ทำเนียบรัฐบาล 7 ธ.ค.-“นิพนธ์” รับหนุนสร้างนิคม เชื่อสร้างงานให้คนในพื้นที่มีรายได้ ชี้พื้นที่เป็นดินทราย ปลูกได้แต่แตงโม ท้าสำรวจส่วนใหญ่เห็นด้วย ส่วนน้อยไม่พยายามเข้าใจ
นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย อดีตส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะ จ.สงขลา ว่า โครงการนี้อยู่ระหว่างดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งกฎหมายระบุว่าจะต้องให้ทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA) ก่อน ต้องว่ากันไปตามขั้นตอน ตนไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยว
“โครงการนี้มีอยู่ 2 มุม คือ ถ้ากังวลเรื่องสิ่งแวดล้อมก็ต้องไปดูเรื่องสิ่งแวดล้อมและสร้างหลักประกันให้เกิดขึ้น แต่หากบอกว่าพื้นที่นี้ทำอะไรไม่ได้เลยจะต้องมาพิจารณาเหมือนกับการลงทุนทั่วไป ถ้าเอกชนสนใจจะลงทุนก็ต้องไปพิจารณาว่าเขาพร้อมทำตามกฎหมายหรือไม่ หากกฎหมายให้ทำ EIA หรือให้ทำEHIA ต้องทำให้ครบถ้วน” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าว
เมื่อถามว่า ในฐานะคนพื้นที่จะพูดคุยทำความเข้าใจกับชาวบ้านได้หรือไม่ นายนิพนธ์ กล่าวว่า ต้องปล่อยให้เป็นกระบวนการของเจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปล่อยไปตามขั้นตอน แม้ว่าตนจะเป็นคนในพื้นที่นั้นก็ตาม ขอให้ไปฟังคนส่วนใหญ่ในพื้นที่ ส่วนกรณีที่มีกลุ่มคนมาคัดค้านที่หน้าทำเนียบรัฐบาล ต้องขอให้พิจารณาว่าโครงการจะต้องทำตามขั้นตอนกฎหมายอย่างไร เพราะกฎหมายกำหนดไว้แล้วว่ากรณีไหนต้องทำ EIA กรณีไหนต้องทำ EHIA ต้องดำเนินการตามที่กฎหมายบังคับใช้ ความจริงเรื่องนี้พูดคุยกันมาหลายปีแล้ว ตั้งแต่ประมาณปี 59 ก่อนที่รัฐบาลนี้จะมาเสียอีก
ส่วนกรณีกลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยกับโครงการดังกล่าวมาเรียกร้องอยู่หน้าทำเนียบฯ และกล่าวหาว่านายนิพนธ์เป็นผู้รวบรวมโฉนดให้กับนายทุน นายนิพนธ์ กล่าวว่า เรื่องที่ดิน หากเอกชนเขาสนใจก็มีสิทธิ์ที่จะดำเนินการเหมือนกับเรื่องทั่ว ๆ ไป แต่เมื่อรวบรวมที่ดินแล้วต้องทำตามขั้นตอนกฎหมาย
เมื่อถามย้ำว่านายนิพนธ์มีส่วนรวบรวมที่ดินตามที่ถูกกล่าวหาหรือไม่ นายนิพนธ์ กล่าวว่า หลายคนที่ไปรวบรวมเป็นสิทธิของเขา เพราะการรวบรวมที่ดินไม่ผิดกฎหมาย แต่ถ้าจะทำโรงงานแล้วไม่ทำตามขั้นตอนกฎหมายถือเป็นประเด็น ส่วนที่กล่าวหาตนว่าเป็นคนรวบรวมที่ดิน หากเขาถามตนว่าเห็นด้วยกับโครงการนี้หรือไม่ ตนเห็นด้วยที่จะเข้าไปทำตรงที่ดินนั้น เนื่องจากที่ดินอ.จะนะ เป็นที่ดินที่ปลูกอะไรลำบาก เพราะเป็นพื้นทราย
