ปทุมธานี 19 ก.ค.- “รมช. มนัญญา” เปิดการประชุมแถลงผลงานวิจัยของกรมวิชาการเกษตรในรอบ 5 ปีซึ่งนำเสนอนวัตกรรมที่ทรงคุณค่ากว่า 900 เทคโนโลยี พร้อมย้ำให้เร่งขับเคลื่อนสู่เกษตรกรเพื่อยกระดับมาตรฐานการผลิตอธิบดีกรมวิชาการเกษตรระบุ นับเป็นครึ่งทศวรรษแห่งความสำเร็จ โดยดำเนินงานแบบ “ตลาดนำการวิจัย” สู่เกษตรมูลค่าสูง ทำให้สร้างมูลค่าได้มากกว่าหนึ่งล้านล้านบาท
นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นประธานพิธีเปิดการประชุมแถลงผลงานวิจัยสิ้นสุดปี 2559-2564 “กรมวิชาการเกษตรร่วมใจ มุ่งสู่เศรษฐกิจใหม่เพื่อความมั่นคงทางอาหาร DOA Together for BCG and Food Security” โดยระบุว่า กรมวิชาการเกษตรมีผลงานวิจัยจำนวนมากที่มีคุณค่าอย่างยิ่งต่อภาคการเกษตร ซึ่งได้เน้นย้ำให้ทำงานวิจัยเพื่อรองรับภาวะวิกฤติของประเทศด้วย เช่น ภัยแล้ง ปัญหาการระบาดของโรคและแมลงศัตรูพืช รวมไปถึงมาตรการกีดกันทางการค้าต่าง ๆ ที่จะส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าเกษตร
ทั้งนี้เชื่อมั่นว่า ผลงานที่โดดเด่นของกรมวิชาการเกษตรจะทำให้ได้รับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อทำวิจัยอย่างต่อเนื่อง พร้อมกำชับให้เร่งขับเคลื่อนงานวิจัยไปสู่ภาคการเกษตรอย่างกว้างขวาง จากนี้ไป กรมวิชาการเกษตรจะทำงานในมิติใหม่ ด้วยการทำโครงการ “กรมวิชาการเกษตรเคลื่อนที่” นำความรู้และเทคโนโลยีไปถ่ายทอดให้เกษตรกรทุกท้องที่
นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตรกล่าวว่า ผลงานวิจัยที่ประสบความสำเร็จและสิ้นสุดในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ผลงานวิจัยเป็นส่วนสำคัญในการส่งเสริมเกษตรกรรายย่อย SME รายใหญ่ และอุตสาหกรรมการเกษตร รวมมูลค่ากว่าหนึ่งล้านล้านบาท โดยมีมันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์กว่า 1.2 แสนล้านบาท ไม้และผลิตภัณฑ์ 1.5 แสนล้านบาท ข้าว 1.3 แสนล้านบาท ยางพาราและผลิตภัณฑ์ 1.4 แสนล้านบาท ทุเรียนและผลไม้สด 1.7 แสนล้านบาท ผลไม้แห้ง กล้ายไม้สด ผักสด และผลิตภัณฑ์จากพืชอื่น ๆ กว่า 3 แสนล้านบาท
ผลงานวิจัยและนวัตกรรมของกรมวิชาการเกษตรไม่น้อยกว่า 900 เทคโนโลยี ได้แก่ การปรับปรุงและพัฒนาพืชพันธุ์ใหม่รองรับตลาดเฉพาะและภาคอุตสาหกรรม 16 ชนิด (49 พันธุ์) พืชท้องถิ่นที่มีศักยภาพในอนาคต 19 ชนิด พร้อมทั้งเทคโนโลยีการผลิตพืชท้องถิ่น 41 ชนิด พืช GI 9 ชนิด เพื่อพัฒนาเชิงการค้าและความมั่นคงทางอาหาร มีเครื่องจักรกลการเกษตรใหม่กว่า 50 ต้นแบบ อาทิ เครื่องพ่นแบบใช้แรงลมช่วยสำหรับพ่นป้องกันหนอนกระทู้ข้าวโพดลายจุด เครื่องหยอดเมล็ดพืชและปุ๋ยอัตโนมัติ โรงเรือนอัจฉริยะควบคุมสภาวะอากาศอัตโนมัติ เป็นต้น
งานวิจัยยังสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนเกษตรกรรม โดยมีเทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตที่สร้างรายได้ให้เกษตรกรเพิ่มขึ้น 20-50 % พัฒนาไปสู่ Web application ระบบพยากรณ์ผลผลิตไม้ผลเศรษฐกิจ ระบบให้คำแนะนำการใช้ปุ๋ยปาล์มน้ำมัน ระบบประเมินการระบาดของศัตรูมันสำปะหลัง
นอกจากนี้ยังเตรียมพร้อมงานวิจัยรองรับวิกฤตภัยแล้งและความมั่นคงทางอาหารของประเทศ ประกอบด้วยสร้างเครือข่ายผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์พืชตระกูลถั่ว โดยเฉพาะถั่วเหลืองที่มีความต้องการใช้ในประเทศสูงถึง 4.02 ล้านตัน สร้างเครือข่ายผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ ช่วยลดการนำเข้าถั่วเหลือง ร่วมมือกับภาคเอกชนผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตเมล็ดพันธุ์ของอาเซียน และเชื่อมโยงการขับเคลื่อนผลการวิจัยไปสู่การใช้ประโยชน์อย่างชัดเจน
