กรุงเทพฯ 29 เม.ย.-รอลุ้น สถาบันการเงินปล่อยกู้กองทุนน้ำมันฯ 2 หมื่นล้านหรือไม่ ด้าน ก.พลังงาน หารือคลัง ให้ธนาคารรัฐปล่อยกู้โดยหลัก PSA รมว.คลัง ยอมรับบาทอ่อนกระทบราคาน้ำมัน ในขณะที่ผู้ใช้น้ำมันตุนดีเซลเต็มสูบก่อนขึ้น 2 บาท/ลิตร 1 พ.ค.
ในวันนี้ (29 เม.ย.) เป็นวันทำการวันสุดท้ายก่อนถึงวันกำหนดเสนอปล่อยกู้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง 20,000ล้านบาท วันสุดท้ายในวันพรุ่งนี้ (30 เม.ย.) โดยรอบนี้เป็นการกำหนดให้เสนอปล่อยกู้เป็นรอบที่2หลังจากเคยเสนอมาแล้ว แต่ยังไม่มีรายใดเสนอปล่อยกู้โดยความกังวลของสถาบันการเงินมีทั้งเรื่องความสามารถในการชำระเงินคืนในอนาคต ประกอบกับสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.)เป็นหน่วยงานใหม่ ที่ไม่เคยเป็นลูกค้าสถานบันการเงินมาก่อนแม้ว่าก่อนหน้านี้ ในอดีต กองทุนน้ำมันฯจะเคยกู้ยืมเงินสถาบันการเงินมาแล้วก็ตาม
ทั้งนี้ สกนช.เป็นหน่วยงานใหม่ ตามพระราชบัญญัติกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2562 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน 2562 ที่ทำให้สถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (องค์การมหาชน) (สบพน.) ยุบเลิก และเปลี่ยนเป็น สกนช. มีฐานะเป็นหน่วยงานของรัฐที่เป็นนิติบุคคล และไม่เป็นส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดินหรือรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีงบประมาณหรือกฎหมายอื่น
นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ในขณะนี้กำลังหารือกับกระทรวงการคลังว่า หากกรณีไม่มีสถาบันการเงินใดเสนอปล่อยกู้ แล้วจะมีความเป็นไปได้หรือไม่ ที่ให้ สถาบันการเงินของรัฐ เช่น ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)ธนาคารกรุงไทย เข้ามาปล่อยกู้ ภายใต้บัญชีธุรกรรมนโยบายรัฐ(Public Service Account: PSA) ซึ่งจะมีการแยกบัญชีออกมา และเปิดเผยสถานะ มีการประมาณการผลกระทบในอนาคต อย่างไรก็ตาม กองทุนฯก็มีความมั่นใจว่าจะสามารถชำระหนี้คืนได้ หลังได้มีการลดการอุดหนุนราคาน้ำมัน และก๊าซหุงต้มมาอย่างต่อเนื่อง โดยวันที่ 1 พ.ค.นี้ ก็จะขยับทั้งก๊าซหุงต้มรอบที่ 2 อีก 1 บาท/กก. (ราคาก๊าซหุงต้ม ขึ้นเดือนละ 1 บาท/กก. ตั้งแต่ เม.ย.-มิ.ย.) และยกเลิกเพดานดีเซล 30 บาท/ลิตร กองทุนน้ำมันฯ ก็จะลดการอุดหนุนทั้งดีเซล และอี 85 โดยกองทุนฯ ก็จะมีสถานการณ์ที่ดีขึ้น และกระทรวงฯก็จะติดตามสถานการณ์ทุกสัปดาห์ โดยดูถึงความเดือดร้อนของประชาชน ควบคู่กับการบริหารงานกองทุนฯ
สำหรับประมาณการสภาพคล่องกองทุนน้ำมันฯ ประจำเดือน เม.ย.65 มีรายจ่ายประมาณเดือนละ 22,242 ล้านบาท แบ่งเป็นรายจ่ายน้ำมันเดือนละ 20,779 ล้านบาท และรายจ่ายก๊าซ LPG เดือนละ 2,174 ล้านบาท โดยฐานะกองทุนน้ำมันฯ ณ วันที่ 26 เม.ย. 65 ติดลบ 56,278 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 24,302 ล้านบาท และบัญชีก๊าซLPG ติดลบ 31,976 ล้านบาท
นายกุลิศ กล่าวด้วยว่า กระทรวงพลังงาน และคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ติดตามสถานการณ์การใช้ไฟฟ้าของประเทศที่ความต้องการสูงขึ้น จนเกิดพีก หรือความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดเมื่อวันที่ 25 เม.ย. พบว่า ซึ่งด้านความมั่นคง ไม่มีปัญหาแต่อย่างใดเพราะสามารถนำเข้าได้ แต่ปัญหาคือ ค่าเชื้อเพลิงมีราคาสูงตามตลาดโลก และจะกระทบต่อต้นทุนค่าไฟฟ้า โดย กกพ.บริหารจัดการ เช่น หากราคาก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) สูงกว่า เกิน 30 เหรียญสหรัฐ/ล้านบีทียู ก็จะมีการใช้น้ำมันเตา-ดีเซลผลิตไฟฟ้าจะทำให้ต้นทุนต่ำกว่า หากราคาแอลเอ็นจี ราคาต่ำลงเช่น ช่วงนี้ตลาดจรอยู่ที่ประมาณ 22 เหรียญ/ล้านบีทียู ก็จะมีการนำเข้าแอลเอ็นจีมาใช้ ซึ่งล่าสุด เดือน พ.ค. ทางกกพ.ก็มอบให้ ปตท.และ กฟผ.นำเข้าหน่วยงานละ 2 ลำเรือ โดยก่อนหน้านี้ ก็เห็นชอบให้ กฟผ.นำเข้ามา 2 ลำเรือซึ่งจะมีการนำลำแรก วันที่ 5 พ.ค.ปรับจากเดิมจะนำเข้า 30 เม.ย.นี้ ประมาณ 65,000 ตัน
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง กล่าวว่า จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่ามากสุดในรอบ 5 ปี ที่อยู่ประมาณ 34.45 บาท/เหรียญสหรัฐ ก็ส่งทั้งผลทั้งดีและเสีย ในส่วนของผลเสีย คือต้นทุนนำเข้าวัตถุดิบแพงขึ้น เช่น ต้นทุนน้ำมันต้นทุนสัตถุดิบ ราคาสินค้าแพงขึ้นไปอีก แม้ว่าภาครัฐจะมีมาตาการออกมาช่วยบรรเทา แต่สุดท้ายก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด ส่วนผลดีคือ ส่งผลให้สินค้าส่งออกของไทยแข่งขันได้ดีขึ้น และผู้ส่งออกสินค้ามีรายได้จากการขายสินค้าเพิ่มมากขึ้น
ส่วนมาตรการภาษีน้ำมันดีเซลของไทย จะเป็นอย่างไร หลัง ครบกำหนด ลดภาษีลิตรละ 3 บาทในวันที่ 20 พ.ค. นี้ช่วงนี้ ก็ยังมีเวลาพิจารณาว่า โดยจะดูว่าจำเป็นต้องขยายเวลาการลดภาษีออกไปหรือไม่ ซึ่งการดำเนินการต้องคิดถึงฐานะการคลัง รายได้ของงบประมาณปี 2565 จะต้องไม่กระทบเป็นปัญหาตามมาภายหลัง
ด้านผู้ค้าน้ำมันแจ้งว่า ในช่วงนี้มีผู้ใช้ดีเซลมาเติมน้ำมันเป็นจำนวนมากในทุกกลุ่มก่อนที่ราคาจะขึ้น 2 บาท/ลิตรในวันที่ 1 พ.ค.นี้ ซึ่งปลัดกระทรวงพลังงาน ระบุว่า ในการเตรียมพร้อมทางกลุ่มธุรกิจพลังงานได้ขอความร่วมมือผู้ค้ามาตรา7 ทุกราย เตรียมน้ำมันดีเซลทั้งภาคอุตสาหกรรมและภาคขนส่งไม่ขาดเคลน เตรียมสำรองไว้เรียบร้อย
ด้าน บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ได้เตรียมความพร้อมรองรับความต้องการน้ำมันดีเซล ที่อาจเพิ่มขึ้นในช่วงนี้ ด้วยการสำรองน้ำมันอย่างเต็มที่ที่สถานีบริการ ตลอดจนเพิ่มกำลังคนในการให้บริการ เพื่ออำนวยความสะดวกภายในสถานีบริการน้ำมัน
บริษัท ปตท. น้ำมัน และการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ แจ้งว่าได้เตรียมความพร้อมโดยจัดหาน้ำมันเพิ่มเติมจากโรงกลั่นในประเทศ รวมถึงได้เพิ่มจำนวนรถบรรทุกขนส่งน้ำมันที่ได้มาตรฐาน เพื่อรองรับความต้องการของประชาชนที่เพิ่มขึ้น โดยได้สำรองน้ำมันทั้งที่สถานีบริการ พีทีที สเตชั่น และคลังน้ำมันของโออาร์ ทั่วประเทศให้มีเพียงพอ .-สำนักข่าวไทย