ทำเนียบ 8 พ.ย.-ศบค. เผยติดเชื้อโควิดเพิ่ม 7,592 ราย เสียชีวิต 39 คน ย้ำทุกพื้นที่เข้มงวดงานกฐิน หลังพบคลัสเตอร์หลายจังหวัด ขณะที่การเปิดเรียน รอความเห็น คกก.ควบคุมโรค แต่ละพื้นที่แตกต่างกัน ขอโรงเรียนเตรียมความพร้อม
พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. รายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด 19 วันนี้ เพิ่มขึ้น 7,592 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสม 1,946,728 ราย หายป่วยเพิ่ม 7,595 ราย รวมหายป่วยแล้ว 1,830,037 ราย รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล 98,425 ราย เป็นผู้ป่วยอาการหนัก 1,997 ราย, ใส่เครื่องช่วยหายใจ 441 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 39 คน ผู้เสียชีวิตสะสมรวม 19,609 คน ผู้ป่วยยืนยันสะสมรอกใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2563 – 8 พฤศจิกายน 2564 โดยผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น 7,592 ราย เป็นผู้ที่ติดเชื้อในประเทศ 6,871 ราย จากระบบเฝ้าระวังและบริการ 6,743 ราย, จากการค้นหาเชิงรุกในชุมชน 128 ราย, จากเรือนจำ 711 ราย ติดเชื้อจากต่างประเทศ 10 ราย
สำหรับผู้เสียชีวิตวันนี้ ร้อยละ 90 ของยังคงอยู่ในกลุ่ม 60 ปีขึ้นไป รวมทั้งมีโรคประจำตัว ยังไม่ได้รับวัคซีน หรือได้รับวัคซีนไม่ครบ 2 โดส ขณะที่การควบคุมการแพร่ระบาดทั่วประเทศลดลงอย่างต่อเนื่อง รวมถึงในพื้นที่ 4 จังหวัดภาคใต้
พญ.อภิสมัย กล่าวอีกว่า ส่วนรายงานพบผู้ติดเชื้อเป็นคลัสเตอร์ ศปก.ศบค. เป็นห่วงงานทอดกฐินที่เน้นย้ำตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา วันนี้(8 พ.ย.) พบการติดเชื้อในหลายจังหวัด เช่น ยโสธร ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ ประจวบคีรีขันธ์ สิงห์บุรี กาญจนบุรี สตูล รวมทั้ง งานศพ ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ กาญจนบุรี พัทลุง สงขลา จึงขอความร่วมมือไปยังจังหวัด วัด รวมถึงประชาชนในพื้นที่ ที่จะเดินทางข้ามพื้นที่ไปร่วมงานทอดกฐิน ขอให้ระมัดระวังป้องกันตนเองขั้นสูงสุด และขอให้ปฏิบัติตามมาตรการสาธารณะสุขภายในวัดอย่างเข้มงวด
นอกจากนี้ยังพบการติดเชื้อเป็นคลัสเตอร์ในแคมป์คนงานก่อสร้าง ที่ กทม. เชียงใหม่ ขอนแก่น นครนายก จันทบุรี ประจวบคีรีขันธ์และสงขลา โรงงาน สถานประกอบการ ขอนแก่น สมุทรปราการ ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี พัทลุง และคลัสเตอร์ ตลาด ที่จังหวัดเชียงใหม่ 65 ราย สุรินทร์ อุดรธานี พิษณุโลก จันทบุรี ชลบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ราชบุรี และสงขลา
พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ภาพรวมการฉีดวัคซีนทั่วประเทศ 80,499,612 โดส แบ่งเป็นวัคซีนเข็มที่ 1 สะสม 43,990,610 ราย วัคซีนเข็มที่ 2 สะสม 33,912,537 รายเข็มที่ 3 สะสม 2,596,465 ราย
“การฉีดวัคซีนในพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวที่จังหวัดยังฉีดไม่ได้ตามเป้าหมาย จึงขอให้เร่งระดมฉีดวัคซีนให้ได้ตามที่กำหนด ส่วนจังหวัดที่ฉีดเกินเป้าหมายแล้ว ยังคงเน้นย้ำให้เร่งระดมฉีดวัคซีนต่อไป เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่มีความปลอดภัย โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้ป่วย 7 โรคเรื้อรัง และหญิงตั้งครรภ์ ตลอดจนครู และบุคลากรทางการศึกษา พนักงานขับรถสาธารณะ ขอให้แต่จังหวัดพิจารณาตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่”ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าว
