เปิดเอกสารเปลี่ยนแปลงงบ 1.5 หมื่นล้าน โครงการกรมข้าว

กรุงเทพฯ 30 ม.ค.- หนึ่งโครงการของกรมการข้าวที่ “พี่ศรี” ใช้เป็นประเด็นในการตบทรัพย์อธิบดีข้าวคือ โครงการสนับสนุนลดต้นทุนการผลิตด้านการเกษตรสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว กว่า 1.5 หมื่นล้านบาท แม้เคยถูกตั้งข้อสงสัยถึงความคุ้มค่าในการใช้งบประมาณ แต่ที่สุด ครม. เปลี่ยนแปลงไปเป็นโครงการจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนา “ไร่ละพัน” กรมข้าวจึงไม่ได้บริหารงบก้อนนี้เอง เป็นที่มาของความมั่นใจของ “อธิบดีโจ” ในการต่อสู้เมื่อถูกข่มขู่รีดไถ


หนังสือด่วนที่สุด จากกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2565 ลงนามโดยนายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน ทำถึงนายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว เรื่อง สรุปผลการประชุมหารือโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2565/66 ใจความสำคัญของหนังสือคือ ให้กรมการข้าวสั่งจ่ายเช็คจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2566 โครงการสนับสนุนลดต้นทุนการผลิตด้านการเกษตร สำหรับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว 15,255 ล้านบาท ให้ ธ.ก.ส. ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2565 ที่เห็นชอบในหลักการโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2565/66 ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยธ.ก.ส. มีแผนจ่ายเงินเข้าบัญชีเกษตรกรในวันที่ 24 พฤศจิกายน 2565

มติ ครม. ดังกล่าว เป็นการเปลี่ยนแปลงการใช้งบประมาณ จากเดิมกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมการข้าวเสนอโครงการสนับสนุนลดต้นทุนการผลิตด้านการเกษตรสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวซึ่งระบุวัตถุประสงค์ของโครงการในการสนับสนุนงบประมาณไปยังศูนย์ข้าวชุมชน 5,000 ศูนย์ทั่วประเทศซึ่งพิจารณาตามพื้นที่ทำนาปลูกข้าวในเขตการให้บริการของศูนย์ข้าวชุมชน โดยพื้นที่ให้บริการต่ำกว่า 2,000 ไร่ สนับสนุน 1 ล้านบาท พื้นที่ให้บริการมากกว่า 2,000 ไร่ สนับสนุน 2 ล้านบาท พื้นที่ให้บริการมากกว่า 4,000 ไร่ สนับสนุน 3 ล้านบาท และพื้นที่ให้บริการมากกว่า 6,000 ไร่ สนับสนุน 4 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าจัดซื้อเครื่องจักรกลการเกษตรและค่าซ่อมแซมเครื่องจักรกลการเกษตร แต่ถูกหลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับความคุ้มค่าการใช้งบประมาณในโครงการนี้ เหตุเพราะเชื่อว่า จำนวนศูนย์ข้าวชุมชนที่มีความเข้มแข็งที่จะบริหารจัดการครุภัณฑ์ทางการเกษตรให้เกิดประโยชน์ตามเป้าหมายมีไม่ถึงครึ่งของ 5,000 แห่ง


ดังนั้น ครม. จึงมีมติให้กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายในดำเนินโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2565/66 แทนเพื่อสมทบเงินช่วยเหลือชาวนาที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตรในอัตราไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 20 ไร่ หรือครัวเรือนละไม่เกิน 20,000 บาท หรือที่รู้จักในชื่อ “โครงการไร่ละพัน” โดยให้ขอรับจัดสรรงบประมาณ 39,858.086 ล้านบาทและงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ของกรมการข้าว รายการเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายตามโครงการสนับสนุนลดต้นทุนการผลิตด้านการเกษตร สำหรับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว 15,225 ล้านบาท

ต่อมาอธิบดีกรมการข้าวจึงสั่งจ่ายเช็คให้แก่ ธ.ก.ส. เพื่อจ่ายเงินเข้าบัญชีชาวนาโดยตรงเพื่อให้เป็นไปตามมติ ครม. โดยไม่ได้บริหารงบประมาณส่วนนี้แต่อย่างใด

