ตาก 13 ก.พ. – พบกระเป๋า ค้อนเหล็ก เสื้อผ้า และรองเท้าบูท ของ 3 คนร้าย ปล้นร้านทองกลางตลาดพบพระ ถูกถอดทิ้งไว้ในลำห้วยวาเล่ย์ที่กั้นระหว่างพรมแดนไทย-เมียนมา คาดผู้ก่อเหตุและช่วยเหลือสนับสนุนการปล้นทองครั้งนี้อาจมีมากกว่า 3 คน
ตำรวจยังคงไล่ล่า 3 โจรบุกปล้นร้านทองกลางตลาดพบพระ จ.ตาก กวาดทองไปกว่า 200 บาท โดยระดมปูพรมตรวจบ้านเป้าหมายและตรวจสอบรถกระบะคันที่ใช้คนร้ายใช้ก่อเหตุและนำไปจอดทิ้งไว้
กรณีคนร้าย 3 คน พร้อมอาวุธ บุกปล้นร้านทอง ชื่อห้างทองกรุงเทพ 4 พบพระ ถนนสายดอนเจดีย์-วาเล่ย์ หมู่ 1 ตำบลพบพระ จังหวัดตาก ใกล้กับทางเข้าออกหน้าโรงพยาบาลอำเภอพบพระ จังหวัดตาก ซึ่งตั้งอยู่ย่านใจกลางอำเภอพบพระ และเป็นย่านชุมชน โดยคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงใส่กระจกหน้าร้านทอง ใช้ค้อนทุบจนกระจกแตกละเอียด และยังยิงลูกค้าที่ซื้อทองขณะเกิดเหตุอยู่ภายในร้าน คือ นายชิอาก่า จนเสียชีวิต พร้อมกวาดทองคำกว่า 200 บาท ใส่กระเป๋าวิ่งออกจากร้านทองตรงไปขึ้นท้ายรถกระบะที่จอดสตาร์ทเครื่องทิ้งไว้ หลบหนีมุ่งหน้าไปแนวชายแดนไทย-เมียนมา
ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดไล่ล่าคนร้ายออกติดตามจนพบรถยนต์กระบะ หมายเลขทะเบียน บง-1910 คันที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ แต่ไม่พบคนร้ายทั้งสามและทอง โดยคนร้ายจอดรถยนต์คันก่อเหตุไว้บนเส้นทางบ้านผากะเจ้อ หมู่ 9 ตำบลพบพระ อำเภอพบพระ ห่างจุดเกิดเหตุประมาณ 6 กิโลเมตร และห่างจากแนวชายแดนไทย-เมียนมา กว่า 8 กิโลเมตร ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ยกรถของคนร้ายไปเก็บไว้ที่ สภ.พบพระ ก่อนที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานจังหวัดตากเข้าเก็บวัตถุพยานหลักฐานภายในรถของกลางคันดังกล่าว พบวัตถุพยานหลักฐานสำคัญที่คนร้ายทิ้งไว้ในรถหลายรายการ
ตรวจพิสูจน์หลักฐานรถใช้ปล้นทองและรถเกี่ยวข้อง
ขณะที่ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ตำรวจ สภ.พบพระ และตำรวจสืบสวนภูธรจังหวัดตาก ได้ประสานขอชุดทหารนำสุนัขทหารดมหาวัตถุหลักฐานภายในรถยนต์กระบะคันที่ใช้ก่อเหตุ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังตรวจยึดรถยนต์กระบะสีขาว ซึ่งเป็นรถยนต์ต้องสงสัยอีก 1 คัน ที่จอดทิ้งไว้ริมแม่น้ำเมย ห่างจากจุดพบรถยนต์คันแรกไปไกลกว่า 8 กิโลเมตร ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานจังหวัดตากได้เข้าเก็บวัตถุพยานหลักฐาน และได้หลักฐานสำคัญภายในรถยนต์ทั้ง 2 คันที่เชื่อมโยงกัน แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้
ขณะเดียวกันตำรวจยังเชิญตัวลูกชายอดีตตำรวจ อายุ 36 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของรถที่คนร้ายใช้ขับมาก่อเหตุ โดยลูกชายอดีตนายตำรวจเจ้าของรถยนต์กระบะตอนเดียว ให้การว่า รถของตนเองถูกคนร้ายปล้นไปและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการปล้นทองดังกล่าว ขณะนี้ตำรวจได้กันไว้เป็นพยาน พร้อมสอบสวนเชิงลึกนานหลายชั่วโมง
ผบช.ภาค 6 ลงพื้นที่ติดตามคดี
ช่วงเช้าที่ผ่านมา พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 พร้อมทีมสืบสวนหลายชุดปฏิบัติการ ได้ลงพื้นที่ตรวจสถานที่เกิดเหตุ พร้อมให้กำลังใจนางอำพร อยู่แก้ว เจ้าของร้านทองเกิดเหตุ
ตรวจค้นบ้านเป้าหมาย หวั่นคนร้ายหนีข้ามชายแดน
มีรายงานว่า ชุดสืบสวนได้นำหมายค้นเข้าไปปิดล้อมตรวจค้นบ้านกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่ชายแดนอำเภอพบพระ พร้อมกัน 3 จุดโดยมีทีมตำรวจติดอาวุธครบมือเข้าตรวจค้นและไล่ล่าคนร้ายทั้งสามด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากคนร้ายทั้งสามมีอาวุธติดตัว และอาจจะมีความเป็นไปได้สูงว่าคนร้ายอาจหลบหนีผ่านช่องทางธรรมชาติข้ามไปประเทศเพื่อนบ้าน หรือไม่ก็ยังคงหลบซ่อนตัวในป่าแนวตะเข็บชายแดนไทย-เมียนมา
สำหรับการปล้นร้านทองในครั้งนี้เป็นการปล้นที่อุกอาจที่ไม่เคยเกิดในพื้นที่อำเภอพบพระ ซึ่งตำรวจระบุว่าคนร้ายเตรียมการมาเป็นอย่างดี และมีการทำงานเป็นทีม มีการวางแผนการขับรถหลบหนีได้แบบชำนาญเส้นทาง
รอง ผบ.ตร.บินด่วนตรวจพื้นที่โจรปล้นทอง
ต่อมาช่วงบ่าย พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อม พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี และฝ่ายสืบสวนฝีมือดีหลายชุดปฏิบัติการในสังกัดตำรวจภูธรภาค 6 ได้ลงพื้นที่ สภ.พบพระ เพื่อประชุมความคืบหน้า ภายหลังการประชุมนานกว่า 1 ชั่วโมง พล.ต.อ.สุชาติ ได้เดินทางไปตรวจสถานที่เกิดเหตุที่ห้างทองกรุงเทพ 4 พบพระ พร้อมสอบสวนผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ พร้อมกำชับให้เจ้าหน้าที่เก็บวัตถุพยานหลักฐานให้ละเอียด จากนั้นได้เดินทางไปยังหมู่บ้านผากะเจ้อ จุดที่พบรถยนต์กระบะสีบรอนซ์เทา ซึ่งเป็นรถยนต์ที่คนร้ายปล้นมาจากนายหนุ่ย เจ้าของรถ ก่อนจะขับรถยนต์กระบะเข้าไปก่อเหตุ และตรวจบริเวณถนนทางการเกษตรท้ายหมู่บ้านยะพอ ซึ่งเป็นจุดพบรถยนต์กระบะสีขาว ซึ่งคาดว่าเป็นรถยนต์คันที่ 2 ที่กลุ่มคนร้ายขับมารับทีมปล้นทั้ง 3 คนออกจากจุดทิ้งรถยนต์กระบะจุดที่ 1 และขับนำพาคนร้ายทั้ง 3 คนไปส่งที่จุดที่ 2 ริมลำห้วยวาเล่ย์ ท้ายหมู่บ้านยะพอ
พบหลักฐานสำคัญคนร้าย
จุดนี้เจ้าหน้าที่พบหลักฐานสำคัญทางคดี โดยนำสุนัขดมกลิ่นทางยุทธวิธีของทหารมาช่วยค้นหาวัตถุพยานหลักฐาน จนสามารถพบกระเป๋าและค้อนเหล็กของคนร้ายอย่างละ 1 ชิ้น และยังตรวจพบเสื้อผ้าและรองเท้าบูทของคนร้ายทั้ง 3 คน ถูกถอดทิ้งไว้ในลำห้วยวาเล่ย์ ซึ่งเป็นลำห้วยกว้างเพียง 10 เมตร ที่กั้นระหว่างพรมแดนไทย-เมียนมา ท้ายหมู่บ้านยะพอ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ส่งตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานจังหวัดตากเข้าไปเก็บหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์และเก็บดีเอ็นเอของวัตถุพยานหลักฐานทุกชิ้นในทุกจุด เพื่อนำมาประกอบสำนวนคดีอย่างละเอียด พร้อมเร่งหาแหล่งร้านค้าที่คนร้ายไปซื้อทั้งเครื่องแต่งกาย พร้อมอุปกรณ์ที่ใช้ก่อเหตุ ขณะนี้มีความคืบหน้าเป็นอย่างมากตามลำดับ
เร่งเก็บหลักฐาน ประสานเพื่อนบ้านไล่ล่าคนร้ายอีกทาง
พล.ต.อ.สุชาติ กล่าวว่า เบื้องต้นคาดว่าคนร้ายวางแผนการปล้นชิงทองมาเป็นอย่างดี ขณะนี้คาดว่าคนร้ายอาจจะหลบหนีเข้าไปในประเทศเพื่อนบ้าน หรือซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่แนวตะเข็บชายแดนไทย-เมียนมา ซึ่งได้มีการประสานความร่วมมือไปยังประเทศเพื่อนบ้านให้ช่วยออกติดตามตัวคนร้ายแล้ว ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงว่าผู้ที่ก่อเหตุและช่วยเหลือสนับสนุนในการปล้นทองครั้งนี้อาจมีมากกว่า 3 คน โดยฝ่ายสืบสวนจำนวนมากถูกระดมกำลังลงพื้นที่ชายแดนอำเภอพบพระ ซึ่งอยู่ระหว่างเร่งสืบสวนสอบสวนขยายผลทางคดีอย่างเร่งด่วนแล้ว.-สำนักข่าวไทย