กระทรวงมหาดไทย 4 พ.ย.- ก.มหาดไทย จัดพิธีมอบหนังสือพระราชทานสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน ฯเล่ม 42 ให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัด นำไปมอบให้แก่โรงเรียนต่าง ๆ เพื่อใช้ในการศึกษาของคนทุกช่วงวันในพื้นที่
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานพิธีมอบหนังสือพระราชทานสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน โดยพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เล่ม 42 ให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด และปลัดกรุงเทพมหานคร ในฐานะประธานกรรมการศึกษาธิการจังหวัด สำหรับนำไปมอบให้แก่โรงเรียนต่าง ๆ เพื่อใช้ในการศึกษา
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ในการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงสืบสาน รักษา ต่อยอด พระราชปณิธานในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ด้วยการนำเอาองค์ความรู้ที่แตกต่างกันตามหมวดสาขาวิชาต่าง ๆ ให้นักวิชาการ ผู้รู้ ช่วยกันเรียบเรียงในภาษาที่ง่าย เผยแพร่ไปสู่เด็ก เยาวชน และผู้ใหญ่ ในทุกจังหวัด ทำให้ทั้งผู้ปกครอง ครูบาอาจารย์ เด็ก และเยาวชน ได้มีโอกาสในการที่จะแสวงหาองค์ความรู้ที่แตกต่างหลากหลาย ซึ่งจะเป็นพื้นฐานในการที่จะทำให้เด็กสามารถเติบใหญ่ และทำให้ผู้ใหญ่สามารถแนะนำลูกหลาน ให้มีความรู้และความเข้าใจในสิ่งต่าง ๆ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก และที่สำคัญที่สุด ทรงมีพระราชดำริให้จัดทำสารานุกรมในรูปแบบ E-Book ด้วย อันจะยิ่งทำให้สามารถทำให้เรื่องราวต่าง ๆ ในสารานุกรมสามารถแพร่กระจายไปสู่ประชาชนทุกวัยได้โดยง่าย นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่พระราชทานให้กับพวกเราชาวไทย
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงมหาดไทยรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมในการสนองแนวพระราชดำริ ในการอัญเชิญสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ ไปสู่จังหวัดต่าง ๆ เพื่อมอบให้กับโรงเรียนในพื้นที่ ให้นักเรียนได้เข้าถึงสารานุกรมฯ ได้อย่างกว้างขวางและทั่วถึงตามพระราชปณิธาน โดยได้เน้นย้ำให้ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดในฐานะประธานกรรมการศึกษาธิการจังหวัด ได้สนองแนวพระราชปณิธานนี้ ด้วยการจัดกิจกรรมเพื่อเผยแพร่ให้เป็นที่รับรู้ของสาธารณชน และสามารถเข้าถึงสารานุกรมฯ ทั้งที่เป็นเล่มและเป็น E-Book จำนวน 3 กิจกรรม ได้แก่ ส่วนที่ 1 การจัดนิทรรศการร่วมกับมูลนิธิโครงการสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน โดยพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในทุกจังหวัด เพื่อขยายผลในการเผยแพร่เรื่องราวของพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงสืบสาน รักษา ต่อยอด แนวพระราชปณิธาน เพื่อให้พี่น้องคนไทยในทุกจังหวัด ทุกอำเภอ ตำบล หมู่บ้าน ได้รับรู้รับทราบ ในส่วนที่ 2 สนับสนุนการจัดประกวด ทดสอบความรู้ เพื่อกระตุ้นให้เด็ก และเยาวชนที่สนใจศึกษาเรียนรู้ เรื่องราวสาระต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ในสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ แข่งขันตอบคำถามรับโล่และประกาศนียบัตรเพื่อเป็นขวัญกำลังใจ และส่วนที่ 3 เชิญชวนพี่น้องประชาชนผู้มีจิตศรัทธาร่วมสนับสนุนด้วยการบริจาคเงินเพื่อจัดพิมพ์สารานุกรมเพื่อเยาวชนจากมูลนิธิ เพื่อที่จะนำไปเผยแพร่ให้หลากหลายมากยิ่งขึ้น
“กระทรวงมหาดไทย จะร่วมกันสนองพระราชปณิธานในการสร้างองค์ความรู้ให้กับลูกหลานและคนในชาติของเรา อย่างกว้างขวาง และต่อเนื่อง ไม่เป็นไฟไหม้ฟาง” นายสุทธิพงษ์ กล่าวตอนท้าย
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 23 ต.ค. 2564 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จออกพร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา และเจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์เกษม วัฒนชัย ประธานกรรมการมูลนิธิโครงการสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน โดยพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และคณะ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายหนังสือสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน ฯ เล่มที่ 1-42 จำนวน 1 ชุด เพื่อทรงใช้ตามพระราชอัธยาศัย และน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายหนังสือสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน ฯ เล่มที่ 42 จำนวน 9,335 เล่ม พระราชทานแก่นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เชิญไปมอบแก่ผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะประธานกรรมการศึกษาธิการจังหวัดสำหรับนำไปมอบให้แก่โรงเรียนต่างๆ เพื่อใช้ในการศึกษา
หนังสือชุดสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ ถือกำเนิดขึ้นด้วยพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่มีพระราชประสงค์จะให้มีหนังสือที่จะรวบรวมความรู้แขนงต่าง ๆ สำหรับพสกนิกรได้มีโอกาสอ่านและศึกษาหาความรู้ด้วยตนเอง ซึ่งได้ริเริ่มดำเนินการในปีพุทธศักราช 2511 โดย พลโท พระยาศัลวิธานนิเทศ รับสนองพระราชประสงค์เกี่ยวกับการจัดทำหนังสือสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน โดยได้รับพระราชทานเงินจำนวนหนึ่ง เพื่อเป็นทุนในการจัดทำและได้ดำเนินงานมาจนถึงพุทธศักราช 2562 และต่อมาพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้โครงการสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน เปลี่ยนสถานะเป็นมูลนิธิ โดยใช้ชื่อว่า “มูลนิธิโครงการสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน โดยพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร” และพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ใช้เงินและทรัพย์สินของโครงการสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ เป็นทุนเริ่มแรก ในการจดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิ ทั้งยังมีพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ โปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นองค์ที่ปรึกษา และมี ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์เกษม วัฒนชัย เป็นประธานโครงการฯ
ลักษณะพิเศษของสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน มีลักษณะพิเศษหลายประการ ตามแนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศ มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร คือ หนังสือชุดนี้จัดทำโดยคนไทยเพื่อให้คนไทยอ่าน เรียบเรียงเรื่องมี 8 สาขาวิชา คือ 1 สาขามนุษยศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม 2 สาขาศึกษาศาสตร์ 3 สาขาสังคมศาสตร์ 4 สาขาเกษตรศาสตร์ 5 สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 6 สาขาวิทยาศาสตร์ชีวภาพ 7 สาขาแพทยศาสตร์และการสาธารณสุข และ 8 สาขาวิศวกรรมศาสตร์ โดยเนื้อหาสาระในแต่ละเรื่องให้ความรู้ ความเข้าใจ มีความเชื่อมโยงกัน และแบ่งเนื้อออกเป็น 3 ส่วนแตกต่างกัน ตามระดับวัย และความรู้ คือ ส่วนเด็กเล็ก ส่วนเด็กกลาง และส่วนเด็กโต ซึ่งรวมถึงผู้ใหญ่และผู้สนใจทั่วไปด้วย
สำหรับการจัดพิมพ์ในเล่ม 42 เป็นการจัดพิมพ์ต่อเนื่องจากที่ดำเนินการมาแล้วตั้งแต่รัชกาลก่อนและมาสำเร็จบริบูรณ์ในรัชกาลปัจจุบัน เป็นเล่มที่มีความพิเศษยิ่ง เนื่องจากเป็นหลักฐานยืนยันถึงพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงสืบสาน รักษา และต่อยอด พระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ให้ยั่งยืน โดยกระทรวงมหาดไทย ได้เชิญไปมอบให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อเชิญไปมอบแก่โรงเรียนต่างๆ เพื่อให้มีหนังสือที่รวบรวมความรู้แขนงต่าง ๆ สำหรับเยาวชนและประชาชนทั่วไปได้มีโอกาสอ่านเพื่อศึกษาหาความรู้ สามารถสร้างประโยชน์ให้กับตนเอง ครอบครัว ตลอดจนสังคม และประเทศชาติต่อไป.-สำนักข่าวไทย