กรุงเทพฯ 30 ม.ค.- หนึ่งโครงการของกรมการข้าวที่ “พี่ศรี” ใช้เป็นประเด็นในการตบทรัพย์อธิบดีข้าวคือ โครงการสนับสนุนลดต้นทุนการผลิตด้านการเกษตรสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว กว่า 1.5 หมื่นล้านบาท แม้เคยถูกตั้งข้อสงสัยถึงความคุ้มค่าในการใช้งบประมาณ แต่ที่สุด ครม. เปลี่ยนแปลงไปเป็นโครงการจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนา “ไร่ละพัน” กรมข้าวจึงไม่ได้บริหารงบก้อนนี้เอง เป็นที่มาของความมั่นใจของ “อธิบดีโจ” ในการต่อสู้เมื่อถูกข่มขู่รีดไถ
หนังสือด่วนที่สุด จากกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2565 ลงนามโดยนายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน ทำถึงนายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว เรื่อง สรุปผลการประชุมหารือโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2565/66 ใจความสำคัญของหนังสือคือ ให้กรมการข้าวสั่งจ่ายเช็คจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2566 โครงการสนับสนุนลดต้นทุนการผลิตด้านการเกษตร สำหรับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว 15,255 ล้านบาท ให้ ธ.ก.ส. ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2565 ที่เห็นชอบในหลักการโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2565/66 ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยธ.ก.ส. มีแผนจ่ายเงินเข้าบัญชีเกษตรกรในวันที่ 24 พฤศจิกายน 2565
มติ ครม. ดังกล่าว เป็นการเปลี่ยนแปลงการใช้งบประมาณ จากเดิมกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมการข้าวเสนอโครงการสนับสนุนลดต้นทุนการผลิตด้านการเกษตรสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวซึ่งระบุวัตถุประสงค์ของโครงการในการสนับสนุนงบประมาณไปยังศูนย์ข้าวชุมชน 5,000 ศูนย์ทั่วประเทศซึ่งพิจารณาตามพื้นที่ทำนาปลูกข้าวในเขตการให้บริการของศูนย์ข้าวชุมชน โดยพื้นที่ให้บริการต่ำกว่า 2,000 ไร่ สนับสนุน 1 ล้านบาท พื้นที่ให้บริการมากกว่า 2,000 ไร่ สนับสนุน 2 ล้านบาท พื้นที่ให้บริการมากกว่า 4,000 ไร่ สนับสนุน 3 ล้านบาท และพื้นที่ให้บริการมากกว่า 6,000 ไร่ สนับสนุน 4 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าจัดซื้อเครื่องจักรกลการเกษตรและค่าซ่อมแซมเครื่องจักรกลการเกษตร แต่ถูกหลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับความคุ้มค่าการใช้งบประมาณในโครงการนี้ เหตุเพราะเชื่อว่า จำนวนศูนย์ข้าวชุมชนที่มีความเข้มแข็งที่จะบริหารจัดการครุภัณฑ์ทางการเกษตรให้เกิดประโยชน์ตามเป้าหมายมีไม่ถึงครึ่งของ 5,000 แห่ง
ดังนั้น ครม. จึงมีมติให้กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายในดำเนินโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2565/66 แทนเพื่อสมทบเงินช่วยเหลือชาวนาที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตรในอัตราไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 20 ไร่ หรือครัวเรือนละไม่เกิน 20,000 บาท หรือที่รู้จักในชื่อ “โครงการไร่ละพัน” โดยให้ขอรับจัดสรรงบประมาณ 39,858.086 ล้านบาทและงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ของกรมการข้าว รายการเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายตามโครงการสนับสนุนลดต้นทุนการผลิตด้านการเกษตร สำหรับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว 15,225 ล้านบาท
