กรุงเทพฯ 25 พ.ย. -สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จัดสัมมนาร่วมขับเคลื่อนแผนพลังงานชาติไปสู่เป้าหมาย โดยจะไม่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศสุทธิเพิ่มขึ้นในอนาคต
กลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในฐานะ ผู้ก่อตั้ง RE100 Thailand Club มูลนิธิพลังงานสะอาดเพื่อประชาชน และ สมาชิกร่วมก่อตั้งจำนวน 19 องค์กร ได้จัดงานประชุมและสัมมนา “RE100 Thailand Club ร่วมขับเคลื่อนแผนพลังงานชาติไปสู่เป้าหมาย Carbon Neutrality” โดยมีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานกล่าวเปิดงานสัมมนาและปาฐกถาพิเศษ
นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ภายในปี ค.ศ.2030 หรือ อีก 9 ปีข้างหน้า ไทยเรามีเป้าหมายจะปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เหลือ 0% ตามที่นายกรัฐมนตรีได้ไปประกาศในการประชุม COP 26 ที่เมืองกลาสโกลว์ ประเทศสก๊อตแลนด์ ซึ่งปัจจุบันไทยเราปล่อยก๊าซเรือนกระจกประมาณ 300 ล้านตันต่อปี และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจะมาจากภาคอุตสาหกรรมเป็นส่วนใหญ่ซึ่งการรวมตัวในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยในอนาคตเพราะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ทั้งนี้ตนเองอยากให้ทุกคนคิดถึงเรื่องของพลังงานสะอาด พลังงานทดแทนเพื่อเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนในอนาคต
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้กล่าวว่า สภาอุตสาหกรรมตระหนักรู้ถึงความสำคัญของความเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ในปี 2564 และที่ผ่านมาได้มีการดำเนินการหลายอย่างเพื่อรองรับสถานการณ์ดังล่าวและเพื่อส่งเสริมศักยภาพของผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม และสมาชิกของ ส.อ.ท. ให้ช่วยกันลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างเป็นรูปธรรม อาทิเช่น การแต่งตั้ง“คณะทำงานส่งเสริมและสนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของภาคอุตสาหกรรม”การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการเชื่อมโยงข้อมูลสารสนเทศโดยวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์กับสำนักงานโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) การจัดตั้งคณะทำงานย่อยการจัดทำข้อมูลการใช้พลังงานเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของภาคอุตสาหกรรม (Big Data Climate Change) การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือพัฒนาแพลตฟอร์มสำหรับการซื้อขายคาร์บอนเครดิตของประเทศไทย (Thailand Carbon Credit Exchange Platform) ร่วมกับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) (อบก.) เป็นต้น
นายวีระเดช เตชะไพบูลย์ รองประธานกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียน ส.อ.ท. และประธาน RE100 Thailand Club ได้แจ้งว่า RE100 Thailand Club มีการกำหนดวิสัยทัศน์ เพื่อเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของภาคอุปสงค์และอุปทานของพลังงานหมุนเวียนและคาร์บอนเครดิต ในช่วงการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานหมุนเวียน 100% ในระดับองค์กร อีกทั้งส่งเสริมให้พลังงานหมุนเวียน (RE) และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ (EE) เป็นเครื่องมือหลักในการ Decarbonization ผ่านการดำเนินงานของภาครัฐในด้านDeregulation, Decentralization และ Digitalization มุ่งไปสู่การแก้ปัญหาภาวะโลกร้อนและรักษาระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย และมีพันธกิจ : เพื่อบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนของประเทศไทยและการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี ค.ศ. 2050 ในรูปแบบสมัครใจในระดับองค์กร
การกำหนดเป้าหมายดังกล่าวของ RE100 Thailand Club ได้สอดคล้องกับนโยบายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ของประเทศไทยตามที่ท่านนายกรัฐมนตรีประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้แถลงไว้ในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 26 (COP26) ณ เมืองกลาสโกลว์ ประเทศสก๊อตแลนด์
ปัจจุบัน RE100 Thailand Club มีสมาชิกประมาณ 500 บริษัทรวมบริษัทในเครือของสมาชิก ซึ่งบริษัทสมาชิกร่วมก่อตั้ง อย่างเช่น บริษัท โตโยต้ามอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้มีการกำหนดเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนหรือการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Carbon Neutrality) ในปี ค.ศ.2035 บริษัทเด็นโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด ได้กำหนดเป้าหมายการใช้พลังงานหมุนเวียน(RE100) ในสัดส่วน 100% ภายในปีค.ศ.2025 และกำหนดเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนหรือการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ในปี ค.ศ.2035 และ กฟผ. มีนโยบายมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (EGAT Carbon Neutrality) ภายในปี ค.ศ. 2050.-สำนักข่าวไทย