สุโขทัย 27 ม.ค. – อธิบดีกรมปศุสัตว์เผย “สารวัตรปศุสัตว์ไซเบอร์” โชว์ผลงานสืบพบโรงงานผลิตอาหารวัวขุนที่โฆษณาผ่านสื่อออนไลน์ ต้องสงสัยผสมสารเร่งเนื้อแดง จึงส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบโรงงานในจังหวัดสุโขทัย พบผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์โดยไม่มีใบอนุญาต พร้อมยึดอาหารวัวทั้งหมดไว้ตรวจสอบสารปนเปื้อน
นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์กล่าวว่า หน่วย “สารวัตรปศุสัตว์ไซเบอร์” ได้ตรวจพบการโฆษณาของโรงงานผลิตอาหารสัตว์ผ่านสื่อออนไลน์ในแอปพลิเคชันติ๊กต็อกและเฟซบุ๊กชื่อ รู้รอบตอบโจทย์วัวขุน ประกอบกับมีการร้องเรียนจากประชาชนว่า ในสื่อออนไลน์ดังกล่าวโพสต์ขายสารเร่งเนื้อแดงและอาหารโคขุนผสมสารเร่งเนื้อแดง โดยใช้คำโฆษณาสินค้าว่า เป็นขนมวัวและยากินเก่ง
ดังนั้นจึงส่งเจ้าหน้าที่จากกองสารวัตรและกักกันร่วมกับด่านกักกันสัตว์พิษณุโลกเข้าร่วมตรวจสอบโรงงานผลิตอาหารโคขุนแห่งนี้ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.บ้านสวน อ.เมือง จ.สุโขทัย พบว่า ผลิตและขายอาหารโคขุนโดยไม่มีใบอนุญาต เจ้าหน้าที่จึงอายัดอาหารโคขุน วัตถุดิบในการผลิต และเครื่องผสมอาหารไว้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ. 2558 มาตรา 56(4) ห้ามผู้ใดผลิตเพื่อขาย นำเข้าเพื่อขาย หรือขายอาหารสัตว์ที่ต้องขึ้นทะเบียนแต่มิได้ขึ้นทะเบียนไว้ มีโทษตามมาตรา 86 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ถึง 5 ปีหรือปรับตั้งแต่ 2 หมื่นถึง 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และมาตรา 15 ผู้ใดประสงค์จะผลิตเพื่อขาย หรือนำเข้าเพื่อขายอาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะ ตามมาตรา 6(1) ให้ยื่นคำขออนุญาตและเมื่อผู้อนุญาตออกใบอนุญาตให้แล้วจึงจะผลิตเพื่อขายหรือนำเข้าเพื่อขายอาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะนั้นได้ มีโทษตามมาตรา 74 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปีหรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยลงบันทึกประจำวันที่สภ.บ้านสวนเพื่อดำเนินคดีต่อไปแล้ว
สำหรับอาหารโคขุนและวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต ได้เก็บตัวอย่างไว้รวม 6 ตัวอย่าง เพื่อส่งตรวจหาสารเร่งเนื้อแดง หากตรวจสอบจริง จะมีความผิดเพิ่มเติมตามมาตรา 6(4) ใช้วัตถุที่ห้ามใช้ผสมในอาหารสัตว์ มีโทษตามมาตรา 71 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปีหรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นายสัตวแพทย์สมชวนกล่าวย้ำว่า กรมปศุสัตว์มีกฎหมายการห้ามใช้สารตกค้างในอาหารสัตว์และในสินค้าปศุสัตว์ตามมาตรฐานการห้ามใช้สารตกค้างของประเทศไทยและนานาชาติ เพื่อให้ผู้บริโภคได้บริโภคสินค้าปศุสัตว์ปลอดภัย.-สำนักข่าวไทย