เมื่อถามว่าแสดงว่านายนิพนธ์เห็นด้วยกับโครงการนี้จึงรวบรวมที่ดินให้กับเอกชน นายนิพนธ์ กล่าวว่า ใช่ เบื้องต้นเขาถามตนว่าทำได้หรือไม่ ก็บอกว่าทำได้ แต่การจะอนุญาตหรือไม่ ต้องเป็นไปตามกฎหมาย ตอนนั้นตนยังไม่ได้เป็นรัฐมนตรี อยู่ในตำแหน่งอื่นที่ไม่ใช่รัฐมนตรี ซึ่งโครงการนี้เริ่มคิดมาตั้งแต่ปี 59
เมื่อถามถึงเหตุผลที่ไปรวบรวมที่ดิน เพราะต้องการเห็นอ.จะนะ พัฒนาอย่างไร นายนิพนธ์ กล่าวว่า โครงการนี้จะเป็นประโยชน์กับพื้นที่อ.จะนะจะเกิดการจ้างงานขึ้น ต้องยอมรับว่าพื้นที่อ.จะนะเป็นพื้นที่ความมั่นคงเป็นพื้นที่ 4 อำเภอของจ.สงขลาที่ระบุว่าใครจะไปลงทุนแล้วจะได้สิทธิพิเศษ เพราะต้องการหาคนไปลงทุนให้มาก เนื่องจากมีระเบิดและมีกิจกรรมที่ไม่ปลอดภัยอยู่
นายนิพนธ์ กล่าวว่า เอกชนเขาสนใจโครงการนี้มานานแล้วตั้งแต่ปี 36 และ37 และแนวทางการศึกษาของสำนักงานสภาพัฒนาการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่จะทำท่าเรือน้ำลึก เหมาะสมด้วยกายภาพทางภูมิศาสตร์ ส่วนการไปรวบรวมโฉนดที่ดินมันไม่ผิดกฎหมาย ใครจะรวบรวมก็ได้ ตนรู้ว่าใครไปรวบรวมอยู่ ซึ่งเอกชนถ้าใครรวบรวมมาส่งเขาก็เอา ส่วนที่มีข่าวว่าตนไปกดดันนั้น มองว่าเป็นเงื่อนไขที่เชื่อมโยงให้เป็นประเด็นการเมือง ทั้งที่มันไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่เป็นเรื่องของความเหมาะสมที่จะมีโครงการหรือไม่ เรารู้กันอยู่ว่าโครงการพัฒนาต่าง ๆ ก็มีทั้งได้และลบ แต่จะทำอย่างไรให้ลบน้อยที่สุด นี่คือหลักการพัฒนา
“การส่งเสริมให้คนไปลงทุนโดยการให้สิทธิพิเศษ เอกชนก็อยากไปลงทุน ชาวบ้านจะได้มีงานทำ โครงสร้างนั้น ผมเห็นด้วย และที่เห็นได้ชัดคือ จังหวัดชายแดนภาคใต้เราแก้ปัญหาได้แล้ว ทั้งการศึกษา โครงสร้างพื้นฐาน ความไม่ปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สิน ดีกว่าเมื่อก่อนมาก ขณะนี้เหลือปัญหาเดียวคือ ความยากจนของประชาชน ฉะนั้น การทำให้คนในพื้นที่มีงานทำ ผมถือว่าเป็นการแก้ปัญหาหนึ่งในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ศึกษากันมานานกว่า 20 ปี” นายนิพนธ์ กล่าว
