สธ. 9 เม.ย.- กรมควบคุมโรค แนะมาตรการป้องกันโรคโควิด 19 ช่วงสงกรานต์ และขอให้กลุ่มเสี่ยง 608 รีบไปฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นโดยเร็ว
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข แนะมาตรการป้องกันโรคโควิด 19 ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยเน้นสวมหน้ากาก ล้างมือบ่อยๆ เว้นระยะห่าง และหลีกเลี่ยงไปในที่เสี่ยงต่างๆ ที่มีคนอยู่รวมกันจำนวนมาก และขอให้กลุ่มเสี่ยง 608 โดยเฉพาะผู้สูงอายุ รีบไปฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นโดยเร็ว
วันนี้ (9 เมษายน 2565) นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาเพื่อพบปะญาติพี่น้องจำนวนมาก ประกอบกับในช่วงนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ยังคงพบผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง จึงขอความร่วมมือประชาชนปฏิบัติตามมาตรการ Self Clean Up และ Universal Prevention เพื่อให้ปลอดภัยในช่วงเทศกาลสงกรานต์
สำหรับมาตรการเตรียมพร้อมก่อนเดินทาง Self Clean Up ปลอดเชื้อโควิด 19 ดังนี้ 1) ขอให้บุตรหลานพาพ่อแม่ญาติผู้ใหญ่ โดยฉพาะกลุ่มเสี่ยง 608 ไปฉีดวัคซีน หากได้รับวัคซีนครบโดสแล้วให้ไปรับวัคซีนเข็มกระตุ้น สามารถฉีดได้ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพสต.) หรือสถานพยาบาลใกล้บ้าน พร้อมตรวจเช็คตนเองหากมีความเสี่ยงให้รีบตรวจ ATK 2) ให้ปฏิบัติตามมาตรการ Universal Prevention เน้นการสวมหน้ากาก 100% เว้นระยะห่าง ล้างมือบ่อยๆ อย่าใช้มือสัมผัสใบหน้า 3) หลังกลับจากสงกรานต์ ให้สังเกตอาการตนเอง 7 วัน ตรวจ ATK เมื่อมีอาการสงสัยติดเชื้อ และ WFH ตามความเหมาะสม ทั้งนี้ สถานที่จัดกิจกรรมสามารถจัดกิจกรรมตามประเพณีได้ เช่น การรดน้ำดำหัว หรือสรงน้ำพระ โดยให้ปฏิบัติตามมาตรการ Covid Free Setting อย่างเคร่งครัด จัดกิจกรรมในที่โล่ง และงดรับประทานอาหาร หรือเครื่องดื่มร่วมกันเป็นเวลานาน
นอกจากนี้ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ จะมีผู้เดินทางจำนวนมากและอาจเกิดอุบัติเหตุได้ จึงขอให้ผู้ขับขี่ยานพาหนะปฏิบัติตามกฎจราจรและกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พร้อมทั้งขอให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการ 3 ม. ได้แก่ ไม่เมา สวมหมวก ใส่แมส ร่วมกับมาตรการเกราะป้องกัน 3 ด่าน ได้แก่ ด่านตนเอง ควรตระหนักหากดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่ควรขับรถ ด่านครอบครัว ตักเตือนและป้องกันไม่ให้คนในครอบครัวดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และด่านชุมชน คัดกรองและประเมินคนเมาที่ขับขี่ โดยเน้นที่ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์บนถนนสายรอง เพื่อความปลอดภัยในการเดินทางและป้องกันอุบัติเหตุทางถนน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422 .-สำนักข่าวไทย