Krungthai COMPASS เปิด 6 เทรนด์ท่องเที่ยวยุคใหม่ดึงดูดนักท่องเที่ยว

กรุงเทพ 30 ก.ค. – ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ประเมินนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทย 40 ล้านคน เท่ากับช่วงก่อนเกิดโควิด หนุนให้รายได้ภาคท่องเที่ยวไทยแตะ 3 ล้านล้านบาท ในปี 2568 พร้อมเปิด 6 เทรนด์การท่องเที่ยวยุคใหม่ ดึงดูดนักท่องเที่ยวศักยภาพ มีการใช้จ่ายสูง ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มภาคการท่องเที่ยวไทยไม่ต่ำกว่า 1.35 แสนล้านบาท


นายพชรพจน์ นันทรามาศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ภาคการท่องเที่ยวที่เป็นเครื่องยนต์สำคัญของเศรษฐกิจไทย มีสัญญาณฟื้นตัวชัดเจน โดยคาดว่า ในปี 2567 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมีโอกาสขึ้นไปแตะระดับ 36.5 ล้านคน และในปี 2568 มีโอกาสเข้าสู่ระดับเดียวกับช่วงก่อนโควิดที่ 40 ล้านคน แม้นักท่องเที่ยวจีนจะฟื้นตัวได้ต่ำกว่าช่วงก่อนโควิดที่ระดับ 65%-90% โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการเติบโตของนักท่องเที่ยวกลุ่มหลักอย่างมาเลเซีย อินเดีย รัสเซีย และเกาหลีใต้ รวมถึงนักท่องเที่ยวกลุ่มยุโรป และตะวันออกกลาง ส่งผลให้รายได้รวมจากการท่องเที่ยวในปี 2567-2568 มีมูลค่าราว 2.65-3 ล้านล้านบาท แม้รายได้จะยังกระจุกตัวอยู่ในเมืองท่องเที่ยวหลัก แต่การกระจายรายได้สู่จังหวัดเมืองรองเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น โดยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567 มีสัดส่วนราว 13.4% ของรายได้จากภาคการท่องเที่ยวโดยรวม ปรับเพิ่มขึ้นจากช่วงก่อนโควิด ที่มีสัดส่วนเพียง 9.2% โดยเมืองรองยอดฮิต 5 อันดับแรก คือ สุพรรณบุรี สมุทรสงคราม เชียงราย จันทบุรี และอุดรธานี มีจำนวนนักท่องเที่ยวฟื้นตัวได้สูงกว่าช่วงก่อนโควิด ที่ระดับ 130%-343% สะท้อนให้เห็นว่านักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติมีความสนใจที่จะเดินทางท่องเที่ยวในจังหวัดเมืองรองมากขึ้น สำหรับ สุพรรณบุรี ถือเป็นจังหวัดเมืองรองที่มีนักท่องเที่ยวมากที่สุดถึง 3.4 ล้านคน สมุทรสงคราม 3.3 ล้านคน และเชียงราย 2.9 ล้านคน

นายธนา ตุลยกิจวัตร นักวิเคราะห์ ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS กล่าวว่า พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวเปลี่ยนแปลงไปจากช่วงก่อนโควิด ที่เน้นท่องเที่ยวแบบ Mass Tourism ไปสู่การท่องเที่ยวแบบเฉพาะเจาะจงมากขึ้น ผนวกรวมกับนโยบายด้าน Soft Power ที่ภาครัฐพยายามผลักดันอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านอาหารไทย และการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ เกิดเป็นเทรนด์การท่องเที่ยวยุคใหม่ ที่มีโอกาสสร้างมูลค่าเพิ่มให้ภาคการท่องเที่ยวไทยได้กว่า 1.35 แสนล้านบาท ประกอบด้วย


