กรุงเทพฯ 17 พ.ย. – รมช. ไชยาเผย มีความพยายามของบุคคลบางกลุ่มที่ต้องการลักลอบนำ “หมูเถื่อน” ของกลางในคดีพิเศษที่ตรวจยึดไว้ ออกสู่ตลาด สั่งกรมปศุสัตว์ประสานกรมศุลกากรและดีเอสไอร่วมรักษาอย่างดีที่สุด ระหว่างเร่งหาสถานที่ทำลาย ชี้ได้รับรายงานว่า ขบวนการลักลอบนำเข้าและค้า “หมูเถื่อน” มีหลายฝ่ายเกี่ยวข้องทั้งนายทุน ข้าราชการ และนักการเมืองซึ่งต้องรอผลการคลี่คลายคดีของดีเอสไอตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี
นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ซึ่งกำกับดูแลกรมปศุสัตว์กล่าวว่า กระทรวงเกษตรฯ เตรียมประสานกระทรวงอุตสาหกรรมเพื่อขอนำ “หมูเถื่อน” ของกลางในคดีพิเศษที่ 59/2566 จำนวน 140 ตู้คอนเทนเนอร์ไปเผาทำลายในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม โดยใช้เตาเผาขยะอุตสาหกรรม อย่างที่มีการเผายาเสพติดเนื่องจากยังไม่สามารถหาสถานที่ฝังทำลายได้
สิ่งที่น่ากังวลคือ มีความพยายามของบุคคลบางกลุ่มที่ขัดขวางการทำลาย “หมูเถื่อน” ของกลางเพื่อจะลักลอบนำออกสู่ตลาด ดังนั้นจึงสั่งการกรมปศุสัตว์ให้ประสานกับกรมศุลกากรและกรมสอบสวนคดีพิเศษในการรักษาของกลางอย่างเข้มงวด โดยกระบวนการทำลายของกลางในคดีพิเศษนี้รับผิดชอบโดยคณะทำงานร่วมระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนได้แก่ กรมศุลกากร กรมปศุสัตว์ กรมสอบสวนคดีพิเศษ สภาเกษตรกรแห่งชาติ และสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ
หลังจากที่กรมปศุสัตว์ได้รับมอบของกลางจากกรมศุลกากร 161 ตู้คอนเทนเนอร์แล้วเมื่อวันที่ 29-30 กันยายน 2566 กรมปศุสัตว์ได้เผาทำลาย 1 ตู้ ณ สำนักงานชลประทานที่ 9 จังหวัดชลบุรีและนำไปฝังทำลาย 20 ตู้ ณ ศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์สระแก้ว ตำบลคลองไก่เถื่อน อำเภอคลองหาน จังหวัดสระแก้ว ต่อมาเกิดจากความไม่สบายใจของประชาชนในพื้นที่ที่เกี่ยวกับกลิ่นและสุขอนามัยจึงจำเป็นต้องหาสถานที่ใหม่ แม้การฝังทำลายซากสัตว์นั้น กรมปศุสัตว์ดำเนินการตามมาตรฐานขององค์การสุขภาพสัตว์โลก (World Organization for Animal Health หรือ WOAH) ซึ่งเป็นวิธีที่เหมาะสมในการทำลายซากและของเสียจากสัตว์ปริมาณมากที่สามารถทำได้ง่าย ประหยัดค่าใช้จ่าย มีประสิทธิภาพในการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค และไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ในระหว่างที่กระทรวงเกษตรฯ ประสานกับกระทรวงอุตสาหกรรมเพื่อนำของกลางไปเผาทำลายด้วยเตาเผาขยะอุตสาหกรรม ได้สั่งให้กรมปศุสัตว์ทยอยเผาด้วยเครื่องกำจัดซากสัตว์ติดเชื้อเพื่อควบคุมโรคชนิดเคลื่อนที่ซึ่งมีเตาเผาระบบปิดแบบไร้ควันไปก่อน
นายไชยากล่าวต่อว่า ได้สั่งให้กรมปศุสัตว์รวบรวมผลการดำเนินงานเพื่อรายงานต่อนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ออกคำสั่งให้กรมปศุสัตว์เข้มงวดตรวจสอบ ควบคุม กักกัน กำกับดูแลในการเคลื่อนย้ายสัตว์ ชากสัตว์ และดำเนินคดีให้เป็นไปตามระเบียบข้อกฎหมายอย่างเคร่งครัด
ทั้งนี้ได้รับรายงานว่า ขบวนการลักลอบนำเข้าและค้า “หมูเถื่อน” มีหลายภาคส่วนเกี่ยวข้องทั้งนายทุน ข้าราชการ และนักการเมือง โดยต้องรอผลดำเนินคดีของกรมสอบสวนคดีพิเศษซึ่งเป็นหน่วยงานที่จับกุมซึ่งจะสร้างความกระจ่างว่า ใครเป็นผู้นำเข้า ใครเป็นนายทุน ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย