ทำเนียบรัฐบาล 23 ก.พ.-โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ กำชับศบค.ดูแลปชช.ให้ได้รับความสะดวกจากบริการสาธารณสุข ยกระดับ HI/CI เพิ่มคู่สายรับเรื่อง ตามการเบิกจ่ายงบประมาณให้ถูกต้อง พร้อมให้กำลังใจจนท.วิจัยวัคซีน
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ 4/2565 ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานว่า นายกรัฐมนตรีกำชับเรื่องการสื่อสารเพื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้องถึงประชาชน ประเทศไทยมีจำนวนผู้เสียชีวิตจำนวนน้อย เมื่อเทียบกับหลายประเทศที่มีจำนวนประชากรใกล้เคียงกัน ซึ่งหมายความว่าประเทศไทยมีระบบการสาธารณสุขที่ดี ผู้ติดเชื้อเข้าถึงระบบรักษาพยาบาลได้ดี
“ที่ประชุมได้รับรายงานเรื่องศักยภาพการดูแลรักษา อัตราการครองเตียง ยา เวชภัณฑ์ที่ยังเพียงพอต่อความต้องการ ซึ่งนายกรัฐมนตรีสั่งการให้ทุกหน่วยงานร่วมพิจารณาการดูแลรักษาประชาชนให้สะดวกมากขึ้น และให้ทุกหน่วยปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มงวดมากขึ้น เพื่อรักษามาตรการควบคุมโรค” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว
นายธนกร กล่าวว่า ในส่วนของความก้าวหน้าด้านวัคซีนโควิด-19 ที่วิจัยและพัฒนาในประเทศไทย นายกรัฐมนตรีขอบคุณและชื่นชมความก้าวหน้าที่จากทุกหน่วยงานที่ทำงานร่วมกัน ทั้งยังให้กำลังใจผู้ปฏิบัติหน้าที่ และอวยพรให้ประสบความสำเร็จในการคิดค้นวิจัย
“นายกรัฐมนตรีสั่งการเรื่องมาตรการการเปิดเรียน On site ในสถานศึกษา ให้ตรวจสอบ ดูแลให้ครอบคลุมทุกโรงเรียน สถานการศึกษา ให้ดูแลจัดการอย่างดีที่สุดเพื่อให้มีการเรียนการสอน การเตรียมการสำหรับการสอบ การเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดเทอมปีการศึกษาหน้าควบคู่กับการควบคุมโรค มีมาตรการด้านการสาธารณสุขที่เคร่งครัด รอบคอบ และมีแผนเผชิญเหตุที่เหมาะสม” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว
นายธนกร กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีสั่งการให้ติดตามเบิกจ่ายค่าบริการโควิด-19 ให้ถูกต้อง เหมาะสม ไม่ซ้ำซ้อน และขอให้การตรวจสอบพิจารณาถึงต้นทุนของแต่ละโรงพยาบาลที่อาจมีต้นทุนไม่เท่ากัน ในสถานการณ์ยากลำบากนี้ ขอความร่วมมือทุกหน่วยงานให้ความร่วมมือกับรัฐบาล สำหรับแผนการให้บริการวัคซีนโควิด-19 ของไทยปีนี้มีเป้าหมายกลุ่มเด็กนักเรียนที่ยังไม่เคยรับการฉีดวัคซีน และกลุ่มผู้ที่ฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์ สามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นตามแนวทางที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดไว้ รวมทั้งกลุ่มเด็กอายุ 5 – 11 ปีที่ได้รับการฉีดตามความสมัครใจของเด็กและผู้ปกครอง
“นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำให้ทุกพื้นที่ยกระดับประสิทธิภาพ HI CI รวมถึง call center และให้ปรับรูปแบบบูรณาการการแก้ไขปัญหาทั่วประเทศ ดูแลให้สอดคล้องกับสถานการณ์ รวมทั้งประชาสัมพันธ์สื่อสารให้ประชาชนทราบสถานที่บริการ HI CI เพื่อเข้ารับบริการได้ ทั้งนี้ ที่ประชุมได้หารือปรับมาตรการด้านต่าง ๆ เพื่อความเหมาะสม โดยนายกรัฐมนตรีกำชับให้ทุกหน่วยงานรายงานข้อจำกัด เพื่อนำมาแก้ไขปัญหาและปรับข้อกำหนด เพื่อพัฒนาการให้บริการประชาชนตามมาตรการสาธารณสุขที่สอดคล้องกับบริบท และเปิดโอกาสให้ดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้อย่างเหมาะสม” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว.-สำนักข่าวไทย