เปิดเอกสารเปลี่ยนแปลงงบ 1.5 หมื่นล้าน โครงการกรมข้าว

กรุงเทพฯ 30 ม.ค.- หนึ่งโครงการของกรมการข้าวที่ “พี่ศรี” ใช้เป็นประเด็นในการตบทรัพย์อธิบดีข้าวคือ โครงการสนับสนุนลดต้นทุนการผลิตด้านการเกษตรสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว กว่า 1.5 หมื่นล้านบาท แม้เคยถูกตั้งข้อสงสัยถึงความคุ้มค่าในการใช้งบประมาณ แต่ที่สุด ครม. เปลี่ยนแปลงไปเป็นโครงการจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนา “ไร่ละพัน” กรมข้าวจึงไม่ได้บริหารงบก้อนนี้เอง เป็นที่มาของความมั่นใจของ “อธิบดีโจ” ในการต่อสู้เมื่อถูกข่มขู่รีดไถ


หนังสือด่วนที่สุด จากกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2565 ลงนามโดยนายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน ทำถึงนายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว เรื่อง สรุปผลการประชุมหารือโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2565/66 ใจความสำคัญของหนังสือคือ ให้กรมการข้าวสั่งจ่ายเช็คจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2566 โครงการสนับสนุนลดต้นทุนการผลิตด้านการเกษตร สำหรับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว 15,255 ล้านบาท ให้ ธ.ก.ส. ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2565 ที่เห็นชอบในหลักการโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2565/66 ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยธ.ก.ส. มีแผนจ่ายเงินเข้าบัญชีเกษตรกรในวันที่ 24 พฤศจิกายน 2565

มติ ครม. ดังกล่าว เป็นการเปลี่ยนแปลงการใช้งบประมาณ จากเดิมกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมการข้าวเสนอโครงการสนับสนุนลดต้นทุนการผลิตด้านการเกษตรสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวซึ่งระบุวัตถุประสงค์ของโครงการในการสนับสนุนงบประมาณไปยังศูนย์ข้าวชุมชน 5,000 ศูนย์ทั่วประเทศซึ่งพิจารณาตามพื้นที่ทำนาปลูกข้าวในเขตการให้บริการของศูนย์ข้าวชุมชน โดยพื้นที่ให้บริการต่ำกว่า 2,000 ไร่ สนับสนุน 1 ล้านบาท พื้นที่ให้บริการมากกว่า 2,000 ไร่ สนับสนุน 2 ล้านบาท พื้นที่ให้บริการมากกว่า 4,000 ไร่ สนับสนุน 3 ล้านบาท และพื้นที่ให้บริการมากกว่า 6,000 ไร่ สนับสนุน 4 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าจัดซื้อเครื่องจักรกลการเกษตรและค่าซ่อมแซมเครื่องจักรกลการเกษตร แต่ถูกหลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับความคุ้มค่าการใช้งบประมาณในโครงการนี้ เหตุเพราะเชื่อว่า จำนวนศูนย์ข้าวชุมชนที่มีความเข้มแข็งที่จะบริหารจัดการครุภัณฑ์ทางการเกษตรให้เกิดประโยชน์ตามเป้าหมายมีไม่ถึงครึ่งของ 5,000 แห่ง


ดังนั้น ครม. จึงมีมติให้กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายในดำเนินโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2565/66 แทนเพื่อสมทบเงินช่วยเหลือชาวนาที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตรในอัตราไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 20 ไร่ หรือครัวเรือนละไม่เกิน 20,000 บาท หรือที่รู้จักในชื่อ “โครงการไร่ละพัน” โดยให้ขอรับจัดสรรงบประมาณ 39,858.086 ล้านบาทและงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ของกรมการข้าว รายการเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายตามโครงการสนับสนุนลดต้นทุนการผลิตด้านการเกษตร สำหรับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว 15,225 ล้านบาท

ต่อมาอธิบดีกรมการข้าวจึงสั่งจ่ายเช็คให้แก่ ธ.ก.ส. เพื่อจ่ายเงินเข้าบัญชีชาวนาโดยตรงเพื่อให้เป็นไปตามมติ ครม. โดยไม่ได้บริหารงบประมาณส่วนนี้แต่อย่างใด