1.การท่องเที่ยวเชิงอาหาร (Gastronomy Tourism) โดยเฉพาะ Street Food ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นถึง 18.1% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิด 2.การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม (Cultural Tourism) เช่น เทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวเข้าร่วมงานกว่า 7.8 แสนคน สร้างรายได้มากถึง 2,880 ล้านบาท 3. การท่องเที่ยวตามรอยภาพยนตร์ ซีรีส์ หรือมิวสิกวิดีโอ (Film Tourism) ล่าสุดหลังจากที่มีการปล่อย MV เพลง “ROCKSTAR” ของ Lisa มีนักท่องเที่ยวตามไปถ่ายรูปเช็คอินที่ถนนเยาวราชจำนวนมาก ขณะที่กระแสรักษ์โลก รักษาสุขภาพ รวมถึงการเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย ทำให้เกิดเทรนด์การท่องเที่ยวใหม่ๆ ที่น่าสนใจ คือ 4.การท่องเที่ยวแบบยั่งยืน (Sustainable Tourism) ซึ่งจากผลสำรวจโดย Booking.com พบว่า 3 ใน 4 ของนักท่องเที่ยวยุคใหม่ต้องการเดินทางท่องเที่ยวแบบอย่างยั่งยืนในอีก 12 เดือนข้างหน้า 5.กลุ่ม Digital Nomad Tourism เป็นกลุ่มที่มีศักยภาพที่เติบโตขึ้นตามกระแส “Workcation” รูปแบบการทำงานในโลกยุคใหม่ที่มีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ และมีการค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนที่สูงกว่านักท่องเที่ยวทั่วไปเกือบเท่าตัว 6.การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) ที่มีโอกาสเติบโตไปพร้อมกับจำนวนผู้สูงอายุ และพฤติกรรมของคนทั่วโลกที่หันมาดูแลสุขภาพมากขึ้น
ทั้งนี้ หลังผ่านครึ่งปีแรกของปี 2567 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยแล้ว 17.5 ล้านคน นักท่องเที่ยวจีนมากที่สุด 3.44 ล้านคน มาเลเซีย 2.44 ล้านคน อินเดีย 1.04 ล้านคน เกาหลีใต้ 0.93 ล้านคน รัสเซีย 0.92 ล้านคน โดยจังหวัดที่นักท่องเที่ยวต่างชาตินิยมมากที่สุด 3 อันดับแรก คือ กรุงเทพมหานคร ชลบุรีและภูเก็ต ส่วนการใช้จ่ายต่อคนขณะพำนักในเมืองไทยอยู่ที่คนละ 45,568 บาท ต่ำกว่าช่วงโควิดเล็กน้อย โดยช่วงโควิดนักท่องเที่ยวใช้จ่ายคนละ 47,895 บาท

นางสาววีระยา ทองเสือ นักวิเคราะห์ ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS กล่าวเสริมว่า ผู้ประกอบการไทยควรปรับตัวเพื่อคว้าโอกาสจากเทรนด์การท่องเที่ยวยุคใหม่ ดังนี้ 1.ปรับรูปแบบผลิตภัณฑ์และบริการให้ตอบโจทย์ความต้องการของนักท่องเที่ยวที่มีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้น เช่น ธุรกิจโรงแรมปรับปรุงที่พักให้สอดรับมาตรฐาน Green Hotel หรือเข้าร่วมโครงการ Sustainable Tourism Acceleration Rating (STAR) เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวสายรักษ์ธรรมชาติ และ 2.นำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการดำเนินธุรกิจ เช่น ธุรกิจร้านอาหาร อาจนำหุ่นยนต์อัตโนมัติเข้ามาช่วยเสิร์ฟอาหาร เพื่อลดผลกระทบจากปัญหาขาดแคลนแรงงาน

นอกจากนี้ เสนอให้ภาครัฐพิจารณาแนวนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยมุ่งเน้นไปที่ 1.เจาะตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่มศักยภาพสูง โดยอาจเพิ่มทางเลือกในส่วนของประกันสุขภาพให้กับกลุ่ม Digital Nomad ที่มาขอ Destination Thailand Visa Revealed (DTV) 2.ผลักดันให้เกิดกระแสการเดินทางเที่ยวตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในเมืองรอง โดยเชื่อมโยงกับกลุ่ม Wellness Tourism ที่ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้สูงวัยที่สามารถท่องเที่ยวในวันธรรมดาได้ 3.เร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยวทั้งในประเทศ และระหว่างประเทศ รวมถึงสร้างระบบด้านความปลอดภัย ซึ่งเป็นเรื่องเร่งด่วนที่จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นและดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเที่ยวไทยมากขึ้น.-513-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ยกระดับห้าม จยย.-รถเข็น จากกัมพูชาเข้าไทย

สระแก้ว 23 มิ.ย.-ตอบโต้ทันควัน! ไทยสั่งห้ามรถเข็น-จยย.เขมร เข้ามาเด็ดขาด บรรยากาศด่านคลองลึกตึงเครียด เจรจาระดับเจ้าหน้าที่ หลังกัมพูชางดนำเข้าน้ำมันไทย เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงาน บรรยากาศบริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ก่อนการเปิดด่านฝั่งกัมพูชา ในเวลา 09.00 น. ว่า มีตึงเครียดผิดปกติ โดยปกติจะมีแรงงานกัมพูชาจำนวนมากขี่รถจักรยานยนต์ รถพ่วงข้าง และรถชาลี มารอข้ามแดนเข้ามาทำงานในตลาดโรงเกลือ แต่เช้าวันนี้ภาพดังกล่าวหายไปอย่างสิ้นเชิง หลังทางฝั่งไทย “ยกระดับตอบโต้” ต่อมาตรการของกัมพูชาที่ประกาศงดรับน้ำมันและก๊าซจากไทย กองกำลังบูรพา ได้กำหนดมาตรการควบคุมพื้นที่เพิ่มเติม เพื่อรักษาความปลอดภัยสูงสุดบริเวณพื้นที่ชายแดน และการป้องกันลักลอบกระทำผิดกฎหมายต่างๆ โดยไม่อนุญาตให้รถเข็นคนเดิน (ตั้งแต่ 2 ล้อขั้นไป), รถจักรยานยนต์ที่ติดแผ่นป้ายทะเบียนราชอาณาจักรกัมพูชา และรถจักรยานยนต์ ดัดแปลงทุกประเภท ของกัมพูชา เข้ามาในราชอาณาจักรไทย บริเวณ จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก, จุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา บ้านหนองเอี๋ยน-สตึงบท, จุดผ่านแดนถาวรบ้านเขาดิน, จุดผ่อนปรนการค้าบ้านตาพระยา และจุดผ่อนปรนการค้าบ้านหนองปรือ โดยให้หน่วยที่รับผิดชอบ บังคับใช้มาตรการดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย. เวลา […]

ทหารกัมพูชาพาชาวบ้าน พระ-แม่ชี ขึ้นปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 23 มิ.ย.-มาแบบไหนอีก ทหารกัมพูชาพาชาวบ้าน พระสงฆ์ แม่ชีนับพัน ขึ้นปราสาทตาเมือนธม พร้อมทำพิธีกราบไหว้ หลังจากมีคณะปั่นจักรยานไทยเข้าทำกิจกรรมที่ปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ อย่างคึกคัก และมีชาวไทยจากหลายพื้นที่แห่เที่ยวให้กำลังใจทหารแนวหน้า หลังมีข่าวทั้ง 2 ฝ่ายประกาศปิดด่านเพิ่ม ขณะที่ฝั่งกัมพูชา ก็ตอบโต้ฝ่ายไทยอย่างไม่ลดละ มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะเมื่อวานนี้ (22 มิ.ย.68) ตลอดทั้งวัน มีชาวบ้าน พระสงฆ์ และแม่ชี นับพันคนขึ้นมาเที่ยวบนตัวปราสาทตาเมือนธม พร้อมทำพิธีกราบไหว้ ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารไทยต้องคุมเข้มอย่างหนัก เพื่อไม่ให้ทำผิดเงื่อนไข ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในช่วงบ่ายวันนี้ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมคณะ เตรียมลงพื้นที่ให้กำลังใจกำลังพล และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดด้วย.-715.-สำนักข่าวไทย

รัฐบาลสั่งจับกุมอุปกรณ์เสพติดรูปแบบใหม่ วางขายโจ๋งครึ่ม

ทำเนียบ 23 มิ.ย.-รัฐบาลสั่งจับกุมอุปกรณ์เสพติดรูปแบบใหม่ ล่อใจเยาวชน ทำคล้ายยาดม ลูกอม วางขายโจ๋งครึ่ม ในแพลตฟอร์มออนไลน์ เตือนผู้ปกครองเข้าถึงเยาวชนง่าย อันรายถึงชีวิต นายอนกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลได้สั่งการ ในการจับกุมยาเสพติดและสารเสพติดในรูปแบบต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งตำรวจไซเบอร์และส่วนราชการอื่นๆ ให้ดำเนินการจับกุมและปราบปรามให้เข้มข้นขึ้น โดยสถานการณ์และสถิติการใช้ยาเสพติดในไทย ปี 2568 แม้ภาครัฐจะดำเนินมาตรการปราบปรามและสกัดกั้นการลักลอบนำเข้าและจำหน่าย รวมถึงบำบัดผู้ติดยาเสพอย่างต่อเนื่อง แต่ปัญหายาเสพติดในประเทศไทยยังคงเป็นภัยเงียบที่สร้างปัญหาและทำลายเศรษฐกิจและประชาชน โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนและวัยแรงงาน ซึ่งเป็นกำลังสำคัญของประเทศ นายอนุกูล กล่าวว่า จากข้อมูลผลการติดตาม เฝ้าระวังผลิตภัณฑ์อันตรายต่อสุขภาพของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขณะนี้พบสารเสพติดพันธุ์ใหม่ กลายพันธุ์แปลงร่าง ปรับรูปแบบหน้าตาผลิตภัณฑ์ให้สวยงามน่ารักมากขึ้น โดยผลิตเลียนแบบลูกอม ปรุงรสชาติผลไม้ และออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้มีความสวยงามสดใส มีดีไซน์คล้ายกล่องขนม ดูยากขึ้น จนแยกไม่ออกว่าเป็นผลิตภัณฑ์เสพติด หรือกล่องขนม ซึ่งมีทั้งผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าจากต่างประเทศและผลิตในไทย โดยวางจำหน่ายอย่างเปิดเผยในแพลตฟอร์มออนไลน์ ราคาเริ่มต้นเพียงหลักร้อยบาทเท่านั้น สำหรับผลิตภัณฑ์อันตรายที่พบมีดังนี้1.บุหรี่ไฟฟ้าพันธุ์ใหม่ GEN 6ปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ผลิตภัณฑ์ให้ดูเหมือนยาดมแท่งจนแยกไม่ออก มีการโฆษณาว่าคล้ายยาดม แต่มีส่วนผสมเป็นนิโคติน 3-5% โดยรู้จักในชื่อ พอดจมูก พอดยาดม สูบได้ทั้งทางจมูกและทางปาก […]

ชายถูกตีหัวทิ้งศพริมถนน พบก่อนตายโพสต์ภาพหลักฐานสำคัญ

สมุทรสาคร 22 มิ.ย.- พบศพชายถูกตีศีรษะเสียชีวิตริมถนน สืบหาเบาะแสจากโซเชียลเจอหลักฐานสำคัญ ตำรวจเร่งล่าตัวผู้ก่อเหตุ ผู้เสียชีวิตทราบชื่อคือนายอ้วน อายุ 33 ปี สภาพถูกของแข็งตีที่ศีรษะเป็นแผลฉกรรจ์ ถูกทิ้งร่างไว้ริมถนนแคราย หมู่ 5 ต.แคราย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ข้างศพมีขวดเบียร์ตกอยู่ และฝั่งตรงข้ามมีรถจักรยานยนต์ จอดอยู่หน้าร้านโชห่วยใกล้จุดพบศพ คาดว่าเป็นของผู้เสียชีวิต โดยก่อนหน้านี้มีพลเมืองดีขับรถส่งน้ำแข็งผ่านมาพบร่าง จึงโทรแจ้งตำรวจ สภ.กระทุ่มแบนให้มาตรวจสอบ ช่วงตีสี่วันนี้   ตำรวจสังเกตเสื้อที่ผู้เสียชีวิตสวมใส่มีคำสกรีนเป็นชื่อเฟซบุ๊ก จึงเข้าไปตรวจสอบ พบว่าประมาณตีหนึ่ง ผู้เสียชีวิตสวมเสื้อตัวเดียวกัน และโพสต์ภาพคู่กอดคอกับชายคนหนึ่ง ระบุข้อความว่า “จบสะทีนะปัญหาหมู่บ้าน” และที่น่าสังเกตคือวิวในรูปเป็นริมถนนและมีขวดเบียร์ที่พบข้างศพตั้งอยู่ด้านหน้าด้วย และในโพสต์ มีคนมาแสดงความคิดเห็น ข้อความสำคัญว่า “ใครเป็นญาติครับติดต่อผมหน่อย เค้าโดนตี” เรื่องนี้ตำรวจจะเร่งตรวจสอบวงจรปิด คาดว่าจะติดตามตัวผู้ก่อเหตุได้เร็ววันนี้ .-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