เมื่อถูกนายศรีสุวรรณ จรรยากับพวกข่มขู่ว่า จะร้องเรียนในโครงการดังกล่าว จึงมั่นใจว่า ไม่ได้กระทำผิด อีกทั้งผลตรวจสอบข้อเท็จจริงของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์พบว่า ไม่มีมูลการกระทำความผิด จึงเป็นที่มาของการสู้กลับ ด้วยการแจ้งความดำเนินคดี จนเจ้าหน้าที่ซ้อนแผนจับกุมแก๊งตบทรัพย์ได้ในที่สุด


ส่วนอีกโครงการหนึ่งที่ “ศรีสุวรรณ” โพสต์เฟซบุ๊กว่า จะร้องเรียนคือ โครงการส่งเสริมการเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์ข้าวปีงบประมาณ 2566 กรอบวงเงินงบประมาณ 1,001 ล้านบาท มีเป้าหมายส่งเสริมให้ชาวนาสามารถเข้าถึงและได้ใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดีจากกรมการข้าวทั่วประเทศ โดยเกษตรกร สามารถเข้าร่วมโครงการได้ผ่านกลุ่มเกษตร และสถาบันเกษตรกร เช่น ศูนย์ข้าวชมชนในพื้นที่ของแต่ละจังหวัด ในราคาตามหลักเกณฑ์ของกรมการข้าวที่ได้กำหนดไว้ เพื่อให้ชาวนาได้มีเมล็ดพันธุ์ข้าวที่ดีสำหรับการเพาะปลูก กรมการข้าวมีแผนการดำเนินงานต่อเนื่องอย่างน้อย 3 ปี โดยมีการร้องเรียนว่า มีการเบิกจ่ายเมล็ดพันธุ์เกินสิทธิกว่าที่เกษตรกรจะได้รับ ผู้ที่คุณสมบัติไม่ตรงได้เข้าร่วมโครงการ อีกทั้งมีเกษตรกรที่มีชื่อรับเมล็ดพันธุ์ แต่กลับไม่ได้รับซึ่งกรมการข้าวตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง

สำหรับโครงการส่งเสริมการลดต้นทุนการผลิตข้าวรักษ์โลก BCG Model ปีงบประมาณ 2566 กรอบวงเงินงบประมาณ 874 ล้านบาท มีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงกระบวนการเพาะปลูกข้าว เน้นการทำนาแบบประณีต คือ การใช้ระบบชีวมวล ชีวภาพ และจุลินทรีย์ที่ลด ละ เลิก การใช้สารเคมี ส่งเสริมการทำนาแบบยั่งยืน สร้างความเข้มแข็งให้กลุ่มเกษตรกร โดยงบประมาณเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดหาปัจจัยการผลิตและเครื่องจักรกลการเกษตร ตามแผนความต้องการของศูนย์ข้าวชุมชน 292 ศูนย์ ในพื้นที่  74 จังหวัด เป้าหมายพื้นที่ดำเนินการ 58,400 ไร่ และพื้นที่ให้บริการ 60 ล้านไร่ ในพื้นที่  74 จังหวัด โครงการนี้ถูกร้องเรียนว่า อธิบดีกรมการข้าวแสวงหาผลประโยชน์โดยให้ศูนย์ข้าวชุมชนต้องซื้อเครื่องจักรตามที่อธิบดีกำหนด อธิบดีกรมการข้าวระบุว่า ถูกแอบอ้างชื่อ เตือนไปยังประธานศูนย์ข้าวชุมชนว่า อย่าหลงเชื่อและให้เลือกซื้อเครื่องมือโดยคำนึงถึงคุณภาพและประสิทธิภาพเป็นหลัก

