พล.อ.ประวิตร ถกด่วนคุมเข้มวินัยจราจร-ช่วยเหลือน้ำท่วมใต้

S__2187376กรุงเทพฯ13ม.ค.- พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ในวันนี้(13ม.ค.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เรียกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าประชุมด่วนที่กระทรวงกลาโหม เพื่อหาแนวทางลดการสูญเสียสืบเนื่องจากเหตุการณ์หลังปีใหม่ ทั้งอุบัติเหตุบนท้องถนนและเหตุอุทกภัยขนาดใหญ่ในภาคใต้ที่กระทบต่อความมั่นคง ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินประชาชน  จนเกิดการสูญเสียชีวิตประชาชนจำนวนมาก โดยกำหนดมาตรการป้องกันและให้การช่วยเหลือเร่งด่วน ที่สามารถทำได้ทันที อาทิ อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในช่วงเทศกาลปีใหม่ พบว่าสาเหตุหลักมาจากการขับขี่ที่ประมาท ไร้จิตสำนึก และการฝ่าฝืนกฎ วินัย ข้อบังคับเป็นหลัก ซึ่งพล.อ.ประวิตร ได้ให้ความสำคัญและถือเป็นเรื่องเร่งด่วน จึงกำชับให้ทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องต้องดำเนินการทันที  โดยเฉพาะสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  ต้องบังคับใช้กฎหมายจราจรอย่างเข้มงวด จริงจังและต่อเนื่อง โดยให้กวดขันผู้ขับขี่ที่ไม่มีจิตสำนึก  ขาดสติ และไม่เคารพกฎจราจรเป็นหลักให้มีผลต่อเนื่องไปถึงเทศกาลสงกรานต์ ขณะเดียวกัน ได้หารือและเล็งเห็นถึงความจำเป็นที่กระทรวงคมนาคม ต้องปรับปรุงสภาพถนน ระบบแสงสว่างและระบบแจ้งเตือนบอกสภาพถนนหนทางให้มากขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่ที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง  พร้อมทั้งต้องกวดขัน คุมเข้มและจริงจังในมาตรการความปลอดภัยของรถโดยสารสาธารณะ  เช่น การตรวจสภาพรถ  การจำกัดความเร็ว  การติดตั้งกล้องประจำรถเพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร   กวดขันข้อบังคับผู้ขับขี่รถสาธารณะ และการใช้รถตรงตามประเภทที่กำหนด เป็นต้น ควบคู่กับการรณรงค์สร้างการรับรู้และมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวางกับประชาชนในทุกภาคส่วนของสังคมและลงลึกเฉพาะกลุ่มให้มากยิ่งขึ้น  ให้ตระหนักรู้ถึงสาเหตุและผลเสียหายที่เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุ  ตลอดจนการมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา เพื่อลดอุบัติเหตุและการสูญเสียชีวิตบนท้องถนนลงให้ได้  พร้อมทั้งให้เร่งกำหนดมาตรการจำเป็นอื่นๆร่วมกัน เพื่อผลักดันออกเป็นกฎหมายบังคับใช้ในระยะต่อไป


พล.ต.คงชีพ กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์อุทกภัยภาคใต้ที่เกิดขึ้น พล.อ.ประวิตร ให้ทุกส่วนราชการยังคงความต่อเนื่องในการสนับสนุนทรัพยากรช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ภายใต้การควบคุมของกระทรวงมหาดไทย จังหวัดและอำเภอในพื้นที่  โดยให้คำนึงถึงสภาพความต้องการที่แท้จริงของประชาชนที่ได้รับผลกระทบและให้มีความต่อเนื่องไปถึงการฟื้นฟูในพื้นที่  เพื่อให้ส่วนราชการ ระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน และบ้านเรือนที่เสียหาย รวมทั้งประชาชนในพื้นที่สามารถกลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติสุข  ทั้งนี้ ขอให้มีการศึกษาเพื่อกำหนดแนวทางป้องกันและแก้ปัญหาที่ยั่งยืนต่อวิกฤตอุทกภัยในแต่ละพื้นที่ควบคู่กันไป.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สาวซิ่งรถหรูชนท้าย จยย. ทำแม่ลูกดับ 3 ศพ

