สปสช. 18 มี.ค.- สปสช. เผยสายด่วน 1330 สายโทรไม่ติดลดลงแล้ว หลังระดมความช่วยเหลือจากฝ่ายต่างๆ จนสัดส่วนสายโทรไม่ติด/ไม่มีคนรับ ลดเหลือ 0% ตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค. พร้อมปรับระบบสายด่วนใหม่ เน้นคัดกรองอาการ หากเข้าเกณฑ์กลุ่มเสี่ยงและเป็นผู้ป่วยสิทธิบัตรทอง จะลงทะเบียนเข้าระบบรักษาที่บ้าน หากไม่ใช่กลุ่มเสี่ยง แนะนำรักษาตามแนวทางใหม่ของ สธ. “เจอ แจก จบ”
นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวถึงสถานการณ์ของสายด่วน 1330 ซึ่งก่อนหน้านี้ประสบปัญหาประชาชนโทรไม่ติด/ไม่มีคนรับสาย (Abandon Call) เนื่องจากมีปริมาณการโทรเข้ามาพร้อมกันจำนวนมาก สูงสุดถึงกว่า 70,000 สาย/วัน ทำให้ประชาชนที่ต้องการโทรเข้ามาติดต่อเกี่ยวกับสิทธิบัตรทอง สอบถามข้อมูล หรือผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ต้องการลงทะเบียนเข้าระบบ Home Isolation บางส่วนไม่สามารถโทรเข้ามา โดยระบุว่าขณะนี้ปริมาณ Abandon Call ได้ลดลงเหลือ 0% แล้ว
นพ.จเด็จ กล่าวว่า ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างมาก ทำให้ Abandon Call ทยอยเพิ่มขึ้น โดยมีสัดส่วนเกิน 20% ตั้งแต่วันที่ 19 ก.พ. และมีจุดพีคที่ 57.49% ในวันที่ 26 ก.พ. สาเหตุนอกจากจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นแล้ว กว่า 50% ที่โทรเข้ามา มาจากผู้ที่ลงทะเบียนเข้าระบบ Home Isolation แล้ว แต่ไม่ได้รับการติดต่อกลับจากหน่วยบริการ จึงเกิดความกังวล และโทรกลับเข้ามาเพื่อสอบถามความคืบหน้า
อย่างไรก็ดี สปสช.พยายามแก้ไขปัญหาด้วยวิธีต่างๆ เช่น เพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่จิตอาสาในการตอบโทรศัพท์ รับการสนับสนุน Call Center จากหน่วยงานอื่นๆ เข้ามาช่วยรับสาย ประชาสัมพันธ์ให้แจ้งข้อมูลผ่านช่องทาง Non-voive เช่น ไลน์ออฟฟิเชียล @nhso รวมถึงนโยบายใหม่ของกระทรวงสาธารณสุข ที่ปรับเป็นการรักษาผู้ติดเชื้อโควิด-19 แบบผู้ป่วยนอก และแยกกักตัวที่บ้านหรือ “เจอ แจก จบ” ดังนั้นสถานการณ์สาย Abandon Call จึงมีสัดส่วนลดลงเรื่อยๆ มาอยู่ในระดับต่ำกว่า 20% ตั้งแต่วันที่ 8 มี.ค. และเหลือ 0% ตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค.ที่ผ่านมา
นพ.จเด็จ กล่าวว่า การลดจำนวน Abandon Call ต้องขอขอบคุณความร่วมมือร่วมใจจากหลายภาคส่วนที่สนับสนุนทั้งบุคลากรและ capacity มาช่วยสายด่วน 1330 อาทิ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ชลบุรี, พระพุทธบาท และสระบุรี ฝ่ายทหาร การไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา และกลุ่มจิตอาสากลุ่มต่างๆ ที่ช่วยตอบโทรศัพท์และตอบไลน์แชท จนลด Abandon Call เหลือ 0% สามารถให้บริการประชาชนและตอบสนองผู้ติดเชื้อโควิดได้อย่างทันสถานการณ์
