พรรคไทยสร้างไทย 11 เม.ย.-น.ต.ศิธา เปิดนโยบาย #ปลดปล่อยและสร้างพลังให้คนกรุงเทพ สร้าง Sandbox หนุนท่องเที่ยว ให้ปชช.ประเมินการทำงานของ จนท.กทม. พร้อมกประกาศจัดระบบระบายน้ำเป็นงานแรกหลังนั่งเก้าอี้พ่อเมือง
น.ต.ศิธา ทิวารี ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. พรรคไทยสร้างไทย เลือกใช้วันที่ 11 เมษายน เวลา 11 นาฬิกา 11 นาที หรือ 11.11 เปิดตัว 3 P ภายใต้แนวความคิด # ปลดปล่อยและสร้างพลังให้คนกรุงเทพฯ โดยให้เหตุผลว่า ชีวิตทางการเมืองผูกพันกับเลข 1 จากเคยอยู่บ้าน 111 วันนี้ได้หมายเลข 11 และหวังว่าตัวเลขจะลดลงเหลือเลข 1 เพียงตัว ชนะใจคนกรุงเทพ ฯได้
น.ต.ศิธา กล่าวถึงนโยบายที่เตรียมผลักดันว่า กรุงเทพฯ มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุด แต่รัฐบาลกลับมองข้ามและให้ความสำคัญกับ Sandbox ที่ภูเก็ต ดังนั้น เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในกรุงเทพมหานคร จึงเห็นว่ากทม .ควรถูกปลดล็อก เพราะกรุงเทพมหานครควรเป็นเมืองที่สมควรได้รับการส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยจะเข้าไปทบทวนการดำเนินการ Sanbox ที่กำหนดโรงแรม มีมาตรการความปลอดภัยจากโควิด -19 และกำหนด SHA+ ให้โรงแรมขนาดเล็กขาดโอกาส รับนักท่องเที่ยว และในพื้นที่ Sandbox สนับสนุนผู้ผลิดรายเล็กผลิต Craft beer ให้ชาวบ้าน มีรายได้ เพราะกฎหมายปัจจุบันกำหนดให้ผู้ผลิดรายเล็กต้องผลิตขั้นต่ำแสนลิตร ซึ่งจะเป็นการปิดโอกาสผู้ผลิตรายเล็ก ทั้งที่ปัจจุบันมีเบียร์ไทย นับ 10 ยี่ห้อ แต่ต้องใช้วิธีผลิตในต่างประเทศและนำเข้ามา
“จะผลักดันเรื่องเครดิตประชาชน โดยจะจัดให้มีกองทุนและให้ประชาชนในชุมชนเป็นผู้พิจารณากันเอง เพราะในชุมชนจะทราบดีว่าครอบครัวใดทำมาหากินหรือค้ายาเสพติดหรือหากินผิดกฏหมาย พร้อมกันนี้จะปฎิรูปกรุงเทพธนาคมลดระเบียบขั้นตอนราชการ เพื่อให้มีความโปร่งใส เพราะที่ผ่านมาผู้ว่าฯ กทม. มักตั้งคนของตนเองเข้ามาบริหารกรุงเทพธนาคม ซึ่งทำให้เกิดความเสียหายตามมา” น.ต.ศิธา กล่าว
น.ต.ศิธา กล่าวว่า จะส่งเสริมสตรีทฟู้ดที่เป็นจุดแข็ง ของกทม. ซึ่งหลายประเทศพยายามผลักดันให้เกิดสตรีทฟู้ด แต่ยังทำไม่สำเร็จ ต่างจากประเทศไทยที่โด่งดัง อยู่แล้ว หากเป็นผู้ว่า ฯ กทม.จะส่งเสริมสตรีทฟู้รองรับคนในกทม.และนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาท่องเที่ยวกรุงเทพมหานคร โดยจะพูดคุยกับเทศกิจ ทั้งนี้ จากการพบกับพ่อค้าแม่ค้า สะท้อนว่ามีอุปสรรคสำคัญการขายของสตรีทฟู้ต เชื่อว่าทุกวันนี้เทศกิจมีข้อมูลของพ่อค้าแม่ค้าอยู่แล้ว เพื่อให้คนซื้อและคนขายเกิดความสะดวก ถูกต้องตามกฏหมาย และไม่กีดขวางการจราจร
“ขณะเดียวกันจะเสริมรายได้ สร้างเศรษฐกิจทั้ง 50 เขต ด้วยการจัดงานจำหน่ายสินค้าวัฒนธรรมไทย เอกลักษณ์ของแต่ละเขตทุกเดือน ให้เหมือน ฮาราจุกุของญี่ปุ่น เพื่อดึงดูดและเป็นจุดขาย ทั้งยังเป็นการสนับสนุนการท่องเที่ยว อย่างตลาดน้อยที่ชาวต่างชาติประทับใจ แต่รัฐบาล ไม่เข้าไปสนับสนุน นอกจากนี้จะจัดการปัญหาขยะ เพิ่มพื้นที่สาธารณะให้เป็นระบบ ลดจุดเสี่ยงไม่ปลอดภัย โดยเฉพาะผู้หญิง ที่ปัจจุบันมีกว่า 600 จุดให้ปลอดภัยมากขึ้น” น.ต.ศิธา กล่าว
น.ต.ศิธา กล่าวถึงนโยบายที่เกี่ยวกับคนรุ่นใหม่ในยุคดิจิทัล ว่า จะตั้งแอปพลิเคชันใช้ทั้งติดต่อและติดตามการทำงานของข้าราชการ เจ้าหน้าที่กทม. การใช้บล็อกเชน สำหรับรับเรื่องร้องเรียนปัญหาในกทม. พร้อมจะให้ประเมินการบริการประชาชนหรือร่วมโหวตการบริการประชาชนผ่านระบบดังกล่าวด้วย และทันทีที่ได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. จะจัดระบบการระบายน้ำเป็นงานแรก ที่จะลุยตั้งแต่สัปดาห์ที่ 1 ของการทำงาน และจะจัดการปัญหาน้ำท่วมในกทม. จากเดิม ที่ทำได้ประมาณ 60 % เป็น 90% โดยไม่ต้องเพิ่มงบประมาณ
ด้านคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า น.ต.ศิธาจะนำร่องนโยบายต่าง ๆ ไปสู่การผลักดัน หากได้รับเลือกเป็นผู้ว่าฯ กทม. ทั้งเรื่อง craft beer กองทุนเครดิตประชาชนให้กู้ง่าย 5,000-50,000 บาท โดยเสียดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ 1 ต่อเดือนเพื่อให้ทุกคนตั้งตัวและล้างหนี้นอกระบบ รวมถึงจัดอีเว้นท์ทุกเขต เช่น เมืองแห่งศิลปะ แฟชั่นวีค มิวสิคเฟสติวัล หรือฟู้ดเฟสติวัล เพื่อสร้างรายได้ในทุกเทศกาล ตลอดปี
คุณหญิงสุดารัตน์ เสนอปลดล็อกและพักใบอนุญาตกฎหมายที่กดทับคนไทย ทำกทม.เป็นพื้นที่นำร่องเรื่องต่าง ๆ สร้างโอกาสให้คนไทย ได้ทำมาหากิน หลังเกิดปัญหาความเหลื่อมล้ำในประเทศ.-สำนักข่าวไทย