กรุงเทพฯ 6 มิ.ย. – พนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ คุมตัว “แอนนา” สอบปมหวยทิพย์ ให้การปฏิเสธ เตรียม 75,000 บาท ยื่นประกันตัว
พนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ควบคุมตัวนายวรินทร วัตรสังข์ หรือ แอนนา จากสนามบินสุวรรณภูมิ มาสอบสวนต่อที่ สน.ทองหล่อ หลังเดินทางกลับจากประเทศฝรั่งเศสเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา และถูกเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองแสดงหมาย เข้าจับกุมตามหมายจับ ในคดีเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญากรุงเทพใต้ ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันลักลอบจัดให้มีการเล่นการพนันสลากกินรวบ โดยไม่ได้รับอนุญาต โดยเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้ และร่วมกันโดยทุจริต หรือหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน จากกรณีที่นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หรือ นอท ผู้บริหารเว็บไซต์ “กองสลากพลัส” แจ้งความไว้ก่อนหน้านี้ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวน
ทั้งนี้ นายวรินทร วัตรสังข์ หรือ แอนนา ได้เดินทางไปพักผ่อนต่างประเทศ และขอเลื่อนเที่ยวบินกลับประเทศไทย เพื่อเข้าพบพนักงานสอบสวน จากวันที่ 2 มิ.ย.65 เป็นวันที่ 6 มิ.ย. 65 โดยระบุเนื่องจากมีอาการเจ็บป่วยกะทันหัน
เบื้องต้น แอนนาให้การปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายลอตเตอรี่ พร้อมกับมอบหมายให้ทนายอาคม คงสวัสดิ์ เตรียมหลักทรัพย์ 75,000 บาท ยื่นขอประกันตัวในชั้นสอบสวน และเมื่อรับทราบข้อกล่าวหาเสร็จ แอนนาและทนายจะให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน บริเวณหน้า สน.ทองหล่อ
สำหรับคดีหวยทิพย์ศาลอาญากรุงเทพใต้ อนุมัติหมายจับทั้งหมด 3 คน คือ นายวินรวีร์ ใหญ่เสมอ หรือต๊ะ บอยสเกาท์ อายุ 48 ปี ทำหน้าที่โฆษณาชักชวน มีตำเเหน่งประธานบริษัท โดยพฤตินัย น.ส.มินตรา หรือ แนน ขุนสวัสดิ์ อายุ 28 ปี กรรมการบริหารบริษัทผู้มีอำนาจลงนาม เเละแอนนา ทำหน้าที่ซีอีโอ
ส่วนนายวรินทร วัตรสังข์ หรือ แอนนา อายุ 37 ปี ทำหน้าที่เป็นกรรมการบริหาร หรือ ซีอีโอ คอยโฆษณาเชิญชวน ในเฟซบุ๊ก ทั้ง 3 คน ถูกดำเนินคดี 3 ข้อหา ในความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันลักลอบจัดให้มีการเล่นพนันสลากกิน รวบพนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาตโดยเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้ และร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ.-สำนักข่าวไทย