อีกโครงการหนึ่งคือ โครงการปรับปรุงการผลิตและกระจายเมล็ดพันธุ์ข้าว ปีงบประมาณ ปี 2566 กรอบวงเงินงบประมาณ 1,256 ล้าน มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเพิ่มศักยภาพในการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวชั้นพันธุ์คัดและเมล็ดพันธุ์ข้าวชั้นพันธุ์หลัก ให้มีเมล็ดพันธุ์ที่บริสุทธิ์เพิ่มมากขึ้น และสามารถมีปริมาณเพียงพอในการนำไปผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวชั้นพันธุ์ขยายและเมล็ดพันธุ์ข้าวชั้นพันธุ์จำหน่าย ที่กำลังขยายกำลังการผลิต เพื่อตอบสนองต่อความต้องการเมล็ดพันธุ์ของเกษตรกร ลดภาวะขาดแคลนเมล็ดพันธุ์ดี และให้สามารถสร้างความมั่นคงทางอาหารอย่างยั่งยืนต่อไป โดยดำเนินโครงการในศูนย์วิจัยข้าว 16 แห่งและสถาบันวิทยาศาสตร์ข้าวแห่งชาติ เพื่อจัดซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์ปรับปรุงชั้นพันธุ์คัด-ชั้นพันธุ์หลัก และอาคารโรงคลุมได้แก่ เครื่องทำความสะอาดขั้นต้น (Pre cleaner) เครื่องคัดเมล็ดพันธุ์แบบใช้ตะแกรงและลม (Air screen cleaner) เครื่องคัดเมล็ดพันธุ์ตามความถ่วงจำเพาะ (Gravity separator) และชุดเครื่องชั่งบรรจุ เป็นต้น พร้อมระบบจัดเรียงแบบอัตโนมัติ จำนวน 31 รายการ เป็นงบประมาณ 1,256 ล้านบาท ที่ยังไม่พบการร้องเรียน โดยอธิบดีกรมการข้าวระบุว่า ดำเนินการอย่างถูกต้องตามขั้นตอนโดยได้มีคณะกรรมการคุณธรรมซึ่งเป็นบุคคลภายนอกเข้ามาร่วมตรวจสอบทุกขั้นตอน ตั้งแต่การจัดทำ TOR (การกำหนดคุณลักษณะและเงื่อนไข) จนถึงขั้นตอนการตรวจรับให้เป็นไปตามระเบียบ โปร่งใส เที่ยงธรรม นอกจากนี้ยังได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงคุณธรรมร่วมกับองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ด้วย

นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าวหรือ หรือ “อธิบดีโจ” เคยชี้แจงถึงเรื่องร้องเรียนที่เกิดขึ้นหลายครั้งว่า เกิดจากผู้เสียผลประโยชน์ พยายามสร้างเรื่องโจมตีให้ร้ายเนื่องจากนับตั้งแต่รับตำแหน่งอธิบดีเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2565 ตั้งใจแน่วแน่ที่จะบริหารจัดการงานภายในกรมการข้าวอย่างตรงไปตรงมาและต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันภายในกรมการข้าว โดยตรวจสอบพบการทุจริตการซื้อขายเมล็ดพันธุ์ของศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวและศูนย์วิจัยข้าว การทุจริตในโครงการจัดซื้อเครื่องทำความสะอาดเมล็ดพันธุ์ข้าว 200 ชุด ภายใต้โครงการระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ ปี 2563 ซึ่งตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรงกับเจ้าหน้าที่ผู้ที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งยังได้พบว่า มีการทุจริตยักยอกเงินค่ารักษาพยาบาลและค่าเล่าเรียนบุตรหลายแห่ง ตั้งแต่ปี 2557 มีมูลค่าความเสียหายกว่า 20 ล้านบาท

พร้อมย้ำว่า มีความมุ่งหวังที่จะสร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกร โดยให้ได้รับเครื่องจักรเครื่องมือที่ดีมีคุณภาพ ใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวที่ดีในการเพาะปลูก ลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มผลผลิต โดยจะไม่ยอมให้มีการทุจริตในโครงการใดของกรมการข้าว หากพบจะดำเนินการตามกฏหมายอย่างเด็ดขาด .– 512 – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ยกระดับห้าม จยย.-รถเข็น จากกัมพูชาเข้าไทย

