ผู้ตรวจการแผ่นดิน 17 มี.ค.- “พรรคกล้า” ร้องผู้ตรวจการแผ่นดิน แก้ไขข้อบังคับประชุมสภาฯ เอาผิด ส.ส.เข้าประชุมแล้วไม่แสดงตน ชี้ ส.ส.มีเอกสิทธิได้ แต่ต้องไม่เหนือคนทั่วไป
นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคกล้า พร้อมด้วยนายแสนยากรณ์ สิงห์วีรธรรม โฆษกพรรคกล้า ยื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้พิจารณาเสนอแนะต่อสภาผู้แทนราษฎร ให้แก้ไขข้อบังคับการประชุมสภาฯ โดยเพิ่มโทษกับ ส.ส. ที่มาประชุม แต่ไม่แสดงตน จนเป็นเหตุที่ทำให้เกิดสภาล่มหลายครั้ง ความเสียหายรวม 70 ล้านบาท
นายพงศ์พล กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้ยื่นหนังสือถึงประธานสภาฯ และเข้าชี้แจงคณะกรรมาธิการกิจการสภาฯ เมื่อวันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา โดยนำรายชื่อประชาชนจำนวน 1 หมื่นรายชื่อ ที่เห็นควรให้แก้ไขข้อบังคับ ไปมอบให้ด้วย แต่เมื่อชี้แจงได้เพียงระยะหนึ่ง กรรมาธิการฯ อ้างว่าข้อมูลประกอบการชี้แจงเชื่อถือไม่ได้ ทั้งที่เป็นข้อเท็จจริง ซึ่งปรากฎต่อสื่อมวลชนโดยทั่วไปอยู่แล้ว และเชิญตัวแทนพรรคกล้าออกจากที่ประชุม ตนรู้สึกผิดหวังและเห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนถึงความไม่จริงจังในการรับฟังเสียงประชาชนที่ต้องการหาวิธีให้การทำงานของสภาฯ มีประสิทธิภาพมากขึ้น จึงเห็นว่าผู้ตรวจการแผ่นดินมีอำนาจและหน้าที่ในการเสนอแนะปรับปรุงการทำงานของหน่วยงาน จึงขอให้ผู้ตรวจการฯ พิจารณา และมีข้อเสนอแนะไปยังสภาฯ โดยให้มีการแก้ไขข้อบังคับการประชุม รวมทั้งมีข้อเสนอเกี่ยวกับการให้สภาฯ รับฟังความคิดเห็นของประชาชน
นายพงศ์พล กล่าวว่า สำหรับข้อเสนอที่ให้มีการแก้ไขข้อบังคับการประชุมสภาฯ คือ เพิ่มโทษทางวินัยส.ส.ที่มาประชุม แต่ตั้งใจไม่แสดงตน 3 ข้อ คือ 1.โทษทางแพ่ง หักเงินในวันที่ไม่แสดงตนโดยคิดเป็นอัตรารายวัน คิดคำนวณตามฐานเงินเดือน 2.โทษใบเหลือง ถ้าขาดการแสดงตนเกินร้อยละ 10 หรือขาดเกิน 3-5 ครั้ง จะถูกจำกัดสิทธิในการโหวตรับร่างกฎหมาย และอภิปรายในการประชุม 2 ครั้ง และ 3.โทษใบแดง ถ้าขาดการแสดงตนเกินร้อยละ 25 จะถูกจำกัดสิทธิในการลงสมัคร ส.ส. และดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมืองในการเลือกตั้งครั้งหน้า ซึ่งโทษดังกล่าวเทียบเคียงมาจากมาตรฐานวิชาชีพต่างๆ เช่น นักเรียน ถ้ามาโรงเรียนแล้วไม่เข้าห้องเรียนก็โดนตัดคะแนน หรือพนังงานเงินเดือน ถ้าขาดงานก็จะโดนตัดเงินเดือน
“พรรคดำเนินการเรื่องนี้ด้วยความหวังดี อยากให้สภาฯ กลับมาเป็นที่เชื่อมั่น ศรัทธาของประชาชน แต่ทางกรรมาธิการฯ กลับบอกว่า จะเอา ส.ส.ไปเทียบกับนักเรียน หรือพนักงานเงินเดือนนั้นไม่ถูก เพราะ ส.ส.มีเอกสิทธิ์ว่า เราจะทำงานอย่างไรก็ได้ ซึ่งรู้สึกว่าโลกให้สิทธิคนเท่าเทียมกัน แต่เอกสิทธิ์ ส.ส.ที่ลอยเหนือสิทธิคนทั่วไป แม้ในเรื่องการทำงาน อย่างน้อยก็ควรมีการเกลาเพื่อให้มีประสิทธิภาพ และไม่ได้บอกว่าจะไปละเมิดสิทธิของสภาฯ และของ ส.ส.ที่มีอยู่เดิม แต่อยากให้ผลงานสภาฯ ที่ดีสุด” นายพงศ์พล กล่าว.-สำนักข่าวไทย