ส่วนการแก้ปัญหาโรคใบด่างมันสำปะหลัง มีการปรับปรุงพันธุ์ทนทาน การใช้ท่อนพันธุ์สะอาดเพื่อควบคุมการระบาด ตลอดจนการป้องกันการระบาดของหนอนกระทู้ข้าวโพดลายจุดซึ่งมีคำแนะนำให้คลุกเมล็ด การพ่นสารเคมี และพ่นชีวภัณฑ์ มีเครื่องพ่นแบบอุโมงค์ลมสำหรับพ่นป้องกันการแพร่ระบาด ช่วยลดการสูญเสียผลผลิตทางการเกษตรและค่าใช้จ่ายในการป้องกันกำจัดมากกว่า 100 ล้านบาทต่อปี
ด้านนวัตกรรมใหม่ มีการพัฒนาชุดตรวจสอบศัตรูพืชแบบแม่นยำสูง วิเคราะห์ความเสี่ยงศัตรูพืชสำหรับการเจรจาเปิดตลาดสินค้า จัดทำมาตรการสุขอนามัยพืชในการนำเข้าส่งออกสินค้าพืช ซึ่งส่งผลต่อตลาดเมล็ดพันธุ์และตลาดสินค้าเกษตร มูลค่ากว่าแสนล้านบาทต่อปี
สำหรับการวิจัยพัฒนาพันธุ์พืชเศรษฐกิจใหม่คือ กัญชาเพื่อการวิจัยทางการแพทย์ทั้งในด้านการพัฒนาสายพันธุ์ที่มี CBD หรือ THC สูง และกระท่อม รวมทั้งการวิจัยทางด้านเทคโนโลยีจีโนมิก เพื่อศึกษายีนที่เกี่ยวข้องกับสารสำคัญ มีตลาดยารักษาโรค สมุนไพร เครื่องสำอาง และอาหารทางเลือกรองรับ มูลค่ากว่าแสนล้านบาท จัดตั้งศูนย์บริหารจัดการพืชกัญชา กัญชง และกระท่อม แบบเบ็ดเสร็จ สายด่วน 1174 ให้ผู้สนใจสอบถามข้อมูล
ด้านสถานการณ์ส่งออกสินค้าพืช เพียง 5 เดือนแรกของปี 2565 มียอดการส่งออกกว่า 15.27 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 469,178.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.57% (เทียบกับ 5 เดือนแรกของปี 2564) สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของประเทศคู่ค้าในการตรวจสอบคุณภาพการผลิตสินค้าพืชของประเทศไทย ตลอดจนจับมือกับกลุ่มพันธมิตรทั่วโลกเปิดตัวระบบใบรับรองสุขอนามัยพืชอิเล็กทรอนิกส์ “e Phyto” นำร่องเปิดใช้งานส่งออกพืช 22 ชนิดไปจีนพบกระแสดีเกินคาดสามารถตรวจสอบย้อนกลับแหล่งที่มาได้ตั้งแต่ประเทศปลายทางจนถึงเกษตรกร เป็นการอำนวยความสะดวกในการส่งออกสินค้าพืชและผลิตภัณฑ์ เปิดให้บริการครอบคลุมทุกสินค้าทุกประเทศทั่วโลก
กรมวิชาการเกษตรกำหนดมาตรการ GMP plus ให้โรงคัดบรรจุนำไปปฏิบัติเพื่อป้องกันการปนเปื้อนของเชื้อโควิด 19 ไปกับตู้สินค้า บรรจุภัณฑ์ และผลไม้ สร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศจีน สร้างรายได้เข้าประเทศ โดยปี 2565 มีปริมาณการส่งออกระหว่าง 1 ก.พ.-5 มิ.ย. 2565 (5 เดือนแรก) ปริมาณ 433,809.92 ตัน
ด้านการอำนวยความสะดวกให้เกษตรกร จัดตั้ง “คลินิกกรมวิชาการเกษตรเคลื่อนที่” (DOA Mobile Clinic) บริการต่ออายุใบอนุญาต GAP ใบรับรองแหล่งผลิตพืขอินทรีย์ ให้คำปรึกษาทางด้านการเกษตรแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) เกษตรกรสมัครใหม่และต่ออายุกว่า 2,500 ราย
อธิบดีกรมวิชาการเกษตรกล่าวว่า จะเร่งเดินหน้างานวิจัยเพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิตพืชสู่เป้าหมายเกษตรมูลค่าสูง รวมถึงการพัฒนาพันธุ์พืชที่มีศักยภาพสูง การใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบเกษตรอัจฉริยะ การแปรรูปสร้างมูลค่าและแบรนด์ที่เป็นเอกลักษณ์ การขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศเชื่อมโยงตลอดห่วงโซ่การผลิตพืช เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและความมั่นคงทางอาหารของประเทศ.-สำนักข่าวไทย