ทำเนียบรัฐบาล 8 ก.ค.-โฆษกศบค. เผย นายกฯ ไม่อยากให้มีผู้เสียชีวิต ให้เร่งรณรงค์ฉีดวัคซีน พบ 23 จังหวัดอยู่ในช่วงขาขึ้น วอนปชช.ช่วยกันลดยอดติดเชื้อ ขณะ”อนุทิน” ยันเตียงเพียงพอ ตอนนี้คืนเตียงให้ผู้ป่วยโรคอื่นบ้างแล้ว ต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ อีก 2 เดือน
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.แถลงผลการประชุมศบค.ชุดใหญ่ ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นประธาน ว่า นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุขรายงานสถานการณ์โลกและสถานการณ์ประเทศ โดยภาพการติดเชื้อสถานการณ์ทั้งโลก ตัวเลขการครองเตียง 11.9% ซึ่งนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำเรื่องการติดเชื้อที่ข่าวในโซเชียลและนักวิชาการให้ข้อมูลทั้งสอดคล้องและขัดแย้งกัน ขอให้ฟังจากศบค.และกระทรวงสาธารณสุขเป็นหลัก
โฆษกศบค. กล่าวว่า ส่วนตัวเลขผู้ป่วยปอดอักเสบและผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจแนวโน้มในสัปดาห์นี้เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ซึ่งนายอนุทิน ชาญวีรกูลรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ยืนยันว่ายังมีเตียงรองรับเพียงพอ ทั้งประเทศอัตราครองเตียงทั้ง 3 ระดับอยู่ที่ 103,798 ขณะเดียวกันเมื่อสถานการณ์ดีขึ้น โรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขคืนเตียงไปยังผู้ป่วยโรคอื่น ด้วย ซึ่งนายกฯ ในฐานะผอ.ศบค.ระบุเรื่องผู้เสียชีวิตที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น ขอให้ช่วยรณรงค์ฉีดวัคซีน
“จังหวัดที่มีแนวโน้มสถานการณ์ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ลดลง โดย 54 จังหวัดมีแนวโน้มลดลง และ 23 จังหวัดเป็นจังหวัดที่อยู่ในช่วงขาขึ้น ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร ชลบุรี เชียงใหม่ นนทบุรี ปทุมธานี ภูเก็ต สมุทรปราการเป็นต้น โดยเฉพาะจังหวัดภูเก็ตมียอดตัวเลขพุ่งขึ้นสูงมาก จึงขอให้ประชาชนช่วยกันลดยอดตัวเลขลงมา” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
โฆษกศบค. กล่าวว่า ที่ประชุมเห็นชอบขยายระยะเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วราชอาณาจักร คราวที่ 19 ต่อไปอีก 2 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.-30 ก.ย.2565 ทั้งนี้ ผอ.ศบค.เน้นย้ำว่าการขยายพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ดังกล่าว ควบคุม ป้องกันโรคและรักษาชีวิตประชาชน ส่วนเรื่องอื่น ๆ ไม่ได้เป็นวัตถุประสงค์ของพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ไม่ได้จำกัดเสรีภาพใด ๆ
“นายกรัฐมนตรีย้ำถึงความจำเป็นที่ต้องเปิดประเทศ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและเดินหน้าเศรษฐกิจ หวังให้ประชาชนสามารถดำเนินชีวิต กลับมาประกอบอาชีพได้อย่างปกติ พร้อมสั่งการให้หน่วยงานความมั่นคง กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหามาตรการที่เหมาะสมดูแลตรวจตราด่านช่องทางเข้า-ออก ทั้งด่านปกติ ด่านธรรมชาติ การเปิดจุดผ่อนปรน การค้าชายแดน โดยเฉพาะจุดผ่อนปรนที่ไม่มีด่านควบคุมโรคกำกับ” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย