“แพทองธาร” ร่วมเปิดตัวผู้สมัครนายก อบจ. เพื่อไทย

ทำเนียบ 24 ธ.ค.- นายกฯ ลาราชการหลังประชุม ครม. ร่วมเปิดตัว “สจ.จอย-ผู้สมัครนายก อบจ. 9 จังหวัด บอกทุกคนมี DNA ของเพื่อไทย เชื่อทุกคนทุ่มเทให้พื้นที่ จะได้เสียงของความมั่นใจกลับมา


การประชุมพรรคเพื่อไทย ประจำสัปดาห์วันนี้ (24 ธ.ค.) มีการเปิดตัวผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดของพรรคเพื่อไทย 9 จังหวัด ประกอบด้วยจังหวัดน่าน บึงกาฬ ปราจีนบุรี เชียงราย สกลนคร นครราชสีมา ศรีสะเกษมุกดาหาร หนองคาย

นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยมีมติส่งนายก อบจ. ทั้งหมด 22 จังหวัด และลงในนามสมาชิกพรรคอีก 4 จังหวัด รวมที่มีการเลือกตั้งและที่ชนะไปแล้ว แบ่งเป็นภาคเหนือ 7 จังหวัดในนามพรรคเพื่อไทยได้แก่ ลำพูน ลำปาง แพร่ น่าน เชียงราย พะเยา สุโขทัย และลงในนามสมาชิกพรรคของภาคเหนือ 1 จังหวัด คือ เชียงใหม่


ภาคอีสาน 12 จังหวัดในนามพรรคเพื่อไทย ประกอบด้วย นครพนม มหาสารคาม สกลนคร ศรีสะเกษ บึงกาฬ หนองคาย มุกดาหาร นครราชสีมา ทั้งนี้มี 4 จังหวัดที่เลือกตั้งผ่านไปแล้ว ได้แก่ ยโสธร อุดรธานี ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ ส่วนในนามสมาชิกพรรคของภาคอีสาน 3 จังหวัด ได้แก่ อุบลราชธานี ขอนแก่น และอำนาจเจริญ ภาคกลาง 3 จังหวัด ในนามพรรคเพื่อไทย ได้แก่ กาญจนบุรี ปราจีนบุรี
และ ปทุมธานี ซึ่งครั้งแรกส่งในนามพรรคเพื่อไทย และชนะการเลือกตั้งแต่ภายหลังได้รับใบเหลือง จาก กกต. ทำให้การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยไม่ได้ส่งผู้สมัคร

ขณะที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรีและ ร่วมประชุมคณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์แล้ว ได้ราชการช่วงเวลา 15.00 น. เพื่อมาร่วมเปิดตัวผู้สมัครนายก อบจ. ในนามพรรคเพื่อไทย

โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า​ วันนี้ตนลางานมาทำกิจกรรมนี้โดยเฉพาะ​ เพราะจริงๆแล้ว​ งานท้องถิ่นเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ เพราะเป็นงานที่จะสามารถเปิดโอกาสเข้าไปดูแลประชาชนได้อย่างใกล้ชิดจริงๆ และเรียกได้ว่าเป็นประชาธิปไตยที่ใกล้ตัวประชาชนมาก ซึ่งถือเป็นสิ่งนี้พรรคเพื่อไทยให้ความสำคัญกับการดูแลท้องถิ่น​ และนโยบายของรัฐบาลเองก็ต้องกระจายอำนาจจากส่วนกลางไปสู่ท้องถิ่นให้ได้มากที่สุด เพราะยิ่งเรากระจายอำนาจลงไปประชาชนก็จะได้รับการดูแลมากยิ่งขึ้น และพรรคเพื่อไทยส่งผู้สมัคร​ 9 คน 9 จังหวัด เป็นตัวแทนจากพรรคเพื่อไทย​


นายกรัฐมนตรี​ ย้ำว่า​ ที่สำคัญคือทุกท่านมี DNA ของพรรคเพื่อไทย​ การดูแลประชาชนแบบพรรคเพื่อไทย ซึ่งส่วนกลางเองก็พยายามจะดูแลในมุมกว้าง​ มุมใหญ่​ ภาพรวม​ ว่าเราสามารถดูแลประเทศและประชาชนโดยรวมได้อย่างไรบ้าง ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อส่งต่อให้ถึงท้องถิ่นเพื่อไทยเอง​ ก็จะประสานงานกันอย่างใกล้ชิด​ เพื่อที่จะคล้องนโยบายของท้องถิ่นกับของส่วนกลางเข้าด้วยกัน

นายก​รัฐมนตรี​ กล่าวอีกว่า​ พรรคเพื่อไทย และ สส.ทุกคนทราบอยู่แล้ว ว่า​ ต้องการดูแลประชาชนอย่างใกล้ชิดทุกพื้นที่​ อย่างที่ตนพูดมาเสมอ​ แต่ละพื้นที่มีปัญหาของตัวเองเพราะฉะนั้นเราจะต้องให้คนที่ประชาชนรู้จักไว้ใจ และรู้ว่าคนเหล่านี้ทุ่มเทให้กับพื้นที่จริงๆทุ่มเทให้จากจังหวัดเรานั้นจริงๆ​ เราจะได้เสียงของความมั่นใจกลับมา​ และจากการเลือกนายกฯอบจ.ที่ผ่านมา​ ได้รับการชนะเลือกตั้งอบจที่ผ่านมา ตนขอแสดงความยินดีและแสดงความภาคภูมิใจ​ ว่าแต่ละพื้นที่ดูแลประชาชนเป็นอย่างดี​ จนได้รับความไว้วางใจ

นายกรัฐมนตรี ยังขอประชาชน เอาผู้สมัครนี้ไปดูแลประชาชนเพิ่มเติมในพื้นที่จังหวัดต่างๆและแน่นอนว่าการดูแลนี้ต้องเป็นการดูแลที่ดี และรับฟังปัญหาของประชาชนที่เดือดร้อนและพัฒนาจังหวัดของตัวเองให้เจริญรุ่งเรืองยิ่งๆขึ้นไป และประสานกับส่วนกลางให้ได้มากที่สุด​ เพราะฉะนั้นตนมั่นใจว่า 9 คนที่อยู่ตรงนี้​ รู้จักประชาชนในพื้นที่จังหวัดของตัวเองเป็นอย่างดี รู้วิถีชีวิตและความต้องการเป็นอย่างดีแต่แน่นอนว่านโยบายทุกอันอย่างในปีหน้าต้องเป็นปีแห่งโอกาส โอกาสต้องกระจายไปถึงท้องถิ่นต้องไปถึงประชาชนในอำเภอทุกๆอำเภอ อย่างการศึกษา 1 ทุน 1 อำเภอจริงๆแล้วท้องถิ่นเหล่านี้จะเป็นตัวประสานระหว่างส่วนกลางสู่ท้องถิ่น​ เพราะฉะนั้นขอฝากประชาชนทุกจังหวัดที่ยืนอยู่ตรงนี้ด้วยว่า ขอฝากอบจ.ของเพื่อไทยไว้ที่อ้อมใจของทุกคน แน่นอนว่าถ้าคนเหล่านี้ไม่ทำงานหนักไม่สู้พรรคเพื่อไทยไม่เลือกอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นขอส่งกำลังใจให้ทุกท่าน เมื่อได้รับการเลือกตั้งก็ต้องทำเพื่อประชาชนอย่างเต็มที่สุดความสามารถเพื่อจะแบ่งเบาภาระของกันและกันด้วย มั่นใจได้เลยว่า 9 คนตรงนี้จะดูแลประชาชนในประเทศจังหวัดตัวเองอย่างดีที่สุดแน่นอนและตัวดิฉันเองจะเรียกมาเช็คการบ้านบ่อยๆ ขอให้ทุกคนทำเพื่อประเทศชาติและประชาชนอย่างเต็มที่​ และถือได้วันนี้เปิดตัว 9 คนอย่างสวยงาม​ ขอให้ทุกคนสู้ๆ​

สำหรับ ผู้สมัครนายก อบจ. ของพรรคเพื่อไทยที่มีการเปิดตัว ทั้งหมด 9 จังหวัด ประกอบด้วย

  • 1.นายนพรัตน์ ถาวงศ์ จังหวัดน่าน
  • 2.ว่าที่ร้อยตรีภูมิพันธุ์ บุญมาตุ่ม จังหวัดบึงกาฬ
  • 3.นางนภาภัช อัญชสาณิชมน จังหวัดปราจีนบุรี
  • 4.นางสลุกจฤฎดิ์ ติยะไพรัช จังหวัดเชียงราย
  • 5.นฤมล สัพโส จังหวัดสกลนคร
  • 6.นางยลดา หวังศุภกิจโกศล จังหวัดนครราชสีมา
  • 7.นายวิวัฒน์ชัย โหตระไวศยะ จังหวัดศรีสะเกษ
  • 8.นายบุญฐิน ประทุมลี จังหวัดมุกดาหาร
  • 9.นายวุฒิไกร ช่างเหล็ก จังหวัดหนองคาย.-316
ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

จำคุกสมรักษ์คำสิงห์

ศาลสั่งคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน “สมรักษ์” พยายามข่มขืนสาววัย 17

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก “สมรักษ์ คำสิงห์” อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เป็นเวลา 2 ปี 13 เดือน 10 วัน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี

Chinese foreign ministry in January 2025

ถอดบทเรียนจากจีน แก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 จริงจัง

ปักกิ่ง 23 ม.ค. – สถานการณ์ฝุ่นพิษ PM 2.5 ที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่และเร่งด่วนในไทยอยู่ในขณะนี้ หลายฝ่ายกำลังหาทางแก้ไขด้วยการมุ่งไปที่ต้นตอที่ทำให้เกิดฝุ่น จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกระบุว่า ในปี พ.ศ. 2542 ประชากรโลกมากถึง 92% ได้รับฝุ่น PM2.5 ในระดับความเข้มข้นสูงกว่าที่องค์การอนามัยโลกกำหนด และถ้ารัฐบาลทุกประเทศไม่เร่งแก้ปัญหาอย่างเอาจริงเอาจัง ภายในอีก 7 ปีข้างหน้า หรือ พ.ศ. 2573 คุณภาพชีวิตคนทั่วโลกจะยิ่งเลวร้ายสุดขีด เพราะปริมาณ PM2.5 จะเพิ่มขึ้นจากเดิม 50% และประเทศที่สามารถพิสูจน์ให้เห็นเป็นตัวอย่างว่า หากรัฐบาลตั้งใจจริงจัง ทุ่มสรรพกำลังความพยายาม จะสามารถกำจัดปัญหาฝุ่นควันพิษได้อย่างแน่นอนนั่นก็คือ จีน   จีนเคยมีคนเสียชีวิตเพราะมลพิษในอากาศปีละหลายล้านคน แต่ทุกวันนี้แม้แต่ธนาคารโลกยังยกย่องจีนว่า เป็นแบบอย่างของความพยายาม สามารถพลิกฟ้าหม่นเพราะฝุ่น PM2.5 ให้กลับเป็นฟ้าใสได้สำเร็จ ความพยายามของเหมา เจ๋อตุง ผู้นำจีนที่มุ่งเปลี่ยนสังคมเกษตรกรรมเป็นสังคมอุตสาหกรรม ทำให้จำนวนโรงงานในจีนเพิ่มขึ้นทวีคูณภายใน พ.ศ. 2502 แน่นอนว่า นโยบายเศรษฐกิจของผู้นำจีนช่วยให้คนจีนหลายล้านหลุดพ้นจากขีดความยากจน แต่ก็ต้องแลกกับชีวิตและสุขภาพ เพราะควันพิษจากโรงงานทำให้ฝุ่น PM2.5 พุ่งในระดับเกินกว่าจะรับไหว กว่ารัฐบาลจะรู้ตัวว่าปัญหามาถึงขั้นวิกฤต […]

คึกคัก คู่รักจูงมือกันไปจดทะเบียนวันแรกกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผล

วันนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ หลายคู่รักควงแขนไปจดทะเบียนสมรสกันชื่นมื่น ที่สยามพารากอน มีคู่รักที่ลงทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสที่นี่กว่า 300 คู่

ผู้ป่วยเสียชีวิต

รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก-เสียชีวิต จากเหตุชายผิวสีคลุ้มคลั่ง

ผอ.รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก หรือเสียชีวิต จากเหตุต่างชาติผิวสีคลุ้มคลั่ง มีเพียงเจ้าหน้าที่ รพ.บาดเจ็บจากการถูกต่อยเล็กน้อย

ข่าวแนะนำ

เปิดรับการลงทุน

นายกฯ ย้ำบทบาทของไทยในเวทีโลก ที่ดาวอส พร้อมเปิดรับการลงทุน

นายกฯ ย้ำบทบาทของไทยในเวทีโลก ที่ดาวอส พร้อมเปิดรับการลงทุนสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ ด้วยจุดแข็งด้านเกษตรกรรม Soft Power และอุตสาหกรรมที่มีความยั่งยืน มุ่งมั่นพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลและการค้าเสรี เร่งสร้างสภาพแวดล้อมทางการค้าที่เสรี เปิดกว้าง และยั่งยืน

ช้างหลุดเดินถนน

ระทึก! ช้างหลุดจากปางช้างเดินบนถนน รถเสียหาย 1 คัน

ระทึก! ควาญช้างและตำรวจเร่งติดตามช้างหลุดจากปาง เดินบนถนน ชนกระจกมองข้างรถยนต์เสียหาย 1 คัน สุดท้ายไปเจอเล่นน้ำอยู่ในลำธารอย่างสบายใจ

ฝุ่น กทม.

แดงเกือบทั้งกรุง คุณภาพอากาศวิกฤติ ฝุ่น PM 2.5 กระทบต่อสุขภาพ

คุณภาพอากาศกรุงเทพฯ วิกฤติต่อเนื่อง เช้านี้ฝุ่น PM 2.5 อยู่ระดับสีแดง ผลกระทบต่อสุขภาพ 67 พื้นที่ คุณภาพอากาศจะแย่แบบนี้ไปถึงสัปดาห์หน้า

วันประวัติศาสตร์ สมรสเท่าเทียมวันแรก

วันนี้เป็นวันแรกที่กฎหมายสมรสเท่าเทียม มีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ ใน กทม. มีการจัดงานวันสมรสเท่าเทียมอย่างยิ่งใหญ่ เฉลิมฉลองให้กับเส้นทางการต่อสู้อันยาวนานกว่าที่กฎหมายจะมีผลบังคับใช้ ไม่ว่าเพศใดก็จะได้รับสิทธิการสมรสอย่างเท่าเทียมกัน