กรุงเทพฯ 14 ม.ค.- จับตาทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐ หลัง “โดนัลด์ ทรัมป์”ยัง ไม่เปิดเผยรายละเอียดนโยบายด้านเศรษฐกิจมากนัก ส่งผลบาทแข็งค่ารอบ 2 เดือน เงินไหลเข้าตลาดหุ้นไทย
บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด รายงานว่า เงินบาทสัปดาห์ที่ผ่านมา(9-13 ม.ค. ) แข็งค่าสูงขึ้น แตะระดับแข็งค่าสุดในรอบเกือบ 2 เดือนที่ 35.32 บาทต่อดอลลาร์ฯ ท่ามกลางแรงขายเงินดอลลาร์ฯ หลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดของนโยบายด้านเศรษฐกิจมากนักในการแถลงข่าวช่วงกลางสัปดาห์ นอกจากนี้ การแข็งค่าของเงินบาทก็มีความสอดคล้องกับสถานะซื้อสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ดี ทิศทางการแข็งค่าของเงินบาทเริ่มชะลอลงในช่วงปลายสัปดาห์ หลังตัวเลขการส่งออกของจีนที่น่าผิดหวัง กดดันสกุลเงินเอเชียในภาพรวม
สำหรับในวันศุกร์ (13 ม.ค.) เงินบาทอยู่ที่ 35.40 บาทต่อดอลลาร์ฯ แข็งค่าเมื่อเทียบกับระดับ 35.69 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (6 ม.ค.)
ในขณะที่ ดัชนีตลาดหุ้นไทย ปรับขึ้นจากแรงซื้อของนักลงทุนในประเทศ โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,575.24 จุด เพิ่มขึ้น 0.24% จากสัปดาห์ก่อน มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน ลดลง 16.50% จากสัปดาห์ก่อน มาที่ 54,456.46 ล้านบาท ส่วนตลาดหลักทรัพย์ MAI ปิดที่ 639.69 จุด เพิ่มขึ้น 1.07% จากสัปดาห์ก่อน
ตลาดหุ้นไทยปรับลดลงในวันจันทร์จากแรงขายทำกำไรของนักลงทุน ก่อนที่จะปรับฟื้นตัวในช่วงกลางสัปดาห์ตามแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติ หลังเงินดอลลาร์ฯ อ่อนค่าลง จากนั้น ดัชนีลดช่วงบวกลงในวันพฤหัสบดี โดยนักลงทุนต่างชาติกลับมาขายหุ้นไทยอีกครั้ง เนื่องจากนักลงทุนเพิ่มความระมัดระวังในการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ก่อนพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของนายทรัมป์ จากนั้น ตลาดหุ้นไทยปรับพื้นตัวขึ้นอีกครั้งในวันศุกร์ตามแรงหนุนจากราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น
สำหรับ สัปดาห์หน้า (16-20 ม.ค.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,560 และ 1,550 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,580 และ 1,590 จุด ตามลำดับ ด้านธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 35.30-35.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยจุดสนใจของนักลงทุนน่าจะอยู่ในวันที่ 20 ม.ค. ซึ่งเป็นวันสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของนายทรัมป์ ขณะที่ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัย ดัชนีกิจกรรมการผลิตของเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียและเฟดสาขานิวยอร์กเดือนม.ค. ดัชนีราคาผู้ผลิต ดัชนีราคาผู้บริโภค การผลิตภาคอุตสาหกรรม การเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้าง เดือนธ.ค. และตัวเลขเงินทุนไหลเข้าสุทธิเดือนพ.ย. นอกจากนี้ ตลาดอาจรอติดตามผลการประชุม ธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB และตัวเลขจีดีพีประจำไตรมาส 4/59 ของจีนด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ ตลาดการเงินสหรัฐฯ จะปิดทำการในวันจันทร์ที่ 16 ม.ค. เนื่องในวันมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ -สำนักข่าวไทย