สระแก้ว 23 มิ.ย.-ตอบโต้ทันควัน! ไทยสั่งห้ามรถเข็น-จยย.เขมร เข้ามาเด็ดขาด บรรยากาศด่านคลองลึกตึงเครียด เจรจาระดับเจ้าหน้าที่ หลังกัมพูชางดนำเข้าน้ำมันไทย เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงาน บรรยากาศบริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ก่อนการเปิดด่านฝั่งกัมพูชา ในเวลา 09.00 น. ว่า มีตึงเครียดผิดปกติ โดยปกติจะมีแรงงานกัมพูชาจำนวนมากขี่รถจักรยานยนต์ รถพ่วงข้าง และรถชาลี มารอข้ามแดนเข้ามาทำงานในตลาดโรงเกลือ แต่เช้าวันนี้ภาพดังกล่าวหายไปอย่างสิ้นเชิง หลังทางฝั่งไทย “ยกระดับตอบโต้” ต่อมาตรการของกัมพูชาที่ประกาศงดรับน้ำมันและก๊าซจากไทย กองกำลังบูรพา ได้กำหนดมาตรการควบคุมพื้นที่เพิ่มเติม เพื่อรักษาความปลอดภัยสูงสุดบริเวณพื้นที่ชายแดน และการป้องกันลักลอบกระทำผิดกฎหมายต่างๆ โดยไม่อนุญาตให้รถเข็นคนเดิน (ตั้งแต่ 2 ล้อขั้นไป), รถจักรยานยนต์ที่ติดแผ่นป้ายทะเบียนราชอาณาจักรกัมพูชา และรถจักรยานยนต์ ดัดแปลงทุกประเภท ของกัมพูชา เข้ามาในราชอาณาจักรไทย บริเวณ จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก, จุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา บ้านหนองเอี๋ยน-สตึงบท, จุดผ่านแดนถาวรบ้านเขาดิน, จุดผ่อนปรนการค้าบ้านตาพระยา และจุดผ่อนปรนการค้าบ้านหนองปรือ โดยให้หน่วยที่รับผิดชอบ บังคับใช้มาตรการดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย. เวลา […]

ทหารกัมพูชาพาชาวบ้าน พระ-แม่ชี ขึ้นปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 23 มิ.ย.-มาแบบไหนอีก ทหารกัมพูชาพาชาวบ้าน พระสงฆ์ แม่ชีนับพัน ขึ้นปราสาทตาเมือนธม พร้อมทำพิธีกราบไหว้ หลังจากมีคณะปั่นจักรยานไทยเข้าทำกิจกรรมที่ปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ อย่างคึกคัก และมีชาวไทยจากหลายพื้นที่แห่เที่ยวให้กำลังใจทหารแนวหน้า หลังมีข่าวทั้ง 2 ฝ่ายประกาศปิดด่านเพิ่ม ขณะที่ฝั่งกัมพูชา ก็ตอบโต้ฝ่ายไทยอย่างไม่ลดละ มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะเมื่อวานนี้ (22 มิ.ย.68) ตลอดทั้งวัน มีชาวบ้าน พระสงฆ์ และแม่ชี นับพันคนขึ้นมาเที่ยวบนตัวปราสาทตาเมือนธม พร้อมทำพิธีกราบไหว้ ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารไทยต้องคุมเข้มอย่างหนัก เพื่อไม่ให้ทำผิดเงื่อนไข ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในช่วงบ่ายวันนี้ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมคณะ เตรียมลงพื้นที่ให้กำลังใจกำลังพล และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดด้วย.-715.-สำนักข่าวไทย

รัฐบาลสั่งจับกุมอุปกรณ์เสพติดรูปแบบใหม่ วางขายโจ๋งครึ่ม

ทำเนียบ 23 มิ.ย.-รัฐบาลสั่งจับกุมอุปกรณ์เสพติดรูปแบบใหม่ ล่อใจเยาวชน ทำคล้ายยาดม ลูกอม วางขายโจ๋งครึ่ม ในแพลตฟอร์มออนไลน์ เตือนผู้ปกครองเข้าถึงเยาวชนง่าย อันรายถึงชีวิต นายอนกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลได้สั่งการ ในการจับกุมยาเสพติดและสารเสพติดในรูปแบบต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งตำรวจไซเบอร์และส่วนราชการอื่นๆ ให้ดำเนินการจับกุมและปราบปรามให้เข้มข้นขึ้น โดยสถานการณ์และสถิติการใช้ยาเสพติดในไทย ปี 2568 แม้ภาครัฐจะดำเนินมาตรการปราบปรามและสกัดกั้นการลักลอบนำเข้าและจำหน่าย รวมถึงบำบัดผู้ติดยาเสพอย่างต่อเนื่อง แต่ปัญหายาเสพติดในประเทศไทยยังคงเป็นภัยเงียบที่สร้างปัญหาและทำลายเศรษฐกิจและประชาชน โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนและวัยแรงงาน ซึ่งเป็นกำลังสำคัญของประเทศ นายอนุกูล กล่าวว่า จากข้อมูลผลการติดตาม เฝ้าระวังผลิตภัณฑ์อันตรายต่อสุขภาพของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขณะนี้พบสารเสพติดพันธุ์ใหม่ กลายพันธุ์แปลงร่าง ปรับรูปแบบหน้าตาผลิตภัณฑ์ให้สวยงามน่ารักมากขึ้น โดยผลิตเลียนแบบลูกอม ปรุงรสชาติผลไม้ และออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้มีความสวยงามสดใส มีดีไซน์คล้ายกล่องขนม ดูยากขึ้น จนแยกไม่ออกว่าเป็นผลิตภัณฑ์เสพติด หรือกล่องขนม ซึ่งมีทั้งผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าจากต่างประเทศและผลิตในไทย โดยวางจำหน่ายอย่างเปิดเผยในแพลตฟอร์มออนไลน์ ราคาเริ่มต้นเพียงหลักร้อยบาทเท่านั้น สำหรับผลิตภัณฑ์อันตรายที่พบมีดังนี้1.บุหรี่ไฟฟ้าพันธุ์ใหม่ GEN 6ปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ผลิตภัณฑ์ให้ดูเหมือนยาดมแท่งจนแยกไม่ออก มีการโฆษณาว่าคล้ายยาดม แต่มีส่วนผสมเป็นนิโคติน 3-5% โดยรู้จักในชื่อ พอดจมูก พอดยาดม สูบได้ทั้งทางจมูกและทางปาก […]

