กรุงเทพฯ 10 ต.ค.- กรมชลประทาน ปรับเพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เนื่องจากมีน้ำไหลเข้าอ่างปริมาณมาก ด้วยอิทธิพลของพายุ “โนรู” คาด 7 ต.ค. อาจเกินความจุ จึงต้องปรับเพิ่มการระบาย อาจส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักบริเวณท้ายเขื่อนสูงขึ้น 1.20-1.50 เมตร แจ้งเตือน 6 จังหวัดเฝ้าระวัง
นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทานกล่าวว่า ได้ส่งหนังสือด่วนที่สุดถึงผู้ว่าราชการจังหวัด 6 จังหวัดพื้นที่ท้ายเขื่อนป่าสักให้แจ้งเตือนประชาชนเฝ้าระวังระดับน้ำแม่น้ำป่าสักสูงขึ้น เนื่องจากจำเป็นต้องปรับเพิ่มการระบายน้ำจากอัตรา 400 ลบ.ม./วินาทีเป็น 600 ลบ.ม./วินาที
สำหรับสาเหตุที่ต้องปรับเพิ่มการระบายน้ำเนื่องจากอิทธิพลของพายุโซนร้อน “โนรู” ซึ่งเคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทยบริเวณอำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานีเมื่อวันที่ 28 กันยายน จากนั้นได้อ่อนกำลงเป็นพายุดีเปรสชัน แล้วเคลื่อนตัวผ่านจังหวัดอำนาจเจริญ ยโสธร ร้อยเอ็ด มหาสารคาม ตามลำดับ ต่อมาอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณอำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิเมื่อวันที่ 29 กันยายน ลักษณะดังกล่าวทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนตกชุกเป็นบริเวณกว้างและมีฝนหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่
ทั้งนี้กรมชลประทานคาดการณ์ปริมาณน้ำที่จะเกิดจากปริมาณฝน ตามการคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยาและสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) (สสน.) ว่า จะมีปริมาณน้ำท่าไหลเข้าเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ระหว่างวันที่ 30 กันยายนถึง 6 ตุลาคมรวม 824 ล้านลบ.ม. แล้วส่งผลให้ในวันที่ 7 ตุลาคม ปริมาณน้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์จะมี 1,139 ล้านลบ.ม. ซึ่งเกินความจุที่ระดับเก็บกักสูงสุดที่ 960 ล้านลบ.ม. ปัจจุบันเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์มีน้ำ 735 ล้านลบ.ม. คิดเป็น 76% ส่วนปริมาณน้ำไหลเข้า 89 ล้านลบ.ม. ต่อวัน ขณะที่ระบายออก 30 ล้านลบ.ม. ต่อวัน ดังนั้นเพื่อเป็นการควบคุมระดับน้ำและปริมาณน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม จึงจะทยอยเพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ในอัตราดังกล่าวตั้งแต่วันนี้ (1 ตุลาคม) เป็นต้นไป
สำหรับน้ำที่ระบายจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์จะไหลไปรวมกับน้ำจากคลองชัยนาท – ป่าสัก แล้วจะควบคุมปริมาณน้ำไหลผ่านสถานีวัด S.26 ท้ายเขื่อนพระรามหก อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยาในอัตราไม่เกิน 800 ลบ.ม./วินาที
การปรับเพิ่มการระบายน้ำในอัตราดังกล่าว จะส่งผลระดับน้ำแม่น้ำป่าสักตั้งแต่ท้ายเขื่อนพระรามหกสูงขึ้นจากปัจจุบันประมาณ 1.20 – 1.50 เมตร และที่จุดบรรจบแม่น้ำเจ้าพระยา อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบันประมาณ 25 – 50 เซนติเมตร
กรมชลประทานได้ทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัด 6 จังหวัดได้แก่ ลพบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา นนทบุรี ปทุมธานี และกรุงเทพมหานคร รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ประชาสัมพันธ์ข้อมูลและประกาศแจ้งเตือนประชาชน รวมถึงบริษัทห้างร้านที่ประกอบกิจการในแม่น้ำป่าสักได้แก่ งานก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง แพร้านอาหาร เป็นต้น ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ริม 2 ฝั่งแม่น้ำปาสักเพื่อให้เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด.-สำนักข่าวไทย