เลขาธิการ สปสช. กล่าวต่อว่า จากการปรับแนวทางการรักษาผู้ติดเชื้อใหม่แนวทางใหม่ของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ทั้งแนวทางผู้ป่วยนอกและแยกกักตัวที่บ้าน หรือ “เจอ แจก จบ” และการปรับ UCEP โควิด เป็น UCEP Plus คือ ให้ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในกลุ่มสีเหลืองและสีแดง เข้าเกณฑ์เจ็บป่วยฉุกเฉินที่ใช้สิทธิ UCEP หรือรักษาเจ็บป่วยฉุกเฉินได้ทุกที่ สำหรับผู้ป่วยกลุ่มสีเขียวที่เป็นกลุ่มไม่มีอาการหรืออาการเล็กน้อย เข้ารักษาตามแนวทาง “เจอ แจก จบ” นั้น
ขณะนี้ สปสช.ปรับบทบาทสายด่วน 1330 ไม่ได้รับลงทะเบียนเพื่อเข้าสู่ระบบการรักษาที่บ้าน (Home Isolation) สำหรับผู้ป่วยทุกสิทธิการรักษาแล้ว แต่จะทำหน้าที่คัดกรองอาการ หากเข้าเกณฑ์กลุ่มเสี่ยง คือ กลุ่ม 608 (ผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป, ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว 7 โรค คือ โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง, หัวใจและหลอดเลือด, ไตวายเรื้อรัง, โรคหลอดเลือดสมอง, โรคอ้วน น้ำหนักมากกว่า 90 กก., มะเร็ง, เบาหวาน และกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป) คนพิการ ผู้ป่วยติดเตียง กรณีเป็นสิทธิบัตรทอง 30 บาท หรือสิทธิ สปสช. และสิทธิองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สปสช.จะลงทะเบียนเพื่อจับคู่สถานพยาบาลเข้าระบบการรักษาที่บ้านต่อไป ส่วนสิทธิอื่นติดต่อสายด่วนของแต่ละสิทธิ หรือสถานพยาบาลประจำของตน กรณีไม่ใช่กลุ่มเสี่ยง แนะนำให้ไปรักษาที่สถานพยาบาลตามสิทธิรักษาของท่าน เพื่อเข้ารักษาตามแนวทาง “เจอ แจก จบ” ต่อไป
โดยการใช้สิทธิมีดังนี้ สิทธิบัตรทอง 30 บาท (สปสช.) นอกจากไปที่สถานพยาบาลประจำที่ท่านลงทะเบียนไว้ ยังไปที่หน่วยบริการปฐมภูมิที่ไหนก็ได้ทั่วประเทศ (ไม่ใช้ใบส่งตัว) หน่วยบริการปฐมภูมิ เช่น สถานีอนามัย, รพ.สต., หน่วยบริการปฐมภูมิของโรงพยาบาล, ศูนย์สุขภาพชุมชน ศูนย์บริการสาธารณสุข รวมถึง คลินิกชุมชนอบอุ่น เป็นต้น สิทธิประกันสังคม ไปรักษา รพ.ที่ลงทะเบียนไว้ รวมถึงสถานพยาบาลรัฐและเอกชนในระบบประกันสังคมทุกแห่ง สอบถามเพิ่มเติมสายด่วนประกันสังคม 1506 และสิทธิข้าราชการ ไปรักษาได้ที่สถานพยาบาลรัฐทุกแห่ง ติดต่อสายด่วนกรมบัญชีกลาง 02-2706400 วันและเวลาราชการ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 1330 ตลอด 24 ชม. หรือ คลิก https://lin.ee/zzn3pU6 เพิ่มเพื่อนไลน์กับ สปสช. @nhso.-สำนักข่าวไทย