เมื่อถามย้ำว่า มีการกล่าวหาว่าเป็นนายหน้าค้าที่ดิน นายนิพนธ์ กล่าวว่า เขาก็ทำกันหมด ไม่ได้เกี่ยวกับโครงการผิดหรือถูก ส่วนนายหน้าค้าที่ดินนั้น มีกฎหมายรองรับ มีเรื่องค่านายหน้า แต่ตนไม่ได้เป็นนายหน้า ไม่ได้มีอาชีพนายหน้า แต่ถ้าใครจะซื้อ ตนก็ติดต่อให้เขาไปรู้จักกัน คุยกันเอง ไม่ปฏิเสธว่ามีคนรู้จักมาพูดคุย เพราะรู้จักคนจำนวนมาก เพราะที่อ.จะนะคือ บ้านตน ตนเกิดที่ อ.นาทับ เรียนหนังสือและโตที่นั่น แต่ไม่ได้ไปสั่งการให้ไปดำเนินการ ตนรู้จักคนที่นั่น รู้จักที่ดิน ที่ดินที่นั่นใช้ปลูกแตงโมเป็นส่วนใหญ่เพราะปลูกอย่างอื่นไม่ได้
เมื่อถามว่าประโยชน์ที่ได้รับมากกว่าใช่หรือไม่ นายนิพนธ์ กล่าวว่า นี่คือสิ่งที่ทำให้คนส่วนใหญ่สนับสนุน ลูกหลานเรียนจบมาตอนนี้ขึ้นมาทำงานกันที่กทม. ภาคตะวันออก เพราะในพื้นที่ไม่มีการลงทุน ไม่มีการจ้างงาน แทนที่คนกลุ่มนี้จะอยู่ในพื้นที่เพื่อพัฒนา แต่ไม่มีโอกาส ศอ.บต.จึงคิดโครงการนี้ขึ้น เพื่อให้มีงานทำ
“ต้องพูดคุยกัน ในพื้นที่เขาทำกันอยู่ ผมเป็นคนอ.จะนะ รู้ว่าในพื้นที่คุยกันอยู่ แต่จะมีคนกลุ่มหนึ่งที่พูดอย่างไรเขาก็ไม่เข้าใจ แล้วจะทำอย่างไร ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีพูดหลายรอบแล้วว่าสนับสนุนให้เดินหน้า แต่ต้องทำให้ถูกต้องตามขั้นตอนกฎหมายเท่านั้น อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีไม่ได้สั่งอะไรนอกเหนือจากนี้ กระบวนการยังดำเนินไปตามกฎหมาย
นายนิพนธ์ กล่าวว่า เนื้อหาของโครงการบอกไว้หมดว่ามีประโยชน์อย่างไร อธิบายได้ แต่ถ้าไม่พยายามรับฟังมันก็ยาก การจะมีคนเข้าไปสร้างงานให้เกิดขึ้น นี่คือประเด็นใหญ่ที่ชาวบ้านต้องการ แต่ยอมรับว่ามีส่วนหนึ่งที่ต้องการทำประมงต่อ อันนี้ก็เคารพ เพราะตนก็มาจากครอบครัวชาวประมง แต่ไม่ใช่ว่าลูกหลานจบมาแล้วทุกคนต้องไปทำประมง อาจมีทางเลือกอื่นที่ดีกว่าก็ได้
“เรื่องเห็นด้วยไม่เฉพาะผม แต่ไปถามดูได้ว่ามีหลายคนเห็นด้วยหรือไม่ เพียงแต่เขาไม่อยากมาพูดให้ขัดแย้งกัน ถ้าไปสำรวจสอบถามเชื่อว่า 80-90% เห็นด้วย คนที่มาคัดค้านนี้เป็นส่วนน้อย ลองไปติดตามดูในพื้นที่ได้ ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ที่ส่งลูกให้เรียนสูง ๆ เขาอยากให้ลูกมีงานทำในพื้นที่ อย่าว่าแต่ทำนิคมอุตสาหกรรมเลย ปลูกมะม่วงหิมพานต์ยังปลูกไม่ขึ้น ไปดูพื้นที่จริงได้ ปลูกปาล์มก็ไม่ต้องไปปลูก เพราะมันเป็นทราย ปลูกยางพาราก็ไม่รู้จะมีน้ำยางหรือเปล่า” นายนิพนธ์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย