เผยผลวิจัย ประชาชนเชื่อมั่นประชาธิปัตย์เพิ่มขึ้น

23 เม.ย. – “นิพนธ์” เผยผลวิจัยประชาชน เชื่อมั่นพรรคประชาธิปัตย์เพิ่มขึ้น หลังทัพ หัวหน้า อดีตหัวหน้า และเลขาธิการฯ เดินสายทั่วประเทศ


นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดใจต่อสื่อมวลชนต่อสถานการณ์การเลือกตั้งครั้งนี้ โดยเฉพาะพื้นที่ภาคใต้ และความเชื่อมั่นของพี่น้องประชาชนต่อพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ในฐานะที่เป็นผู้อำนวยการเลือกตั้งของพรรคปชป.ที่จัดการเลือกตั้งในครั้งนี้ ผมขอถือโอกาสนี้แจ้งต่อพี่น้องสื่อมวลชนว่าจากการติดตามสถานการณ์มาจนถึงวันนี้ผมขอยืนยันว่าประชาธิปัตย์ในพื้นที่ทั่วประเทศดีขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคใต้ และกรุงเทพ ฉะนั้นพรรคจึงมีความมั่นใจว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เป้าหมายที่ได้วางไว้แต่เดิมมีความเป็นไปได้ชัดขึ้น ตัวเลข 70-80 ที่นั่ง ที่ประมาณการเอาไว้ในช่วงก่อนการเลือกตั้งมาถึงนาทีนี้ทำให้เรามีความตั้งใจมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจากการที่พรรค โดยท่านหัวหน้าพรรคท่านจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ได้แถลงในยุทธศาสตร์ สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ ต่อมาเปิดตัวนโยบายของพรรคทั้ง 26 นโยบายรวมถึงนโยบายการสร้างสันติภาพ สู่สันติสุข ชายแดนใต้ มาถึงวันนี้ในมีการจัดทัพในการรณรงค์หาเสียงแบ่งเป็น 3 ท่านคือ ท่านหัวหน้าพรรค ท่านเลขาธิการพรรค และทัพของอดีตหัวหน้าพรรค ท่านชวน หลีกภัย ท่านบัญญัติ บรรทัดฐาน และท่านอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ทุกสายทุกทัพได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็งได้ตระเวนกันไปทั่วทุกภูมิภาค เพื่อพบปะกับพี่น้องขอคะแนนเสียงสนับสนุนให้เลือกประชาธิปัตย์ทั้งพรรคทั้งคน ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์หมายเลข 26 เป็นหมายเลขเดียวที่ใช้ได้ทั่วประเทศ ส่วนเขตพื้นที่ต่างๆนั้นแต่ละเขตก็ได้เลขหมายต่างๆกัน แต่การรณรงค์ของพรรคย้ำให้เลือกทั้งพรรค เลือกทั้งคน ฉะนั้นมาถึงนาทีนี้มีผลการวิจัยของพรรคใกล้เคียงกับผลการวิจัยของโพลหลายสำนักว่าประชาธิปัตย์มีการตอบรับอย่างดี มีเสียงขานรับในทุกภูมิภาคที่ดีขึ้น

ขอถือโอกาสนี้ยืนยันตัวเลขว่าจากการทำผลสำรวจ และได้ทำการทั้งของสำนักโพลต่างๆ สอดคล้องกับของพรรคประชาธิปัตย์ที่ทำอยู่ในขณะนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ภาคใต้ ที่เรามั่นใจว่าเราจะได้ตัวเลขไม่ต่ำกว่า 40 เราก็ยังยืนยันในตัวเลขนี้ ที่ภาคใต้ประชาธิปัตย์ยังมีความหวังว่าจะได้มากกว่า 40 ที่นั่ง


ในส่วนของสงขลานาทีนี้เรามีความมั่นใจว่าเรายังสู้ทั้ง 9 เขต และขณะนี้ถือว่าใกล้เคียงความจริงอย่างมาก เหลือเวลาอีก 3 อาทิตย์เราเชื่อว่า เขตที่ยังสูสีกันอยู่เราจะพยายามให้ชนะขาดให้ได้ ในขณะนี้เท่าที่ตัวเลขที่เราประเมินทั้งประเทศ ขั้นต่ำ 70 ที่นั่ง และก็ยังใกล้เคียงความจริงมากที่สุดในขณะนี้ แม้ว่าผลโพลอีสานบอกเราจะได้น้อย แต่จากการที่หลายสายไปเดินในภาคอีสาน ท่านบัญญัติก็ดี คุณหญิงกัลยาก็ดี ท่านรองชัยยศก็ดี ยืนยันกันว่าพื้นที่ภาคอีสานไม่ว่าจะเป็น สกลนคร อำนาจเจริญ โคราช หรืออุบลราชธานีเสียงประชาธิปัตย์ได้รับการตอบรับอย่างดี ซึ่งเรามีเป้าหมายอยู่ 3 เขต ในส่วนภาคเหนือถ้าเราดูโพลบางสำนัก ประชาธิปัตย์มี 4 ที่นั่ง เราประมาณการว่าน่าจะได้มากกว่านั้น บางจังหวัดเท่าที่สุ่มตัวอย่างมามีกระแสตอบรับดีมากทั้งสุโขทัย และเชียงใหม่บางเขต นอกจากจังหวัดตราด นครสวรรค์ จังหวัดสุโขทัยหรือพิจิตร สิ่งเหล่านี้ท่านรองนราพัฒน์ แก้วทองก็ดูแลอย่างใกล้ชิดในพื้นที่

จากการที่เราทำนโยบายประกันรายได้ให้เกษตรกรในพื้นที่ภาคเหนือภาคอีสาน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรไม่ว่าจะเป็นข้าวโพด ข้าว มันสำปะหลัง แม้แต่ยางพารา ซึ่งขณะนี้มีการปลูกทั่วประเทศ หรือปาล์ม นโยบายเหล่านี้ดูแลพี่น้องเกษตรกร 9 ล้านกว่าครอบครัว นี่คือสิ่งที่เรามีความมั่นใจว่าพี่น้องเกษตรกรได้รับผลประโยชน์จากนโยบายประกันรายได้ ให้เกษตรกร โดยเฉพาะอย่างยิ่งรอบนี้ประชาธิปัตย์เน้นเรื่องชาวนาเป็นกรณีพิเศษ อย่างที่บอกว่าชาวนารับไร่ละ 30,000 ต่อ 15 ไร่ ไร่ละ 2,000 บาท อันนี้ถือเป็นการดูแลพี่น้องเกษตรกรชาวนาแบบตรงเป้าหมาย และเราอาจจะพ่วงไปถึงในเรื่องสิ่งแวดล้อมด้วยเงื่อนไข เมื่อเก็บเกี่ยวแล้วห้ามเผาตอซังข้าว ซึ่งมันจะก่อให้เกิดมลภาวะ ตามมามากมาย และเพิ่มการผลิตคุณภาพของเกษตรกรของพี่น้องชาวนาด้วย นี่คือสิ่งที่ประชาธิปัตย์ยืนยันในเรื่งนโยบายของประชาธิปัตย์ รวมไปถึงนโยบายที่จะมุ่งอัดฉีดเงินเข้าไปในระบบเศรษฐกิจ ในหมู่บ้าน ในขุมชนในการจัดตั้งธนาคารชุมชนละ 2 ล้าน นี่คือสิ่งที่ประชาธิปัตย์ประกาศกับพี่น้องประชาชนเดินหน้าสิ่งเหล่านี้ รวมไปถึงสัปดาห์ที่ผ่านมาทางภาคใต้ เกิดปรากฏที่พรรคส่งทีมเศรษฐกิจมาสัญจรที่หาดใหญ่ เพื่อพบปะกับพี่น้องในพื้นที่ภูมิภาค มาประกาศเร่งรัดโครงสร้างพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็นทางรถไฟจากปาดังเบซาร์สู่หาดใหญ่ เพื่อเชื่อมให้นักท่องเที่ยวจากมาเลย์ที่มาขบวนรถไฟเข้าถึงหาดใหญ่ได้ หรือทางมอเตอร์เวย์จากหาดใหญ่ไปด่านนอก หรือสะเดา ซึ่งท่านสามารถ ราชพลสิทธิ์ได้ชี้แจงไปแล้ว รวมไปถึงสิ่งที่ท่านพิสิฐ ลี้อาธรรม ได้มาบอก จะผลักดันให้หาดใหญ่เป็นศูนย์กลางการเงินในภูมิภาค ซึ่งที่ผ่านมาสิ่งนี้ได้ตอกย้ำว่าประชาธิปัตย์จะพัฒนาสงขลา หาดใหญ่ พัฒนาภาคใต้ของประเทศไทยด้วยนโยบายอะไรบ้าง ซึ่งถือว่ามีความชัดเจนมากขึ้นตามลำดับ

ซึ่งจากงานวิจัยยังพบว่า ประชาชน กว่า 20% ของจำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั่วประเทศเกือบ 40 ล้านคน ยังให้ความเชื่อมั่นต่อพรรคประชาธิปัตย์ ที่ไม่เคยสร้างความเสียหายให้บ้านเมือง กลับตรงกันข้ามพรรคประชาธิปัตย์มักจะเป็นทางเลือกทางรอดทุกครั้งที่บ้านเมืองเกิดวิกฤต รวมทั้งความเชื่อถือในแนวอุดมการณ์และนโยบายที่พรรคได้ทำไว้ให้ประเทศในแต่ละยุคสมัยถึง 77 ปีที่ผ่านม่า ยังมีความต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน และแนวนโยบายหลายด้านที่กำลังทำ และที่จะทำต่อไปในอนาคตคือ


เรื่องการศึกษา และการยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องเกษตรกร โดยเฉพาะการประกันรายได้ ที่เกษตรกรทั่วประเทศสามารถมีความมั่นคงในรายได้ รวมทั้งนโยบายการสร้างชาติ สร้างคน ในด้านต่างๆ ที่มุ่งเน้นการสร้างความเข้มแข็ง อย่างมั่นคง ในการประกอบอาชีพ มากกว่านโยบายที่มุ่งไปที่การแจกจ่าย นายนิพนธ์ได้กล่าวอย่างมั่นใจว่า จากงานวิจัยของพรรค และการติดผลโพลของทุกสำนักที่ชี้ไปในทิศทางที่เป็นบวก ประกอบกับระยะเวลาอีก 20 กว่าวันที่เหลือของการรณรงค์หาเสียงในครั้งนี้ จะสามารถทำให้พรรคมีฐานคะแนนที่เติบโตขึ้นใกล้เคียงกับปี พ.ศ.2554 ที่เราเคยได้รับความไว้วางใจจากประชาชนถึง 11 ล้านคะแนน ซึ่งในปี พ.ศ. 2566 นี้ สมาชิกทุกคนของพรรคจะช่วยกันทุ่มเทในการรณรงค์หาเสียง เพื่อให้พี่น้องประชาชนช่วยสนับสนุนให้พรรคประชาธิปัตยเป็นหลักให้บ้านเมืองต่อไป .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศบ.ทก. เผย GBC สรุปข้อตกลง 2 ฝ่าย จ่อชง สมช.-ครม.นัดพิเศษ

ทำเนียบ 6 ส.ค.- ศบ.ทก. เผยข่าวดี ที่ประชุม GBC สรุปข้อตกลง 2 ฝ่าย พร้อมเตรียมเสนอให้ สมช. – ครม. นัดพิเศษ พิจารณาเย็นนี้ ก่อน รมช.กห. เดินทางร่วมลงนามพรุ่งนี้ ด้าน กต. เตรียมประชุมทูตทั่วโลก เพื่อชี้แจงสถานการณ์ให้นานาชาติเข้าใจ หลังพาองค์การระหว่างประเทศเยี่ยม 18 เชลยศึก ขณะที่ผ่อนปรนให้โดรนเพื่อการเกษตรบินได้หลัง 15 ส.ค.นี้ พลเรือตรีสุรสันต์ คงสิริ โฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทบ.) และนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศและรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมกับนางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงการณ์ภายหลังจากการประชุมความคืบหน้าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พลเรือตรีสุรสันต์ แถลงว่า สถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ในส่วนของความมั่นคงในห้วงที่ผ่านมา สถานการณ์โดยทั่วไปอยู่ในสภาวะปกติ มีการเสริมที่มั่นทางทหารในพื้นที่บางส่วน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่มีการเสริมกำลังทหารแต่อย่างใด ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเช่นเดียวกันก็มีการตรวจพบว่ามีการใช้โดรนเพิ่มมากยิ่งขึ้น ในสถานการณ์ไทยห้ามบินโดรนทั่วประเทศ ซึ่งฝ่ายความมั่นคงยังเข้มงวดในการสกัดกั้น ตรวจตรา ตรวจสอบ รวมทั้งดำเนินการตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องด้วย ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ถึงวันที่ […]

กกพ.จี้ MEA แจงปัญหาไฟดับ

กรุงเทพฯ 6 ส.ค. – สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จี้การไฟฟ้านครหลวง (MEA) แจ้งปัญหาไฟดับเป็นบริเวณกว้าง ด้านประชาชนแห่คอมเมนต์ผลกระทบและต้องการเห็นการชดเชย จากปัญหาความเดือดร้อนคนกรุงเทพฯ เมื่อคืนที่ผ่านมา (5 ส.ค.) เวลา 22.12 น. เกิดไฟดับเป็นบริเวณกว้างในพื้นที่ย่านสะพานควาย เขตพญาไท ถ.ประดิพัทธ์ และ ถ.พระรามที่ 6 และ MEA แก้ไขจนจ่ายครบเวลา 23.50 น. ทางสำนักงาน กกพ.แจ้งว่าได้ประสานให้การไฟฟ้านครหลวง (MEA) รายงานข้อเท็จจริง และแนวทางการแก้ไขและป้องกัน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุขึ้นอีก ในขณะที่ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบต่างระบุเดือดร้อนจากเหตุไฟดับ ต้องการให้ MEA ชี้แจงสาเหตุที่ชัดเจน บางส่วนก็ชื่นชม แก้ปัญหาได้รวดเร็ว บางส่วนก็ต้องการเห็น การชดเชยจาก MEA เพราะพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่เศรษฐกิจและมีประชาชนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยไฟดับทั้งอาคาร ดับทั้งไฟสาธารณะ ไฟจราจร สัญญาณอินเทอร์เน็ต ทั้งนี้ MEA ชี้แจงเบื้องต้นสาเหตุเกิดจากความขัดข้องทางเทคนิคของอุปกรณ์ในสถานีไฟฟ้าย่อย ในระหว่างการเตรียมการเพื่อปฏิบัติงานปรับปรุงระบบจ่ายไฟฟ้าตามปกติ, ไม่มีความเกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายหรือภัยคุกคามทางไซเบอร์ สาเหตุที่แท้จริงของอุปกรณ์ขัดข้องจะชี้แจงต่อไป ผู้สื่อข่าวรายงานว่า […]

ตำรวจเตรียมสอบเชิงลึกชาย BHQ หวั่นเป็นไส้ศึก

บุรีรัมย์ 6 ส.ค.-ตำรวจ สอบปากคำชายชาวกัมพูชา พบมีการใช้ชื่อถึง 4 ชื่อ อ้างเคยเป็นทหารหน่วย BHQ จริง แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อการคำให้การ เกรงแฝงตัวเข้ามาเป็นสายลับ กรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จังหวัดบุรีรัมย์ จับกุมชายชาวกัมพูชา ได้ที่บ้านพักภรรยาคนไทยและมีเครื่องแบบทหารพร้อมตราสัญลักษณ์ BHQ จากการสอบปากคำ เคยเป็นทหารหน่วย BHQ จริง แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว มาทำงานอยู่ไทย แล้วถูกสวมชื่อ จากการตรวจสอบพบมีการใช้ชื่อถึง 4 ชื่อ ซึ่งแต่ละชื่อไม่ตรงกัน และอ้างว่าเมื่อก่อนเข้ามาอย่างถูกต้อง แต่ล่าสุดมีการลักลอบเข้ามาผ่านช่องทางธรรมชาติทาง จ.สระแก้ว โดยอ้างว่าจ่ายเงินบุคคลที่พาเข้า 4,000 บาท แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อการคำให้การ เกรงว่าอาจจะแฝงตัวเข้ามาเป็นสายลับคอยส่งข้อมูลความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับความมั่นคงของไทย ไปให้ฝั่งกัมพูชา จากการตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์พบมีรูปถ่ายกายแต่งกายทหารและถือปืน เบื้องต้นทางตำรวจจะดำเนินคดีมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต.-สำนักข่าวไทย

GBC หารือใหม่เช้านี้ หลังเมื่อคืนถกถึงเที่ยงคืน

มาเลเซีย 6 ส.ค.-GBC ประชุมใหม่เช้านี้ หลังเมื่อคืน ฝ่ายกัมพูชา ไม่สามารถตัดสินตกลงใจได้ในบางหัวข้อและต้องส่งกลับไปให้พนมเปญพิจารณาต่อ การหารือภายใต้กรอบ GBC ณ เวลา 07.45 น. วันนี้ (ตามเวลาท้องถิ่น) เมื่อคืน คณะเลขานุการ GBC ของทั้งสองฝ่าย ได้เจรจากันถึงเวลา 00.15 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) แต่ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ในบางประเด็นสุดท้าย เนื่องจากฝ่ายเลขานุการ GBC ของฝ่ายกัมพูชา ไม่สามารถตัดสินตกลงใจได้ในบางหัวข้อและต้องส่งกลับไปให้พนมเปญพิจารณาต่อ จึงได้นัดประชุมอีกครั้ง เวลา 08.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) วันนี้ เพื่อหาข้อสรุปสำหรับประเด็นดังกล่าว โดยเมื่อเวลา 07.40 น. รัฐมนตรีช่วยกลาโหม ได้โทรศัพท์มาพูดคุยกับคณะเลขานุการ GBC ของฝ่ายไทยติดตามความคืบหน้าในการเจรจา ให้กำลังใจ และชื่นชมในการทำงานอย่างหนักถึงวินาทีสุดท้ายของทีมไทยแลนด์ ขอให้ประสบความสำเร็จในการเจรจา เพื่อบรรลุผลและปกป้องผลประโยชน์ของไทย.-สำนักข่าวไทย