กรุงเทพฯ 20 ก.ค. – วงจรปิดจับภาพเด็กชายวัย 4 ขวบ ถูกรถชนบาดเจ็บ คนขับอุ้มมาวางทิ้งหน้าโรงพยาบาล ก่อนชิ่งหนี ล่าสุดคนขับตัดสินใจเข้ามอบตัวแล้ว สารภาพหนีเพราะตกใจและกลัวความผิด พร้อมจะรับผิดชอบทุกอย่าง
ภาพจากกล้องวงจรปิดจะเห็นชายวัยกลางคน สวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้น กางเกงยีนส์ขายาว อุ้มเด็กผู้ชาย อายุประมาณ 4 ขวบ จากรถกระบะมาปล่อยทิ้งไว้หน้าโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ย่านสุขสวัสดิ์ เขตราษฎร์บูรณะ แล้วรีบเดินหนีไป ตามร่างกายเด็กพบบาดแผลหลายแห่ง สะโพกด้านขวากระดูกหัก คาดว่าน่าจะโดนรถชน
เจ้าหน้าที่โรงพยาบาล เล่าว่า ขณะนั่งทำงานที่เคาน์เตอร์ มีคนไข้ที่มารอตรวจ บอกว่า มีคนอุ้มเด็กมาทิ้งหน้าโรงพยาบาล จึงเดินไปดู พบเด็กร้องไห้นอนคว่ำอยู่กับพื้น จึงพาเข้ามาตรวจร่างกาย พบบาดแผลที่ขา ปวดที่แขน สะโพกบวม ขยับไม่ได้ ร้องบอกแต่กลัวๆ โดยไม่พูดว่าไปโดนอะไรมา หรือใครทำ โรงพยาบาลไม่แน่ใจว่าเด็กโดนรถชนแล้วเอามาทิ้งไว้หรือเปล่า ต้องรอผลเอกซเรย์ และนำตัวเด็กไปรักษาก่อน
นายวีระ อายุ 35 ปี พ่อของเด็ก อาชีพทำงานก่อสร้าง เล่าว่า ตนเป็นผู้ดูแลลูก 3 คน เพียงลำพัง เนื่องจากภรรยาถูกจับในคดีรับจ้างเปิดบัญชี เมื่อประมาณ 3 เดือนก่อน ก่อนเกิดเหตุ ตนกำลังเก็บกวาดบ้าน ส่วนลูกๆ ไปวิ่งเล่น กระทั่งลูกวิ่งมาบอกว่า น้องถูกรถชน ตนพยายามออกตามหาหลายโรงพยาบาล กระทั่งคนแถวบ้านมาบอกว่า พบลูกอยู่โรงพยาบาลย่านสุขสวัสดิ์ เรียกร้องให้ผู้ก่อเหตุขับรถชนลูกของตนมามอบตัวและรับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้น
หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บุคคโล ได้เชิญตัวนายอานนท์ อายุ 52 ปี พร้อมรถกระบะคันก่อเหตุ เข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ และเมื่อประสบเหตุไม่แจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ
จากการสอบสวนนายอานนท์ ให้การว่า จุดเกิดเหตุเป็นทางเลี้ยว ขณะตนกำลังขับไปร้านอาหารตามสั่ง เห็นเด็กยืนกัน 2 คน เมื่อขับผ่านมาถึง ตนไม่ทราบว่าขับรถชนเด็กไปแล้ว กระทั่งมีคนเคาะรถบอก ตนรู้สึกตกใจ ทำอะไรไม่ถูก จึงอุ้มเด็กขึ้นรถไป เมื่อถึงโรงพยาบาล ตนก็พาไปส่งที่หน้าประตู แต่ที่ไม่พาเข้าไป เพราะกลัว เนื่องจากรถคันที่ใช้ไม่ใช่ของตนเอง เป็นรถของน้องสาวแฟน แต่ตนก็ยังคิดว่าอยู่ใกล้หมอแล้ว และจะรับผิดชอบทุกอย่าง ส่วนที่หลบหนี เพราะต้องรีบไปขายของ และเกิดความรู้สึกผิด จึงตัดสินใจเดินทางมามอบตัว
เบื้องต้นนายอานนท์ ให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา เจ้าหน้าที่ได้ทำการเปรียบเทียบปรับ และให้เจรจาไกล่เกลี่ยกับพ่อของเด็กที่บาดเจ็บ เพื่อชดใช้ค่าเสียหาย ก่อนดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป. – สำนักข่าวไทย