เมื่อถูกนายศรีสุวรรณ จรรยากับพวกข่มขู่ว่า จะร้องเรียนในโครงการดังกล่าว จึงมั่นใจว่า ไม่ได้กระทำผิด อีกทั้งผลตรวจสอบข้อเท็จจริงของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์พบว่า ไม่มีมูลการกระทำความผิด จึงเป็นที่มาของการสู้กลับ ด้วยการแจ้งความดำเนินคดี จนเจ้าหน้าที่ซ้อนแผนจับกุมแก๊งตบทรัพย์ได้ในที่สุด


ส่วนอีกโครงการหนึ่งที่ “ศรีสุวรรณ” โพสต์เฟซบุ๊กว่า จะร้องเรียนคือ โครงการส่งเสริมการเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์ข้าวปีงบประมาณ 2566 กรอบวงเงินงบประมาณ 1,001 ล้านบาท มีเป้าหมายส่งเสริมให้ชาวนาสามารถเข้าถึงและได้ใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดีจากกรมการข้าวทั่วประเทศ โดยเกษตรกร สามารถเข้าร่วมโครงการได้ผ่านกลุ่มเกษตร และสถาบันเกษตรกร เช่น ศูนย์ข้าวชมชนในพื้นที่ของแต่ละจังหวัด ในราคาตามหลักเกณฑ์ของกรมการข้าวที่ได้กำหนดไว้ เพื่อให้ชาวนาได้มีเมล็ดพันธุ์ข้าวที่ดีสำหรับการเพาะปลูก กรมการข้าวมีแผนการดำเนินงานต่อเนื่องอย่างน้อย 3 ปี โดยมีการร้องเรียนว่า มีการเบิกจ่ายเมล็ดพันธุ์เกินสิทธิกว่าที่เกษตรกรจะได้รับ ผู้ที่คุณสมบัติไม่ตรงได้เข้าร่วมโครงการ อีกทั้งมีเกษตรกรที่มีชื่อรับเมล็ดพันธุ์ แต่กลับไม่ได้รับซึ่งกรมการข้าวตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง

สำหรับโครงการส่งเสริมการลดต้นทุนการผลิตข้าวรักษ์โลก BCG Model ปีงบประมาณ 2566 กรอบวงเงินงบประมาณ 874 ล้านบาท มีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงกระบวนการเพาะปลูกข้าว เน้นการทำนาแบบประณีต คือ การใช้ระบบชีวมวล ชีวภาพ และจุลินทรีย์ที่ลด ละ เลิก การใช้สารเคมี ส่งเสริมการทำนาแบบยั่งยืน สร้างความเข้มแข็งให้กลุ่มเกษตรกร โดยงบประมาณเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดหาปัจจัยการผลิตและเครื่องจักรกลการเกษตร ตามแผนความต้องการของศูนย์ข้าวชุมชน 292 ศูนย์ ในพื้นที่  74 จังหวัด เป้าหมายพื้นที่ดำเนินการ 58,400 ไร่ และพื้นที่ให้บริการ 60 ล้านไร่ ในพื้นที่  74 จังหวัด โครงการนี้ถูกร้องเรียนว่า อธิบดีกรมการข้าวแสวงหาผลประโยชน์โดยให้ศูนย์ข้าวชุมชนต้องซื้อเครื่องจักรตามที่อธิบดีกำหนด อธิบดีกรมการข้าวระบุว่า ถูกแอบอ้างชื่อ เตือนไปยังประธานศูนย์ข้าวชุมชนว่า อย่าหลงเชื่อและให้เลือกซื้อเครื่องมือโดยคำนึงถึงคุณภาพและประสิทธิภาพเป็นหลัก

