จ.กระบี่ 16 พ.ย.-นายกฯ ประชุมพัฒนาศก.-สังคมกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน เห็นชอบ 7 โครงการเร่งด่วน วงเงิน 494 ล้านบาท พร้อมอนุมัติสสปน.ยื่นประมูลให้ภูเก็ตเป็นเจ้าภาพจัดงาน Specialised Expo 2571 เชื่อเกิดจ้างงานกว่าแสนตำแหน่ง
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานประชุมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน (กระบี่ ตรัง พังงา ภูเก็ต ระนอง และสตูล) โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัด 6 จังหวัดพร้อมด้วยผู้แทนภาคเอกชนเข้าร่วมหารือ ได้แก่ ประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคใต้ หอการค้าไทย ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดภูเก็ต ประธานหอการค้ากลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน ประธานสภาอุตสาหกรรมกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ และเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคใต้ หอการค้าไทย
นายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณชาวกระบี่ที่ต้อนรับอย่างอบอุ่นจากการลงพื้นที่วานนี้(15 พ.ย.) ดีใจที่เห็นความก้าวหน้าและสัมผัสได้ถึงความมีชีวิตชีวา หลังจากที่รัฐบาลมีนโยบายการเปิดประเทศ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งในการประชุมเอเปคที่ผ่านมาได้แจ้งให้นายกรัฐมนตีนิวซีแลนด์ทราบและหลายประเทศสนใจแนวทางการเปิดประเทศของไทย สิ่งสำคัญที่ต้องทำต่อไปคือการติดตามและอำนวยความสะดวกการเดินทางเข้า-ออก การบริหารจัดการท่าอากาศยานให้สะดวก รวดเร็ว
“วันนี้แนวโน้มจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่และผู้เสียชีวิตมีทิศทางลดลง ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นความผิดชอบร่วมกันของภาครัฐ ประชาชน รวมทั้งผู้ประกอบการและภาคเอกชน ที่ต้องช่วยกันดำเนินการตามมาตรการสาธารณสุข เพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาด ให้เป็นการท่องเที่ยวปลอดภัยมากขึ้น” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวชื่นชมการทำงานของภาคเอกชนที่เสนอโครงการระยะเร่งด่วน ซึ่งจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพิจารณาความจำเป็นเร่งด่วน และให้ดำเนินการสอดคล้องกับวงเงินงบประมาณ ทั้งนี้ ภาคเอกชนไม่จำเป็นต้องกล่าวขอบคุณนายกฯ เพราะรัฐบาลชุดนี้มีหน้าที่ดูแลคนไทยทั้ง 77 จังหวัด และต้องอำนวยความสะดวกในการประกอบกิจการให้ภาคเอกชน ผู้ประกอบการ ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาล อยู่แล้ว เอกชนจะต้องเป็นผู้ขับเคลื่อนต่อไป
“ขอให้เข้าใจว่าเงินงบประมาณมีอยู่อย่างจำกัด ซึ่งเป็นเงินของคนไทยทุกคน รัฐบาลมีหน้าที่จัดสรร เพื่อให้เกิดการใช้อย่างคุ้มค่าและเป็นประโยชน์สูงสุด ภายใต้วินัยทางการเงินการคลังอย่างเคร่งครัด” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุม ว่า ที่ประชุมเห็นชอบข้อเสนอโครงการที่มีความจำเป็นเร่งด่วนที่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งปี จำนวน 7 โครงการ ภายใต้กรอบวงเงิน 494 กว่าล้านบาท ดังนี้ 1. โครงการพัฒนาระบบบริการสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อมเกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล 2.โครงการพัฒนาศูนย์เรียนรู้ อนุรักษ์ฟื้นฟูพะยูนและสัตว์ทะเลหายาก จังหวัดตรัง
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า 3. โครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และสิ่งแวดล้อม จังหวัดระนอง 4. โครงการ Phuket Health Sandbox จังหวัดภูเก็ต 5. โครงการศูนย์กลางการท่องเที่ยวและนันทนาการชายฝั่งแห่งเมืองพังงา จังหวัดพังงา (The Park Khaolak) 6. โครงการปรับปรุงท่าเทียบเรือโดยสาร-ท่องเที่ยวปากคลองจิหลาด จังหวัดกระบี่ และ 7. โครงการพัฒนาแหล่งสปาวารีบำบัดน้ำพุร้อนคลองท่อมเมืองสปา จังหวัดกระบี่