ชายถูกตีหัวทิ้งศพริมถนน พบก่อนตายโพสต์ภาพหลักฐานสำคัญ

สมุทรสาคร 22 มิ.ย.- พบศพชายถูกตีศีรษะเสียชีวิตริมถนน สืบหาเบาะแสจากโซเชียลเจอหลักฐานสำคัญ ตำรวจเร่งล่าตัวผู้ก่อเหตุ ผู้เสียชีวิตทราบชื่อคือนายอ้วน อายุ 33 ปี สภาพถูกของแข็งตีที่ศีรษะเป็นแผลฉกรรจ์ ถูกทิ้งร่างไว้ริมถนนแคราย หมู่ 5 ต.แคราย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ข้างศพมีขวดเบียร์ตกอยู่ และฝั่งตรงข้ามมีรถจักรยานยนต์ จอดอยู่หน้าร้านโชห่วยใกล้จุดพบศพ คาดว่าเป็นของผู้เสียชีวิต โดยก่อนหน้านี้มีพลเมืองดีขับรถส่งน้ำแข็งผ่านมาพบร่าง จึงโทรแจ้งตำรวจ สภ.กระทุ่มแบนให้มาตรวจสอบ ช่วงตีสี่วันนี้   ตำรวจสังเกตเสื้อที่ผู้เสียชีวิตสวมใส่มีคำสกรีนเป็นชื่อเฟซบุ๊ก จึงเข้าไปตรวจสอบ พบว่าประมาณตีหนึ่ง ผู้เสียชีวิตสวมเสื้อตัวเดียวกัน และโพสต์ภาพคู่กอดคอกับชายคนหนึ่ง ระบุข้อความว่า “จบสะทีนะปัญหาหมู่บ้าน” และที่น่าสังเกตคือวิวในรูปเป็นริมถนนและมีขวดเบียร์ที่พบข้างศพตั้งอยู่ด้านหน้าด้วย และในโพสต์ มีคนมาแสดงความคิดเห็น ข้อความสำคัญว่า “ใครเป็นญาติครับติดต่อผมหน่อย เค้าโดนตี” เรื่องนี้ตำรวจจะเร่งตรวจสอบวงจรปิด คาดว่าจะติดตามตัวผู้ก่อเหตุได้เร็ววันนี้ .-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ชะตากรรมชาวตลาดโรงเกลือ หลังปิดด่านคลองลึก

สระแก้ว 25 มิ.ย. – เสียงสะท้อนจากพ่อค้าแม่ค้าในตลาดโรงเกลือ หลังปิดด่านพรมแดนคลองลึก จากที่ต้องดิ้นรนค้าขายในยุคเศรษฐกิจย่ำแย่อยู่แล้ว ยิ่งย่ำแย่ลงกว่าเดิม.-สำนักข่าวไทย

