ศาลปกครอง วันนี้ (7 ก.ค.) ศาลปกครองสูงสุดไม่รับคำฟ้อง “สราวุธ” อดีตเลขาธิการศาลยุติธรรม ขอเพิกถอนคำสั่งตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง เหตุไม่อยู่ในอำนาจศาลปกครอง
ศาลปกครองกลางนัดอ่านคำสั่งศาลปกครองสูงสุด ในคดีที่นายสราวุธ เบญจกุล อดีตเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ยื่นฟ้องประธานศาลฎีกากับพวก รวม 5 คน กระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย กรณีมีคำสั่งสำนักงานศาลยุติธรรมแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง นายสราวุธ กรณีถูกกล่าวหาว่า กระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างปรับปรุงอาคารศาลจังหวัดพระโขนง โดยนายสราวุธ มองว่า เป็นกรณีถูกกล่าวหาหลังจากพ้นจากตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม แต่การออกคำสั่งดังกล่าวอาศัยอำนาจตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ทั้งที่ตามกฎหมายแล้ว ต้องดำเนินการทางวินัยตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือน
คดีนี้ศาลปกครองชั้นต้น เคยมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณาและให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ เนื่องจากศาลเห็นว่า ในขณะที่ นายสราวุธ ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 นั้น ได้มีผู้ร้องเรียนเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างปรับปรุงอาคารศาลจังหวัดพระโขนง ประธานศาลฎีกาในขณะนั้นจึงได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง และผลการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้วเสร็จในระหว่างปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ที่นายสราวุธ พ้นจากตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ประธานศาลฎีกาจึงอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม พ.ศ. 2543 ประกอบกับพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการศาลยุติธรรม พ.ศ. 2543 มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงนายสราวุธ กระบวนการตั้งแต่การสอบสวนข้อเท็จจริงต่อเนื่องจนถึงการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของการสอบสวนเพื่อเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) แม้ว่ากระบวนการดังกล่าวเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคล และเป็นขั้นตอนการพิจารณาทางปกครอง ซึ่งเป็นการใช้อำนาจทางปกครองก็ตาม แต่ก็ถือเป็นเรื่องเกี่ยวกับการดำเนินการของ ก.ต. ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่อยู่ในอำนาจของศาลปกครอง ตามมาตรา 9 วรรคสอง (2) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542
ซึ่งศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยืนตามคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้น ไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณา และให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ.- สำนักข่าวไทย