ส่วนการเดินทางเข้าราชอาณาจักรของนักท่องเที่ยว ตั้งแต่วันที่ 1-7 พฤศจิกายน สะสม 22,832 ราย มาจากหลายประเทศ เช่น เยอรมันนี สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ รัสเซีย ผ่านท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เชียงใหม่ ภูเก็ต และสมุย โดยแบ่งเป็นนักท่องเที่ยวที่ไม่ต้องกักตัว 14,278 ราย เข้าระบบ แซนบล็อกซ์ 7,483 ราย เข้าสถานกักกัน 7-10 วัน 1,071 ราย ซึ่งในจำนวนผู้ที่เดินทางเข้าประเทศ พบผู้ติดเชื้อ 20 คน อย่างไรก็ตามผู้ที่ได้รับอนุญาตที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ต้องกักตัว เพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจควบคู่กับความมั่นคงด้านสาธารณสุขซึ่งเป็นแผลเปิดประเทศของรัฐบาล การแพร่ระบาดที่ยังมีอยู่ แม้ด้านสาธารณสุข ยังสามารถรับได้ แต่ยังต้องเน้นย้ำให้ภาครัฐ ผู้ประกอบการ ต้องระมัดระวังเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด รวมถึงขอความร่วมมือกับประชาชน ระมัดระวังตนเองด้วย
พญ.อภิสมัย กล่าวว่า วันนี้(8 พ.ย.) ศปก.ศบค. จะประชุมร่วมกับหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งการพิจารณาโรงพยาบาล ผู้ปฏิบัติงาน เมื่อนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาแล้วจะต้องได้รับการตรวจ RT-PCR เมื่อเป็นผลลบ จึงจะเดินทางท่องเที่ยวได้ ซึ่งที่ผ่านมาการทำงานอาจจะล่าช้า โดยจะพยายามดำเนินการให้เร็วขึ้น เช่น ผลตรวจ RT-PCR จะพยายามให้รอผลน้อยกว่า 6 ชั่วโมง การอนุมัติผู้ลงทะเบียนผ่าน Thailand pass ขอให้ดาวน์โหลด QR code เพื่อให้การลงทะเบียนไปด้วยความเรียบร้อย และรวดเร็วขึ้น รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งสายการบิน Call Center สถานประกอบการในพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว ที่อาจมีความขัดข้องในช่วงสัปดาห์แรก ศปก.ศบค. จะประชุมเพื่อหาวิธีการทำให้การเดินทางเข้าประเทศของนักท่องเที่ยว ราบรื่น และรวดเร็ว มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ผู้ช่วยโฆษก ศบค. ยังเปิดเผยว่า ที่ประชุม ศปก.ศบค.ยังเป็นห่วงช่วงเทศกาล งานประเพณี ขอให้เน้นย้ำให้ทุกพื้นที่ที่จัดงานเฝ้าระวังมาตรการ covid free setting สำหรับร้านอาหาร โรงแรม ที่จำเป็นจะต้องเปิดรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติในเร็วๆนี้ ขอให้เข้มงวดมาตรการที่ ศบค. กำหนด
สำหรับการเปิดเรียนแบบ on site ในแต่ละพื้นที่ ขอให้เป็นไปตามความเห็นของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ซึ่งสามารถลงรายละเอียดได้แตกต่างกันในแต่ละอำเภอ แต่ละพื้นที่ โดยกระทรวงสาธารณสุข เน้นย้ำให้แต่ละโรงเรียนเตรียมความพร้อมก่อนที่จะเปิดเรียน ครูและบุคลากรจะต้องฉีดวัคซีนได้ครอบคลุม รวมถึงโรงเรียนจะต้องประเมินความพร้อมตนเอง ด้วยคำถามถาม stop covid plus การเรียนการสอนขอให้จัดแบบ small bubble ไม่ อนุญาตให้มีกิจกรรมรวมกลุ่มที่อาจมีนักเรียนหลายชั้นมารวมกันในห้องประชุมใหญ่ จัดระบบการให้บริการอาหาร รวมถึงอนามัยสิ่งแวดล้อม การระบายอากาศ การทำความสะอาด รวมถึงทบทวนแผนเผชิญเหตุ กรณีพบนักเรียนติดเชื้อ โดยไม่ต้องปิดเรียนทั้งหมด ส่วนการที่บางโรงเรียนให้มีการตรวจ ATK ถึง 2 ครั้ง ซึ่งอาจจะมากกว่า มาตรฐานที่กำหนด นั้นถือเป็นเรื่องดี แต่ทั้งนี้ ต้องอยู่ที่ความพร้อม และ ประเด็นค่าใช้จ่าย ด้วย แต่ การตรวจ ATK เฉพาะกลุ่มเสี่ยง และสามารถนำค่าใช้จ่ายในการตรวจ ATK ไปลดหย่อนภาษีได้ 1.5 เท่า-สำนักข่าวไทย