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมเห็นชอบหลักการข้อเสนอการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน จำนวน 5 ด้านสำคัญ โดยมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงศึกษาธิการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปพิจารณาเพื่อกำหนดในแผนงานเพื่อเสนอตามขั้นตอน ประกอบด้วย 1. ด้านการเยียวยา ฟื้นฟู และช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ได้แก่ 1) ANDAMAN ECONOMIC TOURISM (เขตเศรษฐกิจเพื่อการท่องเที่ยวอันดามัน) 2.) ANDAMAN GO GREEN สร้างต้นแบบในการใช้แนวคิดการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว 3) การเสนอเป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 (พ.ศ. 2568)
นายธนกร กล่าวว่า 2. ด้านการท่องเที่ยว ประกอบด้วย 1) การยกระดับและพัฒนาศักยภาพศูนย์สั่งการและระบบการแพทย์เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน 2) การยกระดับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการบริการสินค้าเพื่อสุขภาพ กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน 3) การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ (ปรับปรุงจวนข้าหลวงเก่า) ระยะที่ 1 4) Khaolak Surf Town พัฒนาพื้นที่เขาหลักจังหวัดพังงาให้เป็นเมืองแห่งเซิร์ฟ 5) การพัฒนาและฟื้นฟูศักยภาพแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์พื้นที่อุทยานพระนารายณ์เชื่อมโยงมรดกทางวัฒนธรรมอันดามัน 6) การพัฒนาสนามกีฬาเทศบาลนครตรังสู่มาตรฐานสากล 7) การปรับปรุงภูมิทัศน์คลองพังงา 8) การพัฒนาอุตสาหกรรมมารีน่า
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ด้านการเกษตรได้แก่ (1) การพัฒนาอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามันทั้งระบบแบบยั่งยืน (2) การพัฒนาการประมงในอ่าวพังงาอย่างยั่งยืน (2566-2570) (Andaman Sustainable Fisheries Development Project, 2023 – 2027) (3) การส่งเสริมการเลี้ยงแพะและแปรรูปผลิตภัณฑ์แบบครบวงจรตามมาตรฐานอาหารฮาลาล ด้านที่ 4 ด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต ได้แก่ (1) การเพิ่มศักยภาพบริการทางการแพทย์และการแพทย์ฉุกเฉินจังหวัดพังงา (2) การพัฒนาขยายพื้นที่ให้การรักษาพยาบาลโรงพยาบาลระนอง
นายธนกร กล่าวว่า ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ได้แก่ (1) โครงการยกระดับศูนย์วิจัยและบริการวิชาการภูมิภาคอันดามัน (2) การศึกษาระบบเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานทางบก ทางน้ำ ระบบราง และอากาศ(Multimodal Transportation) (3) การศึกษาโครงข่ายคมนาคมแก้ไขปัญหาจราจรในเขตเมืองและสนับสนุนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน (4) การยกระดับโครงสร้างพื้นฐานแหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพประเภทเกาะในกลุ่มจังหวัดอันดามัน (5) การก่อสร้างระบบเคเบิ้ลใต้ดิน พื้นที่เขตอนุรักษ์ย่านการค้าเมืองเก่า จังหวัดภูเก็ต (6) การปรับปรุงสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดระนอง (7) การก่อสร้างขุดลอกและบำรุงรักษาร่องน้ำชายฝั่งทะเล (8) การยกระดับสนามบินนานาชาติกระบี่เป็น Cargo Hub และ (9) การก่อสร้างระบบผลิตน้ำประปา RO. เกาะพีพี อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้ประเทศไทย โดยสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ(สปน. : TCEB) ยื่นเสนอประมูลสิทธิ์ให้จังหวัดภูเก็ตเป็นเจ้าภาพจัดงาน Specialised Expo 2571 ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาภูเก็ตระยะยาว ซึ่งคาดว่าจะมีเงินสะพัดทางเศรษฐกิจถึง 49,231 ล้านบาท มีการจ้างงาน 113,439 ตำแหน่ง รัฐบาลจะมีรายได้จากการจัดเก็บภาษีภาครัฐ 9,512 ล้านบาท ในช่วงการจัดงานด้วย.-สำนักข่าวไทย