กรุงเทพฯ 21 ธ.ค. – ผู้ว่า รฟท.ยืนยันแนวทางการเดินรถไฟเข้าหัวลำโพง 23 ธ.ค.นี้ จะยังครบวันละ 80 ขบวน และหลังจากนี้ จะเร่งเช็กลิสต์ 4 ด้านเพื่อให้ได้ข้อยุติ การเดินรถในอนาคต ตามนโยบายกระทรวงคมนาคม
นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยถึง แนวทางการเดินรถ เข้าสู่สถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) ในวันที่ 23 ธันวาคมนี้ หลังวานนี้ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม สั่งการในที่ประชุมคณะกรรมการบริหารโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดง ให้หัวลำโพงยังมีขบวนรถเข้าสถานีเป็นปกติไปก่อน หลังก่อนหน้านี้มีแนวทางการลดขบวนรถเข้าหัวลำโพง เหลือ 22 ขบวน เพื่อทำการเช็คลิสท์ 4 ด้าน และทำแผน “แอคชั่น แพลน” ต่อไป
นายนิรุฒ กล่าวว่าการเช็กลิสต์นี้ รฟท. จะดำเนินการร่วมกับหลายหน่วยงานทั้งกระทรวงคมนาคม, กรมการขนส่งทางราง, สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร หรือ สนข. และนักวิชาการจากสถาบันการศึกษาต่าง โดยจะเช็คลิสท์ ใน 4 ประเด็น คือ
- ประเด็นเรื่องการปรับเปลี่ยนรถไฟทางไกล ไปใช้สถานีกลางบางซื่อ มีผลกระทบ แก่ผู้ใช้บริการและแก้ปัญหาอย่างไร
- ประเด็นที่เกี่ยวกับรถเชิงพาณิชย์ ที่ควรมาใช้สถานีกลางบางซื่อ เพราะในอนาคต จะเป็นจุดเชื่อมต่อไป โครงการสำคัญอื่น เช่น โครงการรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน,ไฮสปีด ไทย-จีน รถไฟชานเมืองสายสีแดง
- ประเด็นรถเชิงสังคม 40 ขบวน ควรเหลือ กี่ขบวน ปรับเวลาเดินรถ มีระบบอื่นมาแทนอย่างไร หากหยุดเดินรถเหล่านี้ไป
- การเร่งประชาสัมพันธ์ ให้เกิดความเข้าใจ เพราะขณะนี้วิธีประชาสัมพันธ์ มีประเด็นที่ความซับซ้อนมากขึ้น หลายมิติจะต้องสร้างตวามรับรู้ให้ทั่วถึง
ทั้งนี้ เบื้องต้น จะทำเช็กลิสต์ให้เสร็จ ใน 30 วัน หรือในเดือนมกราคม 2565 ก่อนจัดทำ “แอคชั่น แพลน” ให้มีความชัดเจน คำนึงประโยชน์ และฟังเสียงประชาชน เปิดช่องทางการรับรู้ให้กว้างขวาง โดยจะใช้เวลาจัดทำ “แอคชั่น แพลน” นานแค่ไหน จะขอดูรายละเอียด ข้อมูลการเช็กลิสต์อีกครั้ง
ส่วนการเดินรถไฟในวันที่ 23 ธันวาคม 2564 จะยังเป็นไปตามปกติ คือ มีจะยังมีรถเชิงสังคม 40 ขบวน เชิงพาณิชย์ 40 ขบวน รวมวันละ 80 ขบวน และมีขบวนรถท่องเที่ยวเกินรถเสาร์-อาทิตย์ อีก 6 ขบวน ซึ่งเป็นจำนวนขบวนรถที่เดินในช่วงสถานการณ์โควิด
อย่างไรก็ตาม ผู้ว่า รฟท. ยืนยันอีกครั้งว่า แนวทางการปรับลดขบวนรถเข้าหัวลำโพง เมื่อมีการเปิดใช้สถานีกลางบางซื่อ ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น แต่มีตั้งแต่โครงการสายสีแดง ผ่านการพิจารณา ครม . ในปี 2549 ซึ่งขณะนั้นต้องการให้สถานีกลางบางซื่อเป็นศูนย์กลางคมนาคมระบบราง จึงจำเป็นต้องมีการปรับให้ขบวนรถทางไกลมาสิ้นสุดที่บางซื่อแทน และนอกจากการเป็นศูนย์กลางเดินรถของบางซื่อแล้ว ยังมีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับต้นทุนการบริหารจัดการสถานี หากมีการเดินรถเข้าสถานีศูนย์กลางพร้อมกันถึงสองแห่งก็จะทำให้ต้นทุนบริหารจัดการสถานีสูงอย่างมีนัยยะสำคัญ ซึ่งก็มีความสำคัญต่อ รฟท. โดยปัจจุบันนี้การรถไฟมีต้นทุนการบริหารจัดการพื้นที่สถานีกลางบางซื่อเดือนละ 40 ล้านบาท และมีต้นทุนในการบริหารจัดการพื้นที่สถานีหัวลำโพงเดือนละอีกกว่า 10 ล้านบาท
ผู้ว่า รฟท. ยังกล่าวถึงประเด็นที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า การที่มีการเร่งรัดรถขบวนรถเข้าหัวลำโพง เป็นการทำเพื่อเอื้อประโยชน์ให้นายทุนหรือ “เจ้าสัว” ซึ่งเรื่องนี้ยืนยันว่าไม่มีมูลความจริงและการพูดในลักษณะดังกล่าวทำให้การรถไฟเสียหาย ส่วนจะมีการดำเนินคดีฟ้องร้องกับผู้ที่ยังไม่หยุดใส่ร้ายเรื่องดังกล่าวหรือไม่นั้น จะพิจารณาในข้อกฎหมายต่อไป
ส่วนแนวทางการพัฒนาพื้นที่ หัวลำโพงในอนาคตนั้น ผู้ว่า รฟท. ระบุว่า ทิศทางจะเป็นอย่างไรนั้น ในอนาคตแน่นอนจะมีการเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นอีกครั้ง รวมทั้งจะรอให้การศึกษาทำเช็กลิสต์ เกี่ยวกับการเดินรถเสร็จสิ้นก่อน เพื่อนำข้อมูลมาประมวลรวมกันอีกครั้ง.-สำนักข่าวไทย