กรุงเทพฯ28 มิ.ย.-ก.พลังงานถกต่อค่าการกลั่นวันพรุ่งนี้ ต้องชี้ชัดด้านกฏหมาย ด้านราคาดีเซลโลกยังอยู่ระดับสูงสัปดาห์หน้าคาดดีเซลปรับขึ้นอีก 1 บาท/ลิตร ย้ำก๊าซหุงต้มขึ้นอีก 1 บาท/กก.วันที่ 1 ก.ค.นี้ ด้านกองทุนน้ำมันฯจะขาดสภาพคล่องใน 4 วันข้างหน้าหลังติดลบแล้วกว่า 1 แสนล้านบาท
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า วันพรุ่งนี้(29 มิ.ย.) กระทรวงพลังงาน จะหารือร่วมกับ 6 โรงกลั่นฯ อีกครั้ง ประกอบด้วย บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP ,บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC ,บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC ,บริษัทบางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP ,บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ESSO และบริษัทสตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC เพื่อสรุปการขอความร่วมมือนำส่งเงินกำไรส่วนหนึ่งจากค่าการกลั่นเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในช่วงวิกฤติน้ำมันแพง หลังจากที่ผ่านมาหารือกันหลายรอบยังไม่มีข้อสรุป
โดยขณะนี้กระทรวงพลังงานหารือกฏหมายเป็นหลักซึ่งการเก็บเงินจากโรงกลั่นเข้า กองทุนน้ำมัน ดำเนินการได้ตามมาตรา 27 กฏหมายกองทุนน้ำมันฯ และทางคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง(กบน.) สามารถตัดสินใจได้เลย โดยไม่ต้องขออนุมัติจากประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) อีก อย่างไรก็ตามก็มีข้อท้วงติงจากหลายฝ่ายว่า อาจจะขัดหลัก พรบ.บริษัทมหาชน แล พรบ.ตลาดหลักทรัพย์ฯ
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า การหารือวันพรุ่งนี้ คาดน่าจะได้ข้อสรุปออกมาทั้งในด้านกฎหมาย และวงเงินที่ขอความร่วมมือ อย่างไรก็ตามในช่วงนี้ราคาน้ำมันยังผันผวนและตึงตัว พบว่าค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น จากข้อมูล สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ. )พบว่าค่าการกลั่นเฉลี่ยวันที่ 1-28 มิ.ย.2565 อยู่ที่ 6.82 บาทต่อลิตร เทียบกับเดือน พ.ค.เฉลี่ยอยู่ที่ 5.27 บาทต่อลิตร ซึ่งที่ผ่านมาหลายภาคส่วนก็ออกมาแสดงความเห็นว่า ค่าการกลั่นไม่ใช่กำไรที่แท้จริงของโรงกลั่นฯ ที่โรงกลั่นยังมีค่าดำเนินการ ค่าพรีเมียม ค่าประกันความเสี่ยงและอื่นๆ โดยตัวเลขที่ สนพ.ใช้อ้างอิง เป็นการพิจารณาจากต้นทุนน้ำมันดิบ ดูไบ ที่ขณะนี้อยู่ที่110 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล หักออกจากราคาน้ำมันสำเร็จรูปสิงคโปร์ที่ ดีเซลอยู่ที่ประมาณ 170 เหรียญ/บาร์เรล และเบนซินอยู่ที่ประมาณ 156 เหรียญ/บาร์เรล
“ตัวเลขส่งเงินจากค่าการกลั่นเข้ากองทุนฯ อาจลดลง จากเดิมที่คาดว่าจัดเก็บจากกลุ่มดีเซล 5-6 พันล้านบาทต่อเดือน กลุ่มเบนซิน 1 พันล้านบาทต่อเดือน และโรงแยกก๊าซ 1.5 พันล้านบาทต่อเดือน เป็นระยะเวลา 3 เดือน (ก.ค.-ก.ย.2565) แต่จะเป็นเท่าใดกำลังพิจารณาอย่างรอบคอบ” แหล่งข่าวระบุ
แหล่งข่าว ยังกล่าวด้วยว่า ในส่วนของราคาน้ำมันดีเซลที่ขณะนี้อยู่ที่ 35 บาท/ลิตร หากดูจากเงินกองทุนน้ำมันฯที่เหลือสภาพคล่องแค่ 3 พันล้านบาท และติดลบกว่า 1 แสนล้านบาท โดยต้องมีภาระอุดหนุนราคาดีเซลราว 700 ล้านบาท/วัน และอุดหนุนราคาก๊าซหุงต้มอีก 45 ล้านบาท/วันนั้น ในสัปดาห์หน้า ก็มีโอกาสที่จะทยอยขึ้นดีเซลอีกครั้งละ 1 บาท/ลิตร ส่วนก๊าซหุงต้มวันที่ 1 ก.ค.จะขยับอีก 1 บาท/กก.ราคาจะไปอยู่ที่ 378 บาท/ถัง 15 กก. โดยสภาพคล่องที่จะติดลบในขณะนี้ก็รอทั้งเงินกู้จากสถาบันการเงินของรัฐ ที่ขณะนี้ก็ไม่มีคำตอบจะได้กู้เงินหรือไม่ รวมทั้งรอความหวังจากเงินของโรงกลั่น หรือเงินอุดหนุนจากรัฐบาล.
นายสุวัฒน์ สินสาฎก กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ราคาหุ้นกลุ่มโรงกลั่นฯ ได้ปรับลดลงสะท้อนข่าวลบไปมากแล้ว คาดตัวเลขนำส่งเงินกำไรส่วนหนึ่งจากค่าการกลั่นเข้ากองทุนน้ำมันฯอาจไม่มากตามที่เคยคาดการณ์ไว้ คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 3-6 พันล้านบาทต่อเดือนเท่านั้น ส่วนค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้นแตะระดับ 30 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมาอยู่ที่ประมาณ 20 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ดังนั้นคาดว่าแม้ว่าโรงกลั่นฯจะต้องส่งเงินจำนวนหนึ่งให้รัฐ แต่ก็จะไม่กระทบต่อตัวเลขกำไรไตรมาส 2/2565 มากนักและคาดว่าจะเห็นการเติบโตของกำไรไตรมาส 2/2565 อย่างมีนัยสำคัญ.-สำนักข่าวไทย