แม่ขี่ จยย.ไปรับลูก 2 คน กลับจากเรียนพิเศษ ถูกสาวขับรถหรูซิ่งชนท้าย ร่างกระเด็นตกสะพานข้ามรางรถไฟ เสียชีวิตทั้ง 3 คน ส่วนผู้ก่อเหตุอุ้มแมว ทิ้งรถ หลบหนีไป

ปิดล้อมล่ามือปืนคลั่งสังหาร 3 ศพ

ตำรวจเร่งไล่ล่ามือปืนคลั่งก่อเหตุยิง 3 ศพ ในพื้นที่ จ.หนองบัวลำภู ล่าสุดปิดล้อมพื้นที่กว่า 1,000 ไร่ รอยต่อ จ.เลย หลังพบเบาะแสคนร้ายหนีไปซ่อนตัว ขณะที่ชนวนสังหารยังไม่แน่ชัด

ลูกชายมือปืนคลั่งยิง 3 ศพ พาครอบครัวหนีตาย พ่อโพสต์ขู่ฆ่าล้างครัว

ลูกชายมือปืนคลั่งยิงดับ 3 ศพ ต้องพาภรรยาและลูก รวมถึงพ่อตา-แม่ยาย หนีไปอยู่ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง หลังพ่อโพสต์ข้อความขู่จะฆ่าล้างครัว เหตุจากปัญหาในครอบครัว

ชายคลั่งยิง3ศพ

ชายคลั่งยิงดับ 3 ศพ โผล่วัดที่ จ.เลย ขอข้าวกิน ก่อนหนีเข้าป่า

แม่ครัววัดภูคำเป้ ต.ผาสามยอด อ.เอราวัณ จ.เลย เผยพบชายคลั่งยิงดับ 3 ศพ เดินเข้ามาในวัดด้วยสภาพอิดโรย ขอข้าวกิน ลักษณะรีบกินเหมือนวิตกกังวล หลังกินเสร็จรีบเดินเข้าป่าหายไป ก่อนมาทราบภายหลังว่าเป็นผู้ก่อเหตุยิงคนเสียชีวิต

ข่าวแนะนำ

คานถล่มพระราม2

ตร.ทางหลวง แนะเลี่ยงถนนพระราม 2 หลังการจราจรเข้าขั้นวิกฤต

ตำรวจทางหลวง เผยการจราจรถนนพระราม 2 เข้าขั้นวิกฤต แนะเส้นทางเลี่ยงทั้งขาเข้าและขาออกกรุงเทพมหานคร ยังไม่ชัดเปิดการจราจรได้ตามปกติเมื่อใด

คานถล่มพระราม2

“สุริยะ” สั่งผู้รับเหมาหยุดก่อสร้าง ถนนพระราม 2 ตัดสิทธิ์รับงาน 2 ปี

“สุริยะ” รมว.คมนาคม เผยเย็นวันนี้เตรียมกลับไปตรวจสอบสาเหตุคานเหล็กก่อสร้างบนถนนพระราม 2 ถล่ม สั่งการผู้รับเหมาหยุดก่อสร้าง รวมทั้งตัดสิทธิ์รับงาน 2 ปี และขอให้เพิ่มความเข้มงวดมาตรการลดชั้นผู้รับเหมา เพื่อลดจำนวนอุบัติเหตุ

น้ำท่วมยะลา

น้ำท่วมยะลาวันที่ 3 ระดับน้ำเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง กระทบ 8 อำเภอ

วิกฤตน้ำท่วมยะลาวันที่ 3 ระดับน้ำเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ย่านการค้าเศรษฐกิจ พื้นที่รอบนอกยังอ่วม ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์อุทกภัย สรุปกระทบ 8 อำเภอ ประชาชนเดือดร้อน 131,685 คน