กัวลาลัมเปอร์ 21 ต.ค. -นายไซฟุดดิน อับดุลละฮ์ รัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซียกล่าววันนี้ว่า สมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ อาเซียน ควรคิดทบทวนใหม่เกี่ยวกับนโยบายไม่แทรกแซงกิจการภายในของประเทศสมาชิกด้วยกันที่ดำเนินมาเป็นเวลาหลายทศวรรษ ท่ามกลางวิกฤตการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนในเมียนมาที่ย่ำแย่ลงเรื่อย ๆ
นายไซฟุดดิน กล่าวว่า อาเซียนควรประเมินในเชิงลึกในเรื่องนโยบายไม่แทรกแซงกิจการภายในของกันและกัน หลังที่เกิดสถานการณ์ที่ย่ำแย่ลงเรื่อย ๆ ในเมียนมา เนื่องจากมีพลเรือนมากกว่า 1,000 คนถูกสังหารจากการที่กองทัพปราบปรามการประท้วงนับตั้งแต่เกิดรัฐประหารในเมียนมาเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ เขากล่าวด้วยว่า นโยบายหลีกเลี่ยงการแทรกแซงส่งผลให้อาเซียนไม่สามารถตัดสินใจที่ได้ผลอย่างทันท่วงที พร้อมทั้งเสนอแนะให้เปลี่ยนไปใช้นโยบายใหม่ ได้แก่การมีส่วนร่วมอย่างสร้างสรรค์ หรือ การไม่เพิกเฉยต่อกัน กลุ่มอาเซียนตัดสินใจอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเมื่อวันศุกร์ที่แล้วที่จะไม่เชิญผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมาเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่จะจัดขึ้นในเดือนนี้ เนื่องจากยังไม่มีความคืบหน้าในแผนสันติภาพที่เมียนมาตกลงกับอาเซียนไว้เมื่อเดือนเมษายน โดยอาเซียนจะเชิญตัวแทนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองของเมียนมาเข้าร่วมในการประชุมแทน แหล่งข่าวเปิดเผยว่า การตัดสินใจดังกล่าว ผลักดันโดยมาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์ ถือเป็นก้าวสำคัญที่กล้าหาญของอาเซียนที่ไม่เคยมีมาก่อน เนื่องจากอาเซียนยึดถือประเพณีเรื่องฉันทามติและการมีส่วนร่วมมากกว่าจะวิพากษ์ตำหนิชาติสมาชิก ทางด้านโฆษกของรัฐบาลทหารเมียนมา กลาวก่อนหน้านี้ว่า การตัดสินใจของอาเซียนดังกล่าวเป็นเพราะถูกแทรกแซงจากต่างชาติ รวมถึงสหรัฐและสหภาพยุโรป.-สำนักข่าวไทย