ระยอง 22 ม.ค.- เมื่อเย็นวานนี้ (21 ม.ค.) เกิดเหตุพนักงานบริษัทรถพ่วงที่ท่าเรือแห่งหนึ่งในระยอง 2 กลุ่ม เปิดฉากยกพวกตะลุมบอนดุเดือด หน้าโรงพัก แบบไม่เกรงใจตำรวจใน สภ.เมืองระยอง
ภาพเหตุการณ์ของกลุ่มพนักงานบริษัทรถบรรทุกพ่วง 2 บริษัท ที่ทำงานอยู่ในบริเวณท่าเทียบเรือบริษัทปิโตรเคมีชื่อดัง เปิดฉากยกพวกเข้าตะลุมบอนชกต่อยกันบริเวณลานจอดรถหน้า สภ.เมืองระยอง โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. ขณะที่นายรุ่งโรจน์ พนักงานขับรถพ่วงของบริษัทแห่งหนึ่ง ที่รับจ้างเหมางานอยู่บริเวณท่าเทียบเรือ เดินทางมาลงบันทึกประจำวันและขอให้ดำเนินคดีกับฝ่ายตรงข้าม ซึ่งเป็นพนักงานขับรถพ่วงบริเวณท่าเรือ
ขณะที่นายรุ่งโรจน์ กำลังเข้าแจ้งความและกล่าวหาฝ่ายตรงข้ามว่าทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บ รวมถึงรอบันทึกปากคำอยู่นั้น ปรากฏว่านายสมชาย อายุ 40 ปี ผู้ดูแลบริษัทรถพ่วงอีกแห่ง ได้เดินทางมาที่ สภ.เมืองระยอง พร้อมเข้าพบร้อยเวรและแจ้งเจตจำนงจะขอแจ้งความเช่นกันว่า ลูกน้องของตนถูกพนักงานของบริษัทอีกแห่งทำร้ายร่างกายด้วยอาวุธมีดจนบาดเจ็บ
จากนั้นปรากฏว่าเกิดเหตุไม่คาดฝัน เมื่อมีกลุ่มชายฉกรรจ์ที่ซุ่มดูท่าทีอยู่แล้ว วิ่งกรูเข้ามารุมชกต่อยนายรุ่งโรจน์โดยไม่ทันตั้งตัว จากนั้นได้มีการตะโกนร้องขอให้ตำรวจเข้ามาช่วยเหลือ จนกำลังตำรวจหลายนายต้องเข้าไปห้ามปราม แต่เหตุการณ์บานปลายหนักเพราะไม่มีใครยอมใคร ทำให้นายรุ่งโรจน์ อยู่ในอาการสะบักสะบอม และตำรวจนายหนึ่งถึงกับตะโกนว่า “เห็นตำรวจเป็นหัวหลักหัวตอหรือไง”
แต่ถึงขนาดนั้นทั้งหมดยังไม่หยุด และไล่ทำร้ายชกต่อยนายรุ่งโรจน์ ทำให้นายชูเกียรติ ซึ่งเป็นหัวหน้างานเข้าไปช่วยเหลือ แต่ก็ถูกลูกหลงไปหลายหมัด หลังก่อเหตุปรากฏว่ากลุ่มชายฉกรรจ์วิ่งขึ้นกระบะที่จอดรอหน้า สภ.เมืองระยอง และหลบหนีไป จากการตรวจสอบสภาพร่างกายนายรุ่งโรจน์ และ นายชูเกียรติ ปรากฏว่าพบบาดแผลถูกรุมชกต่อยที่ใบหน้าและลำตัวหลายจุด
ขณะที่พันตำรวจเอกอภิชนันท์ วัฒนวรางกูร ผู้กำกับการ สภ.เมืองระยอง ให้สัมภาษณ์ว่ากรณีดังกล่าวแบ่งเป็น 2 ฝ่ายคือ ฝ่ายรุมทำร้ายมีจำนวน 12 คน ส่วนฝ่ายที่บาดเจ็บมีจำนวน 3 คน ขณะที่ทั้ง 2 ฝ่ายมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อนที่ท่าเรือ ก่อนที่จะเดินทางมาแจ้งความเอาผิดซึ่งกันและกัน และได้พบกันที่โรงพัก จึงมีการเปิดฉากทำร้ายร่างกายกัน
ล่าสุดพนักงานสอบสวนได้เรียกตัวชายฉกรรจ์ 12 คนมาสอบปากคำดำเนินคดี ฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ และร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ส่วนกลุ่มที่ถูกทำร้าย 3 คนนั้น จะมี 1 คนที่ถูกแจ้งความดำเนินคดีฐานทำร้ายร่างกายและทำให้เสียทรัพย์เช่นกัน เพราะอีกฝ่ายได้แจ้งดำเนินคดีไว้ เป็นคดีที่ทะเลาะวิวาทกันที่ท่าเรือก่อนจะมาเจอกันที่โรงพัก
ทั้งนี้ หากผู้บาดเจ็บจากทั้ง 2 กรณีมีอาการสาหัสจะถูกแจ้งข้อหาเพิ่มฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บสาหัสเพิ่มเติมต่อไป ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าสำหรับทั้ง 2 บริษัทเป็นบริษัทรถพ่วงที่บรรทุกสินค้ามาลงในท่าเรือแห่งหนึ่ง โดยเป็นบริษัทที่ประมูลงานมาได้เหมือนกันและมักเกิดเหตุกระทบกระทั่งกันบ่อยครั้ง จนนำไปสู่การก่อเหตุอุกอาจหน้าโรงพัก.-สำนักข่าวไทย