อีกโครงการหนึ่งคือ โครงการปรับปรุงการผลิตและกระจายเมล็ดพันธุ์ข้าว ปีงบประมาณ ปี 2566 กรอบวงเงินงบประมาณ 1,256 ล้าน มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเพิ่มศักยภาพในการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวชั้นพันธุ์คัดและเมล็ดพันธุ์ข้าวชั้นพันธุ์หลัก ให้มีเมล็ดพันธุ์ที่บริสุทธิ์เพิ่มมากขึ้น และสามารถมีปริมาณเพียงพอในการนำไปผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวชั้นพันธุ์ขยายและเมล็ดพันธุ์ข้าวชั้นพันธุ์จำหน่าย ที่กำลังขยายกำลังการผลิต เพื่อตอบสนองต่อความต้องการเมล็ดพันธุ์ของเกษตรกร ลดภาวะขาดแคลนเมล็ดพันธุ์ดี และให้สามารถสร้างความมั่นคงทางอาหารอย่างยั่งยืนต่อไป โดยดำเนินโครงการในศูนย์วิจัยข้าว 16 แห่งและสถาบันวิทยาศาสตร์ข้าวแห่งชาติ เพื่อจัดซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์ปรับปรุงชั้นพันธุ์คัด-ชั้นพันธุ์หลัก และอาคารโรงคลุมได้แก่ เครื่องทำความสะอาดขั้นต้น (Pre cleaner) เครื่องคัดเมล็ดพันธุ์แบบใช้ตะแกรงและลม (Air screen cleaner) เครื่องคัดเมล็ดพันธุ์ตามความถ่วงจำเพาะ (Gravity separator) และชุดเครื่องชั่งบรรจุ เป็นต้น พร้อมระบบจัดเรียงแบบอัตโนมัติ จำนวน 31 รายการ เป็นงบประมาณ 1,256 ล้านบาท ที่ยังไม่พบการร้องเรียน โดยอธิบดีกรมการข้าวระบุว่า ดำเนินการอย่างถูกต้องตามขั้นตอนโดยได้มีคณะกรรมการคุณธรรมซึ่งเป็นบุคคลภายนอกเข้ามาร่วมตรวจสอบทุกขั้นตอน ตั้งแต่การจัดทำ TOR (การกำหนดคุณลักษณะและเงื่อนไข) จนถึงขั้นตอนการตรวจรับให้เป็นไปตามระเบียบ โปร่งใส เที่ยงธรรม นอกจากนี้ยังได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงคุณธรรมร่วมกับองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ด้วย

นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าวหรือ หรือ “อธิบดีโจ” เคยชี้แจงถึงเรื่องร้องเรียนที่เกิดขึ้นหลายครั้งว่า เกิดจากผู้เสียผลประโยชน์ พยายามสร้างเรื่องโจมตีให้ร้ายเนื่องจากนับตั้งแต่รับตำแหน่งอธิบดีเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2565 ตั้งใจแน่วแน่ที่จะบริหารจัดการงานภายในกรมการข้าวอย่างตรงไปตรงมาและต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันภายในกรมการข้าว โดยตรวจสอบพบการทุจริตการซื้อขายเมล็ดพันธุ์ของศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวและศูนย์วิจัยข้าว การทุจริตในโครงการจัดซื้อเครื่องทำความสะอาดเมล็ดพันธุ์ข้าว 200 ชุด ภายใต้โครงการระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ ปี 2563 ซึ่งตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรงกับเจ้าหน้าที่ผู้ที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งยังได้พบว่า มีการทุจริตยักยอกเงินค่ารักษาพยาบาลและค่าเล่าเรียนบุตรหลายแห่ง ตั้งแต่ปี 2557 มีมูลค่าความเสียหายกว่า 20 ล้านบาท

พร้อมย้ำว่า มีความมุ่งหวังที่จะสร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกร โดยให้ได้รับเครื่องจักรเครื่องมือที่ดีมีคุณภาพ ใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวที่ดีในการเพาะปลูก ลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มผลผลิต โดยจะไม่ยอมให้มีการทุจริตในโครงการใดของกรมการข้าว หากพบจะดำเนินการตามกฏหมายอย่างเด็ดขาด .– 512 – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ปลัด ศธ. แจง “รมว.นฤมล” ลงใต้ ไม่เน้นพิธีรีตอง

กทม. 21 ก.ค.-ปลัด ศธ. แจงภารกิจแรก “รมว.นฤมล” ลงใต้ ไม่เน้นพิธีรีตอง กำชับ “ครู-นักเรียน” วันหยุดใส่ไปรเวทได้ ไม่ต้องแต่งชุดเต็มยศมารอต้อนรับ ขอลงพื้นที่ไม่ให้ใครลำบาก จากกรณี ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการลงพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชและจังหวัดสุราษฎร์ธานี ระหว่างวันที่ 18-20 กรกฎาคม ที่ผ่านมา มีการแต่งกายใส่กางเกงยีนส์ขาด รองเท้าผ้าใบ พบปะบุคลากรการศึกษา ครูและนักเรียน ที่มารอต้อนรับ เป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโซเชียล การแต่งกายไม่เหมาะสมกับบทบาทของผู้บริหารระดับสูงในกระทรวงศึกษาธิการ และไม่สอดคล้องกับมาตรฐานการแต่งกายของข้าราชการโดยทั่วไป นายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวถึงกระแสวิจารณ์การแต่งกายของ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ การลงพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชและจังหวัดสุราษฎร์ธานีระหว่างวันที่ 18 – 20 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ว่า ถือเป็นการลงพื้นที่ครั้งแรกตั้งแต่ ศ.ดร.นฤมล มารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ทำให้ยังไม่ได้มีการพูดคุยและทำความเข้าใจในเรื่องการแต่งกายของคณะครูและนักเรียนที่มาร่วมกิจกรรมในวันหยุดราชการ ซึ่งส่วนใหญ่จะมาด้วยชุดสุภาพ เพราะเห็นว่ามีผู้บริหารระดับสูง ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชามาร่วมลงพื้นที่ด้วย ศ.ดร.นฤมล ได้กำชับมาว่าการลงพื้นที่ในช่วงวันหยุดเสาร์ – อาทิตย์ ถือว่าไม่ได้เป็นวันทำงานปกติ […]

สึกแล้ว! “พระธรรมวชิรธีรคุณ” อดีตเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์

20 ก.ค.- สึกกลางดึก! “พระธรรมวชิรธีรคุณ” อดีตเจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์และอดีตเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ ลาสิกขาแล้วที่วัดนครสวรรค์ พระอารามหลวง นายบุญเชิด กิตติธรางกูร รอง ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เผยได้รับรายงานจาก ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครสวรรค์ ว่า “พระธรรมวชิรธีรคุณ อดีตเจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์และอดีตเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ ลาสิกขาแล้ว ณ พระอุโบสถ วัดนครสวรรค์ พระอารามหลวง เวลา 23.49 น.” ขณะที่ก่อนหน้านี้ เลขานุการเจ้าคณะใหญ่หนเหนือ ได้แจ้งว่า “พระธรรมวชิรธีรคุณ” ขอลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดสวรรค์และเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ ตั้งแต่วันที่ 18 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป เนื่องจากมีปัญหาด้านสุขภาพ -สำนักข่าวไทย

