สธ. 3 ม.ค.- ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แนะตรวจ ATK ก่อนเดินทางกลับและก่อนเข้าทำงาน ใช้มาตรการทำงานที่บ้าน 14 วัน หากต้องทำงานทันทีให้ตรวจ ATK สัปดาห์แรก 2 ครั้ง ห่างกันอย่างน้อย 3 วัน งดรวมกลุ่มและสังเกตอาการ 14 วัน กลุ่มเสี่ยงขอให้เร่งเข้ารับการฉีดวัคซีน
วันนี้ (3 มกราคม 2565) นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงสถานการณ์โรคโควิด 19 ว่า ภาพรวมทั่วโลกมีรายงานผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ส่วนผู้เสียชีวิตมีทิศทางลดลงต่อเนื่อง สำหรับประเทศไทย วันนี้พบผู้ป่วยรายใหม่ 2,927 ราย ผู้เสียชีวิต 18 ราย แนวโน้มผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นสูงกว่าการคาดการณ์เล็กน้อย ขณะที่ผู้เสียชีวิตลดลงต่อเนื่องและต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ ส่วนในกลุ่มผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ พบผู้ติดเชื้อ 168 ราย เป็นชาวต่างชาติ 78% ส่วนใหญ่ผ่านระบบ Test & Go โดยผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ไม่มีอาการหรือมีอาการเพียงเล็กน้อย ภาพรวมการฉีดวัคซีนสะสม 104,491,859 โดส ความครอบคลุมเข็มหนึ่ง 71.2% เข็มสอง 64.1% และเข็มสาม 9.8%
นายแพทย์เกียรติภูมิ กล่าวต่อว่า จากการติดตามสถานการณ์ พบจุดที่น่าเป็นห่วงคือการแพร่ระบาดลักษณะคลัสเตอร์ในหลายจังหวัดที่มีร้านอาหารกึ่งผับเป็นแหล่งแพร่กระจายเชื้อ จากการติดตามสอบสวนโรคพบว่า ร้านเหล่านี้ไม่ปฏิบัติตามมาตรการ COVID Free Setting คือ มีระบบระบายอากาศไม่ดี จัดที่นั่งแออัด ไม่มีการเว้นระยะห่าง พนักงานไม่สวมหน้ากากอนามัย มีการจำหน่ายสุราและแสดงดนตรี รวมถึงจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ ซึ่งหลังสิ้นสุดเทศกาลปีใหม่ คนกลุ่มนี้อาจได้รับเชื้อโควิด 19 และเมื่อกลับมาเรียนหรือทำงานอาจนำเชื้อมาแพร่กระจายต่อได้ ดังนั้น ก่อนเดินทางกลับขอให้มีการตรวจคัดกรองด้วย ATK และเมื่อกลับมาถึงหากสามารถทำงานที่บ้านได้ให้ทำงานที่บ้านเป็นเวลา 14 วัน แต่หากต้องเริ่มปฏิบัติงานทันทีขอให้ตรวจ ATK ก่อนเข้าทำงาน และในสัปดาห์แรกให้ตรวจ 2 ครั้งห่างกันอย่างน้อย 3 วัน พร้อมทั้งเฝ้าระวังอาการจนครบ 14 วัน และงดการรวมกลุ่มพูดคุย/รับประทานอาหาร หากเกิดการติดเชื้อในโรงงานไม่จำเป็นต้องปิดโรงงาน แต่ขอให้ใช้มาตรการ Bubble & Seal เพื่อไม่ให้เกิดการแพร่กระจายเชื้อออกภายนอก
ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขจะประชุมติดตามสถานการณ์ทุกวัน เพื่อปรับมาตรการต่างๆ ให้ทันสถานการณ์ สำหรับประชาชนขอให้ยังคงปฏิบัติตามมาตรการป้องกันตัวเองขั้นสูงสุด หลีกเลี่ยงการไปสถานที่เสี่ยง เช่น ร้านที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรการ COVID Free Setting และหากพบขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองในพื้นที่เพื่อดำเนินการแก้ไขปรับปรุง รวมทั้งขอให้ผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง ทั้งผู้สูงอายุ ผู้มีโรคเรื้อรัง สตรีมีครรภ์ ติดต่อขอรับวัคซีนได้ที่สถานพยาบาลของรัฐใกล้บ้าน เนื่องจากข้อมูลทั้งในประเทศและต่างประเทศยืนยันตรงกันว่า การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นจะช่วยเพิ่มภูมิต้านทานต่อเชื้อโควิด 19 ลดการป่วยหนักและเสียชีวิตได้ .-สำนักข่าวไทย