สำนักงานกกต. 21 เม.ย.-กกต.มีมติยกคำร้องกรณี “อุตตม” ขณะเป็นหน.พปชร. ส่ง “สิระ เจนจาคะ” ที่ขาดคุณสมบัติลงสมัครรับเลือกตั้งปี 62 เหตุคำสั่ง หน.คสช.ที่13/2561 ไม่ให้นำวิธีสรรหาผู้สมัครตามกฎหมายพรรคการเมืองมาใช้ในการเลือกตั้งครั้งแรก จึงนำบทโทษมาเอาผิดไม่ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) มีมติยกคำร้องกรณีนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ขอให้เอาผิดนายอุตตม สาวนายน แกนนำพรรคสร้างอนาคตไทย ขณะดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ฐานเจตนารับรองการส่งนายสิระ เจนจาคะ ลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส.ในการเลือกตั้งเมื่อ 24 มีนาคม 2562
กกต.เห็นว่า การสมัครรับเลือกตั้งเมื่อปี 2562 มีคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ( คสช.) ที่ 13/2561 เรื่องการดำเนินการตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง (เพิ่มเติม) ซึ่งข้อ 4 ให้ยกเลิกข้อความในมาตรา 144 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 และใช้ข้อความใหม่ที่มีเนื้อหาไม่ให้นำมาตรา 47 ถึง มาตรา 56 ที่กำหนดเกี่ยวกับวิธีการทำไพรมารีโหวต การส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งของพรรคการเมือง การให้หัวหน้าพรรคเป็นผู้ออกหนังสือรับรองการส่งผู้สมัคร มาบังคับใช้กับการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรก หลังพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 มีผลใช้บังคับ และกำหนดวิธีการสรรหาการส่งผู้สมัครของพรรคการเมืองไว้เป็นการเฉพาะ
ดังนั้น การที่นายอุตตม ในฐานะหัวหน้าพรรคลงนามรับรองการส่งนายสิระ ซึ่งเป็นผู้ที่มีลักษณะต้องห้ามการใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (10) เนื่องจากเคยต้องคำพิพากษาคดีฉ้อโกง ลงสมัครรับเลือกตั้ง จึงไม่สามารถนำบทโทษ ตามมาตรา 117 ถึง มาตรา 120 พ.ร.ป.ว่าด้วยการพรรคการเมือง 2560 ที่กำหนด โทษสูงสุดของหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรคหรือผู้เกี่ยวข้องกับกระบวนการสรรหาและการส่งผู้สมัครไม่ถูกต้องครบถ้วน ตามที่กฎหมายกำหนด ว่า ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี มาเอาผิดได้
ทั้งนี้ มีข้อสังเกตที่น่าสนใจว่ากกต.ชุดที่ผ่าน ๆ มา หากพบว่าผู้สมัครขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง นอกจากกกต.จะมีมติให้ดำเนินคดีกับผู้สมัครฐานรู้อยู่แล้วว่าตนเองไม่มีสิทธิสมัครแต่ยังลงสมัครแล้ว ยังมีมติให้สำนักงานแจ้งความดำเนินคดีกับหัวหน้าพรรค ซึ่งเป็นผู้ลงนามในหนังสือรับรองส่งผู้สมัครฐานเป็นผู้สนับสนุนผู้สมัครรับเลือกตั้งให้กระทำความผิด ฐานรู้อยู่แล้วว่าตนเป็นผู้ไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง แต่ลงสมัครรับเลือกตั้ง และฐานแจ้งความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงานและแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ ตามแนวคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2079/2554 และคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2502/2550 ที่ได้วางบรรทัดฐานไว้
สำหรับกรณีนายสิระ ก่อนหน้านี้กกต.มีมติให้สำนักงานแจ้งความดำเนินคดีฐานรู้อยู่แล้วว่าตนมีลักษณะต้องห้าม ไม่มีสิทธิสมัครแต่ยังลงสมัคร แต่การพิจารณากรณี นายอุตตมในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ขณะนั้นลงนามหนังสือรับรองส่งนายสิระลงสมัคร สำนักงานก็มีการเสนอแนวปฎิบัติของ กกต.ที่ผ่านมาที่มีมติให้ดำเนินคดีกับหัวหน้าพรรคในฐานผู้สนับสนุนผู้สมัครกระทำความผิด รวมถึงแนวคำพิพากษาศาลฎีกาต่อที่ประชุมเพื่อประกอบการพิจารณาด้วย แต่กกต.มีมติยกคำร้องด้วยเหตุผลดังกล่าว.-สำนักข่าวไทย