Astronomer CEO caught by kiss cam in Coldplay concert

CEO ลาออกหลังถูกแฉกลางคอนเสิร์ต Coldplay

ซินซินแนติ 20 ก.ค. – บริษัทเทคโนโลยีในสหรัฐแจ้งเรื่องซีอีโอลาออกแล้ว หลังจากช่วงเวลาขณะกอดกับผู้บริหารของบริษัทที่ไม่ใช่ภรรยาถูกจับภาพไปปรากฏบนจอภาพกลางคอนเสิร์ตวงโคลด์เพลย์ (Coldplay) และกลายเป็นคลิปไวรัลทั่วโลก แอสโตรโนเมอร์ (Astronomer) ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีผู้ให้บริการข้อมูลองค์กรเผยแพร่แถลงการณ์ผ่านเอ็กซ์ ( X) ว่า บริษัทยึดมั่นในคุณค่าและวัฒนธรรมที่นำทางองค์กรมาตั้งแต่ก่อตั้ง ผู้นำบริษัทถูกคาดหวังว่าจะต้องสร้างมาตรฐานด้านจริยธรรมและความรับผิดชอบ แต่เมื่อไม่นานมานี้กลับไม่เป็นเช่นนั้น นายแอนดี บายรอน ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารหรือซีอีโอของบริษัท และคณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติให้ลาออกแล้ว แถลงการณ์ให้คำมั่นว่า บริษัทจะเดินหน้าทำในสิ่งที่ทำได้ดีที่สุด คือ การให้บริการแก้ปัญหาข้อมูลและเอไอ (AI) ให้แก่ลูกค้าต่อไป เรื่องราวอื้อฉาวนี้เกิดขึ้นในคอนเสิร์ตวง Coldplay ที่สนามยิลเลตต์สเตเดียม ในเมืองฟอกซ์โบโร รัฐแมสซาชูเสตต์เมื่อคืนวันที่ 16 กรกฎาคม เมื่อกล้องคิสแคม (kiss cam) ของคอนเสิร์ตจับภาพเจอชายหญิงคู่หนึ่งยืนกอดกันในโซนวีไอพี ซึ่งชายหญิงคู่นี้ไม่ใช่คู่รักธรรมดา แต่เป็นนายบายรอน ซีอีโอของแอสโตรโนเมอร์ และคริสติน คาบอต หัวหน้าฝ่ายพัฒนาทรัพยากรบุคคลหรือเอชอาร์ (HR) ของบริษัท เมื่อรู้ตัวว่าภาพถูกฉายขึ้นจอ ฝ่ายหญิงรีบเอามือปิดหน้าและหันหลังให้กล้อง ส่วนฝ่ายชายรีบนั่งลงให้พ้นจากมุมกล้อง ในจังหวะเดียวกันนั้น คริส มาร์ติน นักร้องนำของวง Coldplay ได้พูดแซวว่า […]

Hong Kong braves heavy rain and strong winds as typhoon Wipha approaches

ฮ่องกงเตือนภัย “ไต้ฝุ่นวิภา” ระดับสูงสุด

ฮ่องกง 20 ก.ค.- ฮ่องกงประกาศเตือนภัยระดับสูงสุดในวันนี้ เนื่องจากไต้ฝุ่นวิภา (Wipha) ที่มีความเร็วลมมากกว่า 167 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำให้เกิดฝนตกหนักและลมกระโชกแรงทั่วฮ่องกง และทำให้ต้องยกเลิกเที่ยวบินมากกว่า 200 เที่ยว สถานีอุตนิยมวิทยาของฮ่องกงยกระดับเตือนภัยพายุ จากหมายเลข 9 ที่ประกาศเมื่อเวลา 07.20 น.วันนี้ตามเวลาท้องถิ่น เร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง เป็นหมายเลข 10 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเมื่อเวลา 09.20 น. และคาดว่าจะคงระดับเตือนภัยสูงสุดไปอีกระยะหนึ่ง สถานีอุตุนิยมวิทยาฮ่องกงพยากรณ์ว่า ไต้ฝุ่นซึ่งมีกำลังลมแรงเท่ากับเฮอริเคนจะเคลื่อนตัวเฉียดสถานีฯ โดยห่างลงไปทางใต้ราว 50 กิโลเมตร และส่งผลกระทบกับพื้นที่ทางใต้ของฮ่องกง สายการบินคาเธ่ย์แปซิฟิคของฮ่องกงได้ยกเลิกเที่ยวบินขาเข้าและขาออกทั้งหมดตั้งแต่เวลา 05.00-18.00 น.วันนี้ ขณะที่บริการขนส่งมวลชนส่วนใหญ่ในฮ่องกง รวมถึงบริการเรือโดยสารข้ามฟากถูกระงับเพื่อความปลอดภัย.-814.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ศาลทหารชั้นฎีกา พิพากษารอลงอาญา 2 ปี จำเลยคดี “น้องเมย”