EOD ทำลายระเบิดซุก จยย.จอดทิ้งหน้าอาคารสนามบินภูเก็ต

ภูเก็ต 25 มิ.ย. – ตำรวจชุด EOD ตรวจสอบรถจักรยานยนต์ต้องสงสัยซุกระเบิด จอดทิ้งหน้าอาคารผู้โดยสารสนามบินภูเก็ต ล่าสุดยิงทำลายวัตถุระเบิดได้แล้ว อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ ยืนยันมีลูกเดียว ไม่มีผู้บาดเจ็บ-เสียชีวิต .-สำนักข่าวไทย

นายกฯ ย้ำแผนช่วยเหลือคนไทยออกจากอิสราเอล-อิหร่าน

กรุงเทพฯ 25 มิ.ย.- นายกฯ ย้ำแผนช่วยเหลือ-อำนวยความสะดวกคนไทยต้องการออกจากอิสราเอลและอิหร่าน เผยล่าสุดมี 73 คน ประสงค์จะเดินทางออกจากอิหร่าน และ 18 คนจากอิสราเอลต้องการกลับไทย ขอคนที่อยู่ต่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุรัฐบาลได้เตรียมการดูแลพี่น้องคนไทยทั้งในอิสราเอลและอิหร่าน ในกรณีที่ต้องการเดินทางกลับไทย เนื่องจากสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง โดยกระทรวงการต่างประเทศได้วางแผนช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกให้คนไทยที่ต้องการออกจากอิสราเอลและอิหร่านโดยรวดเร็วและปลอดภัยค่ะ ในอิหร่าน มีคนไทยรวมประมาณ 300 คน ส่วนใหญ่เป็นแรงงานและนักศึกษา ซึ่งสถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ช่วยเหลือให้ไปพำนักชั่วคราวที่ศูนย์พักพิงที่เมือง Amol ในอิหร่านแล้ว 35 คน และอีก 4 คนไปที่ศูนย์พักพิงที่เมือง Van ในตุรกี นอกจากนั้น กระทรวงการต่างประเทศกำลังเร่งประสานงานให้คนไทย 73 คนที่ประสงค์จะเดินทางออกจากอิหร่าน โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะหารือกับฝ่ายอิหร่าน เพื่อให้เร่งออก exit visa ให้ ในส่วนของอิสราเอล มีคนไทยอยู่ประมาณ 40,000 คน เกือบทั้งหมดเป็นแรงงาน สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ติดตามสอบถามความเป็นอยู่อย่างใกล้ชิด รวมทั้งไปเยี่ยมเยียนด้วย ซึ่งในชั้นนี้ […]

นายกฯ เปิดประชุมนานาชาติหน่วยยามฝั่งอาเซียน ไร้ตัวแทนกัมพูชาร่วม

พัทยา 25 มิ.ย.-ไร้เงาตัวแทนกัมพูชา นายกฯ เปิดการประชุมนานาชาติหน่วยยามฝั่งอาเซียน ชมสาธิตวิธีการช่วยอากาศยานประสบภัยในทะเล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธี และกล่าวเปิดการประชุมนานาชาติหน่วยยามฝั่งอาเชียน (ASEAN Coast Guard Forum 2025: ACF 2025) และการฝึกค้นหา และช่วยเหลืออากาศยานประสบภัยในทะเล และการแพทย์ฉุกเฉินในทะเล ที่ประเทศไทยได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดประชุม ระหว่างวันที่ 24-27 มิถุนายน 2568 เพื่อส่งเสริมความปลอดภัย มั่นคง มั่งคั่ง ในอาเซียน ณ โรงแรมฮิลตัน พัทยา อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี โดยมีพลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือให้การต้อนรับ โดยนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวต้อนรับผู้แทนจากประเทศสมาชิกอาเซียน ประเทศผู้สังเกตการณ์ และพันธมิตรสำคัญที่เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้สู่เมืองพัทยา และแสดงความยินดีที่ได้มีโอกาสเข้าร่วมในพิธีเปิดเวทีความร่วมมืออันสำคัญของภูมิภาค ซึ่งเป็นเวทีที่หน่วยรักษาความปลอดภัยชายฝั่ง หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายทางทะเล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของประเทศสมาชิกอาเซียน ได้มาพบปะ แลกเปลี่ยนมุมมอง และเสริมสร้างความร่วมมือเพื่อยกระดับความมั่นคงทางทะเลร่วมกัน นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงความสำคัญของความมั่นคง และความปลอดภัยทางทะเล ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อภูมิภาค เนื่องจากท้องทะเลไม่เพียงเป็นเส้นทางการค้าสำคัญ […]