รับ 22 แรงงานไทยสิ้นสุดการทำงานจากอิสราเอลกลับถึงไทย

23 มิ.ย.- ‘ปลัดฯ บุญสงค์’ รับ 22 แรงงานไทยสิ้นสุดระยะเวลาการทำงานจากอิสราเอลกลับถึงไทย ขณะที่ล่าสุดแจ้งขอกลับเพิ่ม 9 ราย วันที่ 23 มิถุนายน 2568 เวลา 20.00 น. นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย นายสมาสภ์ ปัทมะสุคนธ์ รองปลัดกระทรวงแรงงาน นายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน นายศักดินาถ สนธิศักดิ์โยธิน ผู้ช่วยปลัดกระทรวงแรงงาน และคณะ รับและพบปะพูดคุยให้กำลังใจแรงงานไทยซึ่งเป็นลูกจ้างของบริษัท Chemo Aharon Ltd. จำนวน 22 ราย ที่ทำงานในภาคอุตสาหกรรม สัญญาจ้าง 2 ปี และเป็นกลุ่มแรงงานที่สิ้นสุดโปรเจคระยะสั้น จึงเดินทางกลับประเทศไทย โดย ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า แรงงานกลุ่มดังกล่าวมีกำหนดเดินทางกลับตั้งแต่วันที่ 16 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา แต่เนื่องจากสถานการณ์ที่ไม่ปกติ จึงทำให้ไม่สามารถเดินทางได้ตามกำหนด โดยทางบริษัท […]

กองทัพสั่งปิด 6 ด่าน 10 จุดผ่อนปรน ชายแดนไทย-กัมพูชา

23 มิ.ย.- “กองทัพ” สั่งปิด 6 ด่าน 10 จุดผ่อนปรน ตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ยกเว้นช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม-นักเรียน วันที่ 23 มิ.ย.68 เวลา 19.10 น. กองทัพภาคที่ 1 ได้เผยแพร่คำสั่งกองทัพภาคที่ 1 เรื่องควบคุมการเปิด – ปิด จุดผ่านแดนทุกประเภท ลงนามโดย พลโท อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาคที่ 1 สำหรับเนื้อหาระบุว่า เนื่องด้วยปัจจุบัน ปรากฏข่าวสารทหารกัมพูชามีการรุกลํ้าอธิปไตยในพื้นที่ของประเทศไทยโดยการลาดตระเวน ปรับปรุงที่มั่น และดัดแปลงภูมิประเทศ รวมถึงมีการนำประชาชนเข้ามาแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ในพื้นที่ กองทัพภาคที่ 2 ซึ่งส่งผลกระทบทำให้ความปลอดภัยของประชาชนตามแนชายแดนได้รับความเดือดร้อน และเกิดความตึงเครียด จากสถานการณ์ดังกล่าว อาจส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชน ที่เดินทางข้ามแดนในพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 รวมถึงยังปรากฎการก่ออาชญากรรมข้ามชาติ ขบวนการ Call Center และ Hybrid Scamซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในประเทศ และในภูมิภาคเป็นวงกว้าง กองทัพภาคที่ 1ในฐานะที่เป็นหน่วยรับผิดชอบพื้นที่แนวชายแดนไทย – […]

นายกฯ ขีดเส้น 3 เดือนเห็นผล แก้อาชญากรรมข้ามชาติ

ทำเนียบ 23 มิ.ย.- นายกฯ นำแถลงไทยประกาศยกระดับการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ สั่งตัดอินเทอร์เน็ตที่ส่งให้หน่วยงานมั่นคงกัมพูชาทั้งหมด เข้มการเข้า-ออก จำกัดเวลาเปิดด่านชายแดนกัมพูชา ทั้ง 7 จังหวัด สกัดนักพนันบินไปเสียมราฐ จ่อระงับส่งออกน้ำมัน ด้านทหาร-ตำรวจ จับมือ ปปง. คว่ำบาตรขบวนการฟอกเงินข้ามประเทศ ขีดเส้น 3 เดือนสถิติแจ้งความต้องลดลง ไทยประกาศยกระดับการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ พร้อมอาสาเป็นเจ้าภาพร่วมมือนานาชาติ ขณะ “นายกฯ” สั่ง ตัดอินเทอร์เน็ตที่ส่งให้หน่วยงานมั่นคงกัมพูชาทั้งหมด เข้ม การเข้า-ออก จำกัดเวลาเปิดด่านชายแดนกัมพูชา ทั้ง 7 จังหวัด สกัดบินเล่นพนัน – จ่อระงับส่งออกน้ำมัน ด้าน ทหารตำรวจ จับ มือ ปปง.คว่ำบาตร กระบวนการฟอกเงินข้ามประเทศ ขีดเส้น 3 เดือน เห็นผล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมติดตามมาตรการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ว่า รัฐบาลประกาศยกระดับการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ โดยที่ไทยอาสาเป็นเจ้าภาพในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติในการหาความร่วมมือกับนานาประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ที่กระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน รวมไปถึงความเชื่อมั่นของประเทศไทยในระดับนานาชาติ […]

ผบ.ตร.ยันเอาผิด “ฮุน เซน” ได้หรือไม่ขึ้นกับพยานหลักฐาน

23 มิ.ย. – ผบ.ตร. ระบุสอบสวนปมคลิปเสียง “ฮุน เซน” อาจเชิญนายกฯ ไทย ขึ้นอยู่กับดุลพินิจพนักงานสอบสวน ส่วนการดำเนินคดีเอาผิด “ฮุน เซน” ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย และอดีต ผบ.ตร. เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา (อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา) ในความผิดต่อกฎหมายไทย ว่าก่อนหน้านี้ทางเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) เดินทางมาเพื่อขอให้ดำเนินคดีกับผู้นำของประเทศกัมพูชา ตนเองเชื่อว่าทั้งหมดมีความรักชาติ รักแผ่นดิน จึงมีการนำข้อมูลมามอบให้กับตำรวจ แต่ต้องยอมรับว่า 2 กรณีเป็นคนละเหตุการณ์ และเกิดในพื้นที่แตกต่างกัน ย้ำตำรวจไม่หนักใจ และได้สั่งการให้หน่วยงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่เกี่ยวข้องนำเรื่องไปพิจารณาตามหน้าที่และอำนาจเพื่อนำมาเสนอกลับให้ตนเอง การที่มีหลักฐานต่างๆ ยิ่งเป็นเรื่องดี เพื่อยืนยันว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำตามหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ต่อให้เป็นเรื่องนอกราชอาณาจักร ส่วนจะมีการสอบปากคำในส่วนของผู้ถูกกล่าวถึง อย่างสมเด็จฮุน เซน ด้วยหรือไม่นั้น การจะเอาผิดได้หรือไม่อยู่ที่การสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน แต่เบื้องต้นต้องสอบสวนในส่วนของผู้กล่าวหาก่อน ส่วนข้อมูลของอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจะสามารถเอาผิดผู้นำประเทศกัมพูชา ได้หรือไม่ต้องเป็นการพิจารณาของพนักงานสอบสวนก่อนเช่นกัน ส่วนกรณีที่นายสมคิด เชื้อคง […]