22 ก.ค. – 8 ปีที่รอคอย “คดีน้องเมย” นักเรียนเตรียมทหารปี 1 เสียชีวิต ศาลทหารชั้นฎีกา พิพากษาจำคุก 4 เดือน 16 วัน รอลงอาญา 2 ปี จำเลยไม่เคยได้รับโทษ ลงโทษไปไม่เป็นประโยชน์ ให้ปรับปรุงตัวรับราชการรับใช้ชาติต่อไปจะเป็นประโยชน์มากกว่า คดี “น้องเมย” นักเรียนเตรียมทหาร เสียชีวิตปริศนาเมื่อวันที่ 17 ต.ค. 2560 ขณะศึกษาอยู่ในโรงเรียนเตรียมทหาร ใบมรณบัตรระบุเพียงว่าเกิดจาก “ภาวะหัวใจล้มแล้วเฉียบพลัน” ขณะที่คนในครอบครัวตัญกาญจน์ ยืนยันว่าเป็นการเสียชีวิตที่ผิดปกติ จนนำมาสู่การส่งร่างผ่าพิสูจน์รอบ 2 ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม หลังผลการผ่าพิสูจน์ในรอบแรกของสถาบันพยาธิวิทยา โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า สร้างความคลางแคลงใจให้เป็นอย่างมาก กระทั่งผลการผ่าพิสูจน์รอบ 2 พบว่าสมอง ปอด และอวัยวะสำคัญหลายส่วนหายไป นอกจากนี้ยังพบรอยช้ำตามร่างกายหลายแห่ง ซึ่งจนถึงวันนี้ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจน แต่ทางครอบครัวยังคงเดินหน้าฟ้องร้องผู้ที่เกี่ยวข้องในหลายคดี ด้วยหวังที่จะเรียกร้องความยุติธรรมให้กับน้องเมย ด้านการดำเนินคดีอาญานั้นแบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ การดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดในช่วงแรก คือวันที่ 23 […]

“แพทองธาร” เปิดเวทีดินเนอร์พรรคร่วม เชื่อมีโอกาสกลับมารับใช้ ปชช.-สถาบัน

พญาไท 22 ก.ค.- “แพทองธาร” เปิดเวทีดินเนอร์พรรคร่วมรัฐบาล ขอบคุณตลอด 1 ปี หนุนในฐานะนายกฯ มั่นใจเอกภาพรัฐบาลผ่านพ้นทุกอย่างไปได้ บอกแม้ไม่ได้อยู่ในฐานะนายกฯ แต่ไม่เคยวางภาระสักวัน ยืนยันเจตนาบริสุทธิ์ เชื่อมีโอกาสกลับมารับใช้ประชาชน – สถาบัน พรรคร่วมรัฐบาลนัดรับประทานอาหารค่ำร่วมกัน โดยมีพรรคเพื่อไทย เป็นเจ้าภาพจัดงานภายใต้ชื่อ “สามัคคีประเทศไทย ปกป้องอธิปไตย แก้ปัญหาเพื่อประชาชน” ซึ่งมีทั้งรัฐมนตรี แกนนำพรรค สส.และข้าราชการการเมืองพรรคร่วมรัฐบาล เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง โดยมีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มาบรรยายพิเศษด้วย สำหรับบรรยากาศภายในห้องจัดเลี้ยง ได้มีการจัดโต๊ะอาหาร โดยแบ่งเป็นโต๊ะยาว หรือ Long Tableขนาดใหญ่สำหรับรัฐมนตรี นั่งร่วมกับบรรดาหัวหน้าและแกนนำระดับสูงพรรคร่วมรัฐบาล จำนวน 2 โต๊ะ ส่วนที่เหลือเป็นโต๊ะกลมสำหรับ สส.พรรคร่วมรัฐบาล โดยนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นั่งร่วมโต๊ะกับ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ,นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี […]

จ.น่าน เมืองหน้าด่าน พร้อมรับ “พายุวิภา”

น่าน 22 ก.ค. – พายุวิภาเริ่มอ่อนกำลังลง แต่เคลื่อนเข้าใกล้ไทยมากขึ้นเรื่อยๆ และเริ่มทำให้หลายพื้นที่ภาคเหนือมีฝนตกต่อเนื่อง โดยเฉพาะ จ.น่าน เป็นเหมือนด่านหน้ารับพายุวิภา ชาวบ้านเตรียมพร้อมรับมือ กลางเมืองน่าน ซึ่งฝนยังคงตกต่อเนื่องมาตั้งแต่ช่วงบ่ายจากฤทธิ์ของพายุวิภาที่เคลื่อนตัวมาใกล้เรื่อยๆ หลังขึ้นฝั่งเวียดนามและเคลื่อนตัวเข้าลาว ซึ่ง จ.น่าน อยู่ห่างจากเวียงจันทน์ ไม่ถึง 400 กิโลเมตร และรัศมีของพายุจะทำให้ฝนตกต่อเนื่องไปอีก 1-2 วัน ทำให้ชาวน่านต้องเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ขั้นสูงสุด ตอนนี้ตามบ้านเรือน อาคารร้านค้าในตัวเมืองน่าน เต็มไปด้วยแนวกระสอบทรายถูกวางไว้เพื่อกันน้ำท่วม ซึ่งหลายคนกังวลว่าจะเกิดน้ำท่วมใหญ่จากฝนที่ตกต่อเนื่อง ขณะที่ระดับน้ำน่านที่ไหลผ่านตัวเมืองน่าน ตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 4 เมตรกว่า ห่างจากจุดวิกฤติที่ 7 เมตร แต่ถ้ารวมพนังกั้นน้ำจะกันน้ำได้สูงสุด 8 เมตร 50 เซนติเมตร นายชัยนรงค์ วงศ์ใหญ่ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ลงพื้นที่ตรวจจุดเสี่ยงที่น้ำจะทะลักเข้ามา พร้อมบอกว่าตอนนี้ต้องเฝ้าระวังสถานการณ์ เนื่องจากพายุวิภาทำให้ฝนตกครอบคลุมทั้ง 15 อำเภอ โดยเฉพาะ อ.ท่าวังผา ที่คาดว่าจะเป็นศูนย์กลาง คาดว่าฝนจะตกต่อเนื่อง โดยจุดพีคน่าจะอยู่ช่วงคืนวันที่ 23 กรกฎาคมนี้ […]

ดินเนอร์พรรคร่วมรัฐบาลเริ่มแล้ว “ทักษิณ” จ่อบรรยายพิเศษ

พญาไท 22 ก.ค.- เริ่มแล้ว ดินเนอร์พรรคร่วมรัฐบาล “ทักษิณ” ร่วมวง เตรียมบรรยายพิเศษ เผยมาคุยเรื่องการเมือง ขณะแกนนำพรรคร่วมมางานพร้อมเพรียง พรรคร่วมรัฐบาลจัดงานเลี้ยงรับประทานอาหารค่ำ ที่โรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท เพื่อกระชับความสัมพันธ์ หลังปรับคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ภายหลังพรรคภูมิใจไทย ถอนตัวออกจากพรรคร่วมรัฐบาล และเปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งพบปัญหาเรื่ององค์ประชุม โดยถือว่าเป็นครั้งเเรกที่ได้เชิญสส.ของแต่ละพรรคร่วมฯ เข้าร่วมงานเลี้ยงด้วยในรัฐบาลของ นางสาวเเพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งก่อนหน้านี้จัดไปแล้วหนึ่งครั้ง ในสมัยของ นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี โดยงานเลี้ยงพรรคร่วมรัฐบาลในครั้งนี้ พรรคเพื่อไทยเป็นเจ้าภาพจัดงาน ภายใต้ชื่อ “สามัคคีประเทศไทย ปกป้องอธิปไตย แก้ปัญหาเพื่อประชาชน” ได้เชิญ บรรดารัฐมนตรี หัวหน้าพรรค แกนนำ และสส. ของพรรคร่วมรัฐบาล เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง ขณะที่ไฮไลท์วันนี้ มีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มาร่วมบรรยายพิเศษ ด้วย ขณะที่ในเวลาประมาณ 17.00 น. บรรดาแกนนำเพื่อไทย และสส.เดินทางเข้าร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง […]