กรุงเทพฯ 24 พ.ย.-กลุ่ม ปตท.คาดปี 65 ราคาพลังงานอยู่ในเกณฑ์สูงกว่าปีนี้ น้ำมันดิบดูไบเฉลี่ย 71-76 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ย้ำความร่วมมือฟ็อกซ์คอนน์จะตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้ายสร้างโรงงานอีวี กลางปี 65
นายธนพล ประภาพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายผู้ลงทุนสัมพันธ์ บริษัทปตท.จำกัด(มหาชน) คาดว่า กลุ่ม ปตท.ประเมินราคาน้ำมันเฉลี่ยปี 2565 จะปรับเพิ่มสูงขึ้นกว่าราคาเฉลี่ยปีนี้ ราคาจะต่ำกว่าไตรมาส 4 ปีนี้ คาดราคาน้ำมันดิบดูไบปี2565เฉลี่ยอยู่ที่ 71 – 76 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นจากปีนี้ที่เฉลี่ย 68-71 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล คาดค่าการกลั่น (GRM) ปี64 จะปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ 4-5 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นจากปีนี้ที่เฉลี่ย 3-4 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ส่วนราคาก๊าซธรรมชาติเหลวตลาดจรเอเชีย (Asian Spot LNG)เฉลี่ย 17.8 ดอลลาร์สหรัฐต่อล้านบีทียู เพิ่มขึ้นจากปีนี้ที่เฉลี่ย 15.5 ดอลลาร์สหรัฐต่อล้านบีทียู เนื่องจากสำรองก๊าซในยุโรปต่ำ และเทรนด์โลกหันมาใช้พลังงานสะอาดทดแทนการใช้พลังงานจากฟอสซิล ทำให้มีความต้องการใช้ LNG เพิ่มมากขึ้นในจีน
เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นตามการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหลังสถานการณ์โควิดคลี่คลายลง และการขาดแคลนพลังงานทั้งก๊าซและถ่านหินทำให้ธุรกิจไฟฟ้าจะเปลี่ยนมาใช้น้ำมันเตาเพิ่มขึ้น ขณะที่กลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันหรือโอเปกพลัส และฝั่งสหรัฐจะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบขึ้น
ส่วนทิศทางราคาปิโตรเคมีทั้งโอเลฟินส์และอะโรเมติกส์ในปี2565 มีแนวโน้มปรับตัวลดลงยกเว้นพาราไซลีน (PX) เนื่องจากมีกำลังการผลิตใหม่เข้ามาในตลาดเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปลายปีนี้ถึงกลางปีหน้า ทำให้ราคาเม็ดพลาสติก HDPE เม็ดพลาสติก PPและเบนซีน ปรับตัวลง2-4% จากปีนี้ ส่วนพาราไซลีนปรับเพิ่มขึ้น2-4%
“แนวโน้มผลการดำเนินงาน ปตท.ในปี 2565 เติบโตดีขึ้นจากปีนี้ จากการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลกทำให้ ความต้องการพลังงานและปิโตรเคมีฟื้นตัว ในขณะที่ธุรกิจสำรวจและผลิต (E&P) ราคาขายจะได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มอยู่ในระดับสูง และต้นทุนปรับตัวดีขึ้นหลังจาก ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) เข้าลงทุนในแหล่งโอมาน 61 ที่มีต้นทุนต่ำ ด้านธุรกิจก๊าซฯ คาดความต้องการ 5ปีข้างหน้า จะเติบโตเฉลี่ย 3%” นายประพล กล่าว
ส่วนความคืบหน้าในธุรกิจใหม่ ปตท.ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เช่น เจรจาร่วมทุนกับ ฟ็อกซ์คอนน์ กรุ๊ป จากไต้หวัน เพื่อตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า(อีวี)ในไทยว่าจะตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้าย(FID)เสร็จสิ้นกลางปี2565 ตามแผนจะตั้งโรงงานสร้างแพลตฟอร์มผลิตรถอีวี ครบวงจรแล้วเสร็จปลายปี 2566 กำลังผลิต 50,000 คัน และจะทยอยเพิ่มเป็น 150,000 คัน ในปี 2573
นอกจาก อรุณ พลัส บริษัทของ ปตท.ก็เตรียมแผนติดตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้าในปี65 รวม 1,350 แห่ง และ บมจ. ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก หรือ OR จะขยายปั๊มชาร์จไฟฟ้าอีก 200 แห่ง เพื่อให้ครบ 300 แห่งภายในสิ้นปี 2565 -สำนักข่าวไทย