กรุงเทพฯ 18 พ.ย. – ธนาคารกรุงไทย เดินหน้าเสริมทัพผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ฟื้นฟูธุรกิจต้อนรับการเปิดประเทศ ด้วยสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษเพื่อ SME ทั้งสินเชื่อฟื้นฟู สินเชื่อเพื่อการท่องเที่ยวและธุรกิจต่อเนื่อง สินเชื่อเพื่อส่งเสริมการจ้างงาน ระยะที่ 2
ธนาคารกรุงไทย พร้อมสนับสนุนและเคียงข้างทุกธุรกิจ เพื่อปลดล็อกเศรษฐกิจไทยให้เติบโต รับการเปิดประเทศ โดยเร่งสร้างความเข้มแข็งแก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีทุกกลุ่ม ด้วย 3 สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษ เพิ่มสภาพคล่องให้กับธุรกิจ ได้แก่ 1. สินเชื่อฟื้นฟู อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 2 ปีแรก ไม่เกิน 2% ต่อปี ผ่อนชำระสูงสุดไม่เกิน 10 ปี 2. สินเชื่อกรุงไทยเพื่อการท่องเที่ยวและธุรกิจต่อเนื่อง ดอกเบี้ยเริ่มต้น 4% ต่อปี วงเงินสูงสุด 1.5 เท่าของหลักประกัน (ไม่เกิน 100 ล้านบาท) ผ่อนนานสูงสุด 12 ปี และ 3. สินเชื่อเพื่อส่งเสริมการจ้างงาน ระยะที่ 2 สำหรับผู้ประกอบการที่ขึ้นทะเบียนกับประกันสังคม เพื่อนำไปเป็นเงินหมุนเวียนในกิจการ รักษาการจ้างงานอย่างต่อเนื่อง ผู้ที่สนใจลงทะเบียนขอสินเชื่อได้ที่ https://krungthai.com/th/content/personal-loan/softloan หรือติดต่อที่ธนาคารกรุงไทย ทุกสาขา และ Krungthai Contact Center โทร. 02-111-1111
นอกจากนี้ ยังมีนวัตกรรมดิจิทัลที่เพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจผ่านแอปพลิเคชันถุงเงิน ช่วยให้ผู้ประกอบการรับเงินง่าย สะดวก ปลอดภัย สร้างโอกาสทางธุรกิจจากโครงการภาครัฐ ทั้งโครงการคนละครึ่ง เราเที่ยวด้วยกัน และยิ่งใช้ยิ่งได้ รวมถึงโอกาสเพิ่มช่องทางการขายจากความร่วมมือกับพันธมิตรของธนาคาร เช่น โครงการ “พอยท์เพย์” ร่วมกับ AIS ที่สามารถใช้คะแนนสะสม ใช้จ่ายแทนเงินสดในร้านค้าถุงเงิน ช่วยกระตุ้นยอดขายให้กับร้านค้ารายย่อยในชุมชนต่างๆ อย่างทั่วถึง สามารถประคองกิจการให้อยู่รอดและเติบโตได้ในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว อีกทั้งยังมี Krungthai Business ตอบโจทย์ธุรกิจ SME ง่ายทุกเรื่องการเงิน ด้วยดิจิทัลแพลตฟอร์มเพิ่มประสิทธิภาพบริหารจัดการการเงินของธุรกิจได้ง่ายๆ ไม่ว่าจะผ่านแอปพลิเคชัน หรือผ่านคอมพิวเตอร์ที่ช่วยให้การรับ จ่าย โอนเงิน บัญชีธุรกิจ เป็นเรื่องง่าย อัปเดตทุกบัญชี รู้ทันทีทุกการเคลื่อนไหวได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ธนาคารยังได้จัดสัมมนาออนไลน์ ภายใต้หัวข้อ “เปิดประเทศ เปิดโอกาส เคียงข้างธุรกิจคุณ” เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เพื่อเติมความรู้เสริมความแข็งแกร่งให้ลูกค้าและผู้ประกอบการเอสเอ็มอี โดย ดร.พชรพจน์ นันทรามาศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ได้ให้มุมมองเศรษฐกิจไทยปี 2565 ว่า จะเติบโต 3.9% จากการขยายตัวของการใช้จ่ายภาคเอกชนที่ขยายตัวได้ดี การส่งออกที่เติบโตกว่าคาด และโอกาสที่นักท่องเที่ยวจะกลับมามากขึ้น หลังรัฐบาลเปิดประเทศ โดย 3 เทรนด์ธุรกิจมาแรงของเอสเอ็มอีในอนาคต ประกอบด้วย เทรนด์รักบ้าน รักสุขภาพ และ รัก(ษ์)โลก มีธุรกิจดาวรุ่ง 5 ประเภท ได้แก่ การแพทย์ การดูแลสุขภาพ อาหารและเครื่องดื่ม พลังงานสะอาด และยานยนต์ไฟฟ้า อย่างไรก็ดี เทคโนโลยีคือ หัวใจสำคัญในการคว้าโอกาส ลดต้นทุน ยกระดับมาตรฐานสินค้าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการแข่งขัน รวมถึงต้องเกาะติดเทรนด์ของโลก Metaverse หรือโลกเสมือนจริง ที่จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ในภาคธุรกิจอุตสาหกรรมต่างๆ ด้วย
ดร.กฤตินี พงษ์ธนเลิศ อาจารย์ประจำภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ให้ความรู้เสริมกลยุทธ์การตลาดแบบใหม่ “Mind X Change” เพื่อให้ผู้ประกอบการนำไปประยุกต์ใช้ในการทำตลาด ด้วยการค้นหาคุณค่าที่แท้จริงของสินค้า (Value Proposition) รวมทั้งเปิดมุมมองธุรกิจและปรับตัวรับโอกาสใหม่ๆ ที่จะเข้ามาพร้อมการเปิดประเทศ
นายภาณุวัชร วัฒนกิจรุ่งโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วรรณวนัช เบเกอรี่ จำกัด ของฝากชื่อดัง จังหวัดนครปฐม ที่มุ่งเน้นคุณภาพ ทำด้วยใจ สดใหม่ทุกวัน กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมาได้ขยายตลาด และช่องทางการขายใหม่ๆ เพราะมองเห็นโอกาสที่จะเดินหน้าเพิ่มกำลังการผลิตเต็มสูบ โดยมีธนาคารกรุงไทยเข้ามาช่วยเสริมกำลังให้แข็งแรงธุรกิจก้าวไปข้างหน้าต่อได้
นายสุเมธ นิรเพียรนันท์ กรรมการผู้จัดการ บจ. ซี เนเชอรัล ฟาร์มาซูติคอล จำกัด หนึ่งในโรงงานผลิตยาสมุนไพรและอาหารเสริม กล่าวว่า สถานการณ์โควิด – 19 ส่งผลกระทบกับธุรกิจอย่างหนัก แต่ยังสู้ไม่ถอยและแก้เกมด้วยการแตกไลน์ธุรกิจ และช่องทางการขายใหม่ โดยออกยา “ฟ้าทะลายโจร” สามารถประคองธุรกิจให้ไปต่อได้ และมั่นใจว่าสถานการณ์ในปีหน้าทุกอย่างจะกลับมาดีขึ้น.-สำนักข่าวไทย