดินทำกินในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ บริเวณป่าดงหมูให้กับเกษตรกรผู้ยากไร้ พร้อมจัดทำสมุดประจำตัวที่ดินทำกิน


จากนั้นวันที่ 13 สิงหาคม 2558 ได้มีการจดทะเบียนจัดตั้งสหกรณ์การเกษตรโสกแมว จำกัดขึ้น โดยการสนับสนุนของสำนักงานสหกรณ์จังหวัดนครพนมเพื่อดูแลในเรื่องการส่งเสริมอาชีพและการตลาด ปัจจุบันสหกรณ์การเกษตรโสกแมว จำกัด มีสมาชิกจำนวน 136 ราย ดำเนินธุรกิจ 3 ด้าน ได้แก่ ธุรกิจสินเชื่อ ธุรกิจจัดหาสินค้ามาจำหน่าย และธุรกิจรวบรวมผลผลิตทางการเกษตรโดยกรมส่งเสริมสหกรณ์ได้สนับสนุนก่อสร้างอาคารเอนกประสงค์ให้กับสหกรณ์ เพื่อใช้ในการจัดอบรมและจัดกิจกรรมประชุมกลุ่มสมาชิก พร้อมทั้งจัดสรรเงินกู้จากกองทุนพัฒนาสหกรณ์ ดอกเบี้ยต่ำ จำนวน 3.1 ล้านบาท เพื่อให้สหกรณ์ไปปล่อยกู้แก่สมาชิกได้นำไปเป็นทุนในการประกอบอาชีพอีกด้วย

นายชื่น คำมุงคุณ แกนนำเกษตรกรที่ร่วมจัดตั้งสหกรณ์ฯ มาตั้งแต่เริ่มต้น ปัจจุบันรั้งตำแหน่งประธานกรรมการสหกรณ์กล่าวขอบคุณกรมส่งเสริมสหกรณ์และสหกรณ์จังหวัดนครพนมที่ให้การสนับสนุนช่วยเหลือสหกรณ์ฯมาตลอดทั้งสนับสนุนเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ การฝึกอบรมอาชีพ ตลอดจนการพาสมาชิกไปศึกษาดูงานในที่ต่าง ๆ แล้วนำความรู้มาปรับใช้ในพื้นที่ของตัวเอง ทำให้วันนี้เกษตรกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

“เคยกู้เงินสหกรณ์มา 2 หมื่นเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการปรับพื้นที่ทำแปลงเกษตรผสมผสาน ปัจจุบันได้ส่งชำระหนี้คืนไปหมดแล้ว”ประธานกรรมการสหกรณ์ย้อนอดีตให้ฟัง ปัจจุบันเขามีพื้นที่ทำกินทั้งหมด18 ไร่เศษ อยู่ในพื้นที่คทช.จำนวน 4 ไร่ ส่วนอีก 14 ไร่อยู่ในพื้นที่สปก. แบ่งเป็นทำนา 16 ไร่ เกษตรผสมผสาน 2 ไร่ มีวัว 5 ตัว กระบือ(ตัวเมีย) 1 ตัวเพิ่งซื้อมาไม่นาน มีรายได้เฉลี่ย 6,000-8,000 บาทต่อเดือนจากการจำหน่ายผลผลิตพืชผักสมุนไพร โดยมีพ่อค้ามารับซื้อถึงแปลง ส่วนที่ดินทำกินที่รัฐจัดสรรให้มาในโครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล (คทช.) นายชื่นยืนยันว่าจะไม่จำหน่ายต่อให้กับคนอื่นเช่นเดียวกับสมาชิกสหกรณ์รายอื่น ๆ โดยเขาให้เหตุผลว่าเงินได้มาไม่กี่วันก็หมด แต่ที่ดินจะอยู่กับเราตลอดไป


