กทม.4 เม.ย.- เหยื่อแก๊งเงินกู้ดอกเบี้ยโหด ร้องตำรวจหลังแจ้งความคดีไม่คืบหน้า โอด ถูกขู่หากไม่ส่งดอก จะถูกทุบตีสารพัดพร้อมรีดดอกเกินร้อยละ 20
นางภาวิณี จุ้ยไทย และนางสาววันทณี ชูรอด เข้าพบพนักงานสอบสวน สน.วัดพญาไกร หลังถูกนายสุรัตน์ พันธ์สะอาด หรือบังสุรัตน์ เจ้าหนี้เงินกู้นอกระบบตบตีทำร้ายร่างกาย จึงแจ้งความไว้เมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา แต่คดีไม่คืบหน้า ซ้ำเจ้าหนี้ยังกลับมาข่มขู่ตนกับลูกหนี้อีกหลายคน
นางภาวีณี เล่าต่อว่า เป็นลูกหนี้เงินกู้นอกระบบของนายสุรัตน์มาหลายปี ครั้งนี้กู้เงินจำนวน 5,900 บาท โดยทำสัญญาซื้อขายทองคำบังหน้า ต้องส่งเงินวันละ 200 บาท รวม 35 วัน วันใดขาดส่งจะถูกปรับเป็นทวีคูณ พอเริ่มขัดสนไม่มีเงินส่งมา 6 วัน จึงขอผลัดผ่อน จู่ๆนายสุรัตน์มาหาตนและตบเข้าที่ใบหน้าจนแว่นแตกบาดเข้าที่ใบหน้าและริมหางตาได้รับบาดเจ็บ จึงไปตรวจร่างกายและมาแจ้งความดำเนินคดี นายสุรัตน์อ้างว่าตนไม่ยอมส่งเงินที่มีคนฝากส่งจนเกิดความโมโหและทำร้ายร่างกาย
นางสาววันทณี ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้กู้เงินและอยู่ในเหตุการณ์ เล่าเสริมว่านายสุรัตน์ปล่อยเงินกู้นอกระบบดอกเบี้ยโหดมากว่า 10 ปี ใครกู้เงินก็จะถูกขูดรีด ต้องเอาข้าวของเครื่องใช้ในบ้านไปจำนำหาเงินมาส่งดอก หากไม่มีจ่ายจะถูกปรับและทำร้ายร่างกาย วันไหนไม่ส่งจะถูกตามรังควานถึงบ้านและทำร้ายร่างกาย และเห็นนายสุรัตน์ทำร้ายผู้อื่นเป็นประจำ แต่ไม่มีใครกล้าเอาเรื่อง อย่างกรณีของตนกับป้าดาวแม้จะมาแจ้งความดำเนินคดีแต่กลับไม่มีความคืบหน้า
ด้านนายสุรัตน์ ถูกตำรวจควบคุมตัวมาสอบปากคำ พร้อมกล่าวว่า วันเกิดเหตุตนเพียงยื่นมือเข้าไปเเล้วเกี่ยวแว่นตาแตกเท่านั้น ยอมรับว่าจะตบจริงเนื่องจากโกรธที่นางภาวิณี ไม่ยอมส่งเงินที่มีคนฝากมาส่งให้ตน ทั้งยังกล่าวหายัดเยียดว่าตนกินดอกเบี้ย ซึ่งศาสนาตนห้ามกินดอกเบี้ย แต่ตัวของลูกหนี้เป็นคนชอบเล่นการพนันเข้าบ่อน หลังมาเช่าซื้อสินค้าตนก็ไม่ยอมจ่ายหนำซ้ำยังโกงตนอีกด้วย ยืนยันว่าที่ผ่านมาตนขายของเป็นสินค้าเงินผ่อน อาทิ ทองคำและโทรศัพท์ ไม่ได้ปล่อยเงินกู้กินดอกเบี้ย ไม่ได้ปล่อยเงินกู้นอกระบบตามที่ถูกกล่าวหา โดยจะทำสัญญาซื้อสินค้าและขายคืนให้ตนทันที ส่วนต่างของการขายตนก็เอามาเป็นของสมนาคุณและเลี้ยงอาหารในโรงแรมเพื่อคืนกำไรด้วย
ขณะที่พลตำรวจเอกสุวิระ ทรงเมตตา ที่ปรึกษา สบ.10 ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบการปราบปรามเงินกู้นอกระบบ มาติดตามความคืบหน้าและสอบปากคำด้วยตนเอง ก่อนเปิดเผยว่า คดีดีนี้เป็นการกู้ยืมเงินแต่เอาสัญญาเช่าซื้อสินค้ามาบังหน้า หากคนกู้มีเจตนาต้องการสินค้าจริงก็ต้องไปซื้อที่ร้าน กรณีนี้เป็นการซื้อทันทีคืนทันที ซึ่งเป็นการอำพรางการทำธุรกรรม จากการตรวจสอบพบว่านายสุรัตน์ เก็บดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 205 ต่อปี ซึ่งเกินกว่าที่กฏหมายกำหนด พร้อมสั่งให้พนักงานสอบสวนสืบสวนสอบสวนเรื่องนี้ทั้งหมดพร้อมตรวจสอบสมุดบัญชี 2 เล่มที่ตรวจยึดได้ และดำเนินคดีต่างกรรมต่างวาระ ทั้งนี้ขอประชาสัมพันธ์ผู้เป็นลูกหนี้ที่เป็นหนี้กับนายสุรัตน์ มาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน สน.วัดพระยาไกร พร้อมสืบสวนสอบสวนให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว และจะกำจัดขบวนการหนี้นอกระบบให้สิ้นซาก.-สำนักข่าวไทย