สุพรรณบุรี 12 ต.ค. – กรมชลประทานลดปริมาณการระบายน้ำจากเขื่อนกระเสียว จังหวัดสุพรรณบุรีเนื่องจากมีน้ำไหลเข้าน้อยลง รวมถึงเป็นการช่วยบรรเทาผลกระทบพื้นที่ลุ่มน้ำท่าจีนด้านท้ายเขื่อน ขณะที่สถานการณ์น้ำลุ่มน้ำเจ้าพระยาเริ่มทรงตัว
นายชวลิต ฉลอม ผู้อำนวยการส่วนบริหารจัดการน้ำและบำรุงรักษา สำนักงานชลประทานที่ 12 กล่าวว่า กรมชลประทานได้ปรับลดการระบายน้ำจากเขื่อนกระเสียว จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งปัจจุบันมีน้ำอยู่ 320 ล้านลบ.ม. คิดเป็น 107% ของความจุ โดยน้ำส่วนหนึ่งระบายผ่านทางน้ำเดิม อีกส่วนหนึ่งไหลผ่านทางระบายน้ำล้น (spillway)
ล่าสุดได้ยกฝายยางขึ้นเพื่อชะลอปริมาณน้ำที่ไหลผ่านทางระบายน้ำล้น ทำให้น้ำที่ไหลผ่านทางระบายน้ำล้นลดลงจากเมื่อวานนี้อยู่ที่ 5.72 ล้านลบ.ม./วัน วันนี้อยู่ที่ 3.8 ล้านลบ.ม./วัน ส่วนการระบายผ่านทางน้ำเดิมใกล้เคียงกับวานนี้ โดยวานนี้อยู่ที่ 2.17 ล้านลบ.ม./วัน ส่วนวันนี้อยู่ที่ 2.16 ล้านลบ.ม./วัน สำหรับปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำวันนี้อยู่ที่ 8.38 ล้านลบ.ม./วัน ลดลงจากวานนี้ซึ่งมีน้ำไหลเข้ามากถึง 15.05 ล้านลบ.ม./วัน
การที่น้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำลดลงทำให้กรมชลประทานชะลอการระบายเพื่อช่วยพื้นที่ลุ่มน้ำท่าจีนด้านท้ายเขื่อน โดยน้ำจากลำห้วยกระเสียวจะไหลไปสมทบกับแม่น้ำท่าจีนซึ่งขณะนี้มีปริมาณน้ำมากและระดับน้ำสูงขึ้นเนื่องจากมีน้ำจากฝนที่ตกในทุ่งสองพี่น้องและบางปลาม้าไหลลงสู่ลำน้ำ นอกจากนี้ภาวะน้ำทะเลหนุนสูงยังส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำท่าจีน พื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี ต่อเนื่องถึงนครปฐมและสมุทรสาครยกตัวสูงกว่าปกติ ตามประกาศของกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ที่แจ้งเตือนประชาชนให้เฝ้าระวังระหว่างวันที่ 13-16 ตุลาคมนี้
ส่วนลุ่มน้ำเจ้าพระยามีแนวโน้มทรงตัวซึ่งเป็นผลจากการปิดการระบายน้ำจากเขื่อนภูมิพลและสิริกิติ์ต่อเนื่องเพื่อลดปริมาณน้ำเหนือ รวมถึงปริมาณฝนที่ลดลงเนื่องจากมวลอากาศเย็นแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนตามการคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยา ทำให้น้ำแม่น้ำเจ้าพระยาที่ไหลผ่านสถานีวัด C.2 จังหวัดนครสวรรค์วันนี้อยู่ที่ 3,048 ลบ.ม./วินาที ลดลงจากวานนี้เล็กน้อยซึ่งอยู่ที่ 3,054 ลบ.ม./วินาที ส่งผลให้ปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาวันนี้มีอัตรา 3,154 ลบ.ม./วินาที ลดลงเล็กน้อยจากวานนี้ที่ 3,164 ลบ.ม./วินาที
หากจากนี้ไปไม่มีฝนตกลงมาเพิ่มและปริมาณน้ำทางตอนบนเริ่มลดลง จะทยอยปรับลดการระบายท้ายเขื่อนเจ้าพระยาให้สอดคล้องกับสถานการณ์อย่างเหมาะสมต่อไป.-สำนักข่าวไทย