“แต่ก่อนพวกเราอยู่ด้วยความหวาดระแวง จะโค่นต้นไม้เพื่อนำมาทำบ้านสักต้นก็ไม่ได้ เดี๋ยวป่าไม้เข้ามา เดี๋ยวก็ตำรวจเข้ามาจับกุม ชาวบ้านเคยโดนมาแล้วหลายราย แต่วันนี้ไม่มีแล้ว ชาวบ้านอยู่กันยอ่างมีความสุข มีหน่วยงานรัฐเข้ามาดูแลช่วยเหลือตลอด”ประธานกรรมการสหกรณ์คนเดิมเผยความรู้สึก

ขณะที่ นายวิภพ คำมุงคุณ เกษตรสมาชิกสหกรณ์การเกษตรโสกแมว จำกัด อาศัยอยู่ในพื้นที่คทช.ธาตุพนมเล่าว่าตนมีที่ดินทำกิน 15 ไร่ ยึดอาชีพหลักทำสวนยางพารา และมีอาชีพเสริมเลี้ยงโค-กระบือ เลี้ยงไก่พื้นเมือง และทำนาปลูกข้าวเพื่อเก็บผลผลิตไว้บริโภค โดยสำนักงานสหกรณ์จังหวัดนครพนมได้ประสานเจ้าหน้าที่เกษตรจังหวัดและปศุสัตว์จังหวัดเข้ามาให้คำแนะนำเรื่องการประกอบอาชีพ โดยกู้ยืมเงินกองทุนพัฒนาสหกรณ์ ผ่านสหกรณ์การเกษตรโสกแมว จำกัด เมื่อปี 2560 จำนวน 40,000 บาท เพื่อเป็นทุนและจัดหาปัจจัยการผลิต ในการประกอบอาชีพ ปัจจุบันมีรายได้จากการจำหน่ายผลผลิตปีละประมาณ 340,000 บาท

ด้าน นางจันทร์ชนก ระเวงวรรณ เกษตรกรสมาชิกสหกรณ์การเกษตรโสกแมว จำกัดอีกรายอาศัยอยู่ในพื้นที่คทช.ธาตุพนม ยึดอาชีพทำเกษตรผสมผสาน โดยได้รับจัดสรรที่ดินทำกินจำนวน 14 ไร่ แบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งทำนา และขุดบ่อเลี้ยงปลานิล 5,000 ตัว จำนวน 2 บ่อ เมื่อสิ้นฤดูเก็บเกี่ยวก็ได้ปรับเปลี่ยนที่นามาปลูกดาวกระจายเพื่อจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ให้กับสมาชิก และยังเจียดพื้นที่ส่วนหนึ่งได้ปลูกผักสวนครัว เลี้ยงกระบือและเลี้ยงไก่พื้นเมือง โดยได้นำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตและประกอบอาชีพ สามารถสร้างรายได้ปีละไม่น้อยกว่า 170,000 บาท
สหกรณ์การเกษตรโสกแมว จำกัด นับเป็นอีกตัวอย่างความสำเร็จด้านอาชีพ ภายใต้โครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล (คทช.) ที่ต้องการให้ประชาชนผู้ยากไร้ มีที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย ทำให้มีการสร้างงาน สร้างอาชีพก่อให้เกิดรายได้ นำมาซึ่งการลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ทั้งยังลดการบุกรุก ช่วยปกป้องผืนป่า รักษาพื้นที่ป่าให้อยู่ต่อไปจนชั่วลูกชั่วหลาน

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

9 ทันโลก : แจงด่วน! คณะมนตรีความมั่นคง ไทยนี้รักสงบ

25 ก.ค. – นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะร่วมประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ตามที่กัมพูชาร้องขอไว้ รายงาน 9 ทันโลก พาไปติดตามบทบาทและโอกาสของไทยบนเวทีสำคัญนี้ ไทยในฐานะสมาชิกสหประชาชาตินานเกือบ 80 ปี จะได้แสดงบทบาทอีกครั้งในคณะมนตรีความมั่นคง ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญในการสื่อสารกับประชาคมโลก ถึงการกระทำของกัมพูชา ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศหลายด้าน รวมถึงกฎบัตรสหประชาชาติที่ไทยยึดมั่น ในห้องประชุมนี้ ไทยในฐานะสมาชิกสหประชาชาติ ลำดับที่ 55 จะทำหน้าที่อีกครั้งในภารกิจด้านสันติภาพ ตั้งแต่เข้าเป็นสมาชิกเมื่อปี 2489 ที่นี่ไทยเคยทำหน้าที่ประธานการประชุมคณะมนตรีความมั่นคง โดยพลอากาศเอก สิทธิ เศวตศิลา และหม่อมหลวง พีระพงศ์ เกษมศรี ทำหน้าที่สองวาระ ในปี 2528 และ 2529 ในเวลาที่สงครามเย็นคุกรุ่น มาในวันนี้ไทยกำลังจะมีโอกาสอันดีที่ได้ใช้ช่องทางการทูตสำคัญ เสาหลักความมั่นคงของสหประชาชาติ ในอีกบทบาทหนึ่งที่ยังคงอยู่บนพื้นฐานการแสวงหาสันติภาพตามกลไกนี้ เมื่อประเทศสมาชิก ในกรณีนี้คือกัมพูชา ร้องขอให้เปิดประชุมเร่งด่วน สมาชิกคณะมนตรีซึ่งมีสมาชิกถาวร 5 ประเทศ และสมาชิกไม่ถาวร 10 ประเทศ พิจารณากรณีที่เป็นภัยคุกคามใดต่อสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ เช่น กรณีการปะทะระหว่างไทยกับกัมพูชา […]

น่านยังอ่วม บางจุดน้ำท่วมสูงเกือบ 2 เมตร

น่าน 25 ก.ค. – เข้าสู่วันที่ 3 น้ำท่วมใหญ่เป็นประวัติการณ์ของเมืองน่าน แม้ระดับน้ำลดลงบ้างแล้ว แต่ในตัวเมือง-เขตเศรษฐกิจยังท่วมสูง บางจุดระดับน้ำเกือบ 2 เมตร ขณะที่ “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” นำทีมกู้ภัยฝ่ากระแสน้ำเชี่ยวเข้าช่วยเหลือชาวบ้าน .-สำนักข่าวไทย

มีผลทันที! ประกาศกฎอัยการศึก 8 อำเภอ “จันทบุรี-ตราด”

25 ก.ค.- กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ประกาศใช้กฎอัยการศึกบางพื้นที่ มีผลทันที กองทัพเรือ โดย กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด “ประกาศใช้กฎอัยการศึก” บางพื้นที่ ดังนี้ ตามที่ได้มีประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ลงวันที่ 19 กันยายน 2549 ให้ใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2549 เวลา 21.05 นาฬิกา ซึ่งต่อมาได้มีพระบรมราชโองการเลิกใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ และให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ ลงวันที่ 31 ธันวาคม 2550 นั้น โดยที่ปรากฏว่าประเทศกัมพูชาได้ใช้กำลังและอาวุธรุกรานเข้ามาในราชอาณาจักรไทยตลอดแนวชายแดน จึงมีความจำเป็นโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ที่ต้องใช้กำลังทหาร ตำรวจ พลเรือน ตลอดจนประชาชนชาวไทยทุกคน เพื่อป้องกันประเทศให้พ้นจากภัยคุกคามอันมีที่มาจากภายนอกราชอาณาจักรดังกล่าว เพื่อรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยของชาติและบูรณภาพแห่งดินแดน ตลอดจนชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย และจำเป็นต้องประกาศใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 176 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบกับมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พุทธศักราช 2457 จึงให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 จังหวัดจันทบุรี อำเภอเมืองจันทบุรี […]

จรวด BM-21 ตกในพื้นที่สุรินทร์ 6 ลูก เร่งอพยพคนเพิ่ม

สุรินทร์ 25 ก.ค. – กระสุนของฝั่งกัมพูชามาตกไกลกว่าเหตุปะทะปี 2554 ตามที่เจ้าหน้าที่คาดการณ์ ล่าสุดมีจรวด BM-21 จำนวน 6 ลูก ตกในพื้นที่ อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ เตรียมอพยพประชาชนไปยังที่ปลอดภัยกว่า .-สำนักข่าวไทย