ต่อมาอธิบดีกรมการข้าวจึงสั่งจ่ายเช็คให้แก่ ธ.ก.ส. เพื่อจ่ายเงินเข้าบัญชีชาวนาโดยตรงเพื่อให้เป็นไปตามมติ ครม. โดยไม่ได้บริหารงบประมาณส่วนนี้แต่อย่างใด
เมื่อถูกนายศรีสุวรรณ จรรยากับพวกข่มขู่ว่า จะร้องเรียนในโครงการดังกล่าว จึงมั่นใจว่า ไม่ได้กระทำผิด อีกทั้งผลตรวจสอบข้อเท็จจริงของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์พบว่า ไม่มีมูลการกระทำความผิด จึงเป็นที่มาของการสู้กลับ ด้วยการแจ้งความดำเนินคดี จนเจ้าหน้าที่ซ้อนแผนจับกุมแก๊งตบทรัพย์ได้ในที่สุด
ส่วนอีกโครงการหนึ่งที่ “ศรีสุวรรณ” โพสต์เฟซบุ๊กว่า จะร้องเรียนคือ โครงการส่งเสริมการเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์ข้าวปีงบประมาณ 2566 กรอบวงเงินงบประมาณ 1,001 ล้านบาท มีเป้าหมายส่งเสริมให้ชาวนาสามารถเข้าถึงและได้ใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดีจากกรมการข้าวทั่วประเทศ โดยเกษตรกร สามารถเข้าร่วมโครงการได้ผ่านกลุ่มเกษตร และสถาบันเกษตรกร เช่น ศูนย์ข้าวชมชนในพื้นที่ของแต่ละจังหวัด ในราคาตามหลักเกณฑ์ของกรมการข้าวที่ได้กำหนดไว้ เพื่อให้ชาวนาได้มีเมล็ดพันธุ์ข้าวที่ดีสำหรับการเพาะปลูก กรมการข้าวมีแผนการดำเนินงานต่อเนื่องอย่างน้อย 3 ปี โดยมีการร้องเรียนว่า มีการเบิกจ่ายเมล็ดพันธุ์เกินสิทธิกว่าที่เกษตรกรจะได้รับ ผู้ที่คุณสมบัติไม่ตรงได้เข้าร่วมโครงการ อีกทั้งมีเกษตรกรที่มีชื่อรับเมล็ดพันธุ์ แต่กลับไม่ได้รับซึ่งกรมการข้าวตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง
สำหรับโครงการส่งเสริมการลดต้นทุนการผลิตข้าวรักษ์โลก BCG Model ปีงบประมาณ 2566 กรอบวงเงินงบประมาณ 874 ล้านบาท มีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงกระบวนการเพาะปลูกข้าว เน้นการทำนาแบบประณีต คือ การใช้ระบบชีวมวล ชีวภาพ และจุลินทรีย์ที่ลด ละ เลิก การใช้สารเคมี ส่งเสริมการทำนาแบบยั่งยืน สร้างความเข้มแข็งให้กลุ่มเกษตรกร โดยงบประมาณเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดหาปัจจัยการผลิตและเครื่องจักรกลการเกษตร ตามแผนความต้องการของศูนย์ข้าวชุมชน 292 ศูนย์ ในพื้นที่ 74 จังหวัด เป้าหมายพื้นที่ดำเนินการ 58,400 ไร่ และพื้นที่ให้บริการ 60 ล้านไร่ ในพื้นที่ 74 จังหวัด โครงการนี้ถูกร้องเรียนว่า อธิบดีกรมการข้าวแสวงหาผลประโยชน์โดยให้ศูนย์ข้าวชุมชนต้องซื้อเครื่องจักรตามที่อธิบดีกำหนด อธิบดีกรมการข้าวระบุว่า ถูกแอบอ้างชื่อ เตือนไปยังประธานศูนย์ข้าวชุมชนว่า อย่าหลงเชื่อและให้เลือกซื้อเครื่องมือโดยคำนึงถึงคุณภาพและประสิทธิภาพเป็นหลัก
อีกโครงการหนึ่งคือ โครงการปรับปรุงการผลิตและกระจายเมล็ดพันธุ์ข้าว ปีงบประมาณ ปี 2566 กรอบวงเงินงบประมาณ 1,256 ล้าน มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเพิ่มศักยภาพในการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวชั้นพันธุ์คัดและเมล็ดพันธุ์ข้าวชั้นพันธุ์หลัก ให้มีเมล็ดพันธุ์ที่บริสุทธิ์เพิ่มมากขึ้น และสามารถมีปริมาณเพียงพอในการนำไปผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวชั้นพันธุ์ขยายและเมล็ดพันธุ์ข้าวชั้นพันธุ์จำหน่าย ที่กำลังขยายกำลังการผลิต เพื่อตอบสนองต่อความต้องการเมล็ดพันธุ์ของเกษตรกร ลดภาวะขาดแคลนเมล็ดพันธุ์ดี และให้สามารถสร้างความมั่นคงทางอาหารอย่างยั่งยืนต่อไป โดยดำเนินโครงการในศูนย์วิจัยข้าว 16 แห่งและสถาบันวิทยาศาสตร์ข้าวแห่งชาติ เพื่อจัดซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์ปรับปรุงชั้นพันธุ์คัด-ชั้นพันธุ์หลัก และอาคารโรงคลุมได้แก่ เครื่องทำความสะอาดขั้นต้น (Pre cleaner) เครื่องคัดเมล็ดพันธุ์แบบใช้ตะแกรงและลม (Air screen cleaner) เครื่องคัดเมล็ดพันธุ์ตามความถ่วงจำเพาะ (Gravity separator) และชุดเครื่องชั่งบรรจุ เป็นต้น พร้อมระบบจัดเรียงแบบอัตโนมัติ จำนวน 31 รายการ เป็นงบประมาณ 1,256 ล้านบาท ที่ยังไม่พบการร้องเรียน โดยอธิบดีกรมการข้าวระบุว่า ดำเนินการอย่างถูกต้องตามขั้นตอนโดยได้มีคณะกรรมการคุณธรรมซึ่งเป็นบุคคลภายนอกเข้ามาร่วมตรวจสอบทุกขั้นตอน ตั้งแต่การจัดทำ TOR (การกำหนดคุณลักษณะและเงื่อนไข) จนถึงขั้นตอนการตรวจรับให้เป็นไปตามระเบียบ โปร่งใส เที่ยงธรรม นอกจากนี้ยังได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงคุณธรรมร่วมกับองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ด้วย
นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าวหรือ หรือ “อธิบดีโจ” เคยชี้แจงถึงเรื่องร้องเรียนที่เกิดขึ้นหลายครั้งว่า เกิดจากผู้เสียผลประโยชน์ พยายามสร้างเรื่องโจมตีให้ร้ายเนื่องจากนับตั้งแต่รับตำแหน่งอธิบดีเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2565 ตั้งใจแน่วแน่ที่จะบริหารจัดการงานภายในกรมการข้าวอย่างตรงไปตรงมาและต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันภายในกรมการข้าว โดยตรวจสอบพบการทุจริตการซื้อขายเมล็ดพันธุ์ของศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวและศูนย์วิจัยข้าว การทุจริตในโครงการจัดซื้อเครื่องทำความสะอาดเมล็ดพันธุ์ข้าว 200 ชุด ภายใต้โครงการระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ ปี 2563 ซึ่งตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรงกับเจ้าหน้าที่ผู้ที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งยังได้พบว่า มีการทุจริตยักยอกเงินค่ารักษาพยาบาลและค่าเล่าเรียนบุตรหลายแห่ง ตั้งแต่ปี 2557 มีมูลค่าความเสียหายกว่า 20 ล้านบาท
พร้อมย้ำว่า มีความมุ่งหวังที่จะสร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกร โดยให้ได้รับเครื่องจักรเครื่องมือที่ดีมีคุณภาพ ใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวที่ดีในการเพาะปลูก ลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มผลผลิต โดยจะไม่ยอมให้มีการทุจริตในโครงการใดของกรมการข้าว หากพบจะดำเนินการตามกฏหมายอย่างเด็ดขาด .